พบผลลัพธ์ทั้งหมด 651 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1590/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขอบเขตคำขอในคดีแสดงกรรมสิทธิ์ การพิพากษาต้องเป็นไปตามที่โจทก์ขอเท่านั้น แม้มีส่วนที่รุกล้ำ
โจทก์ฟ้องขอให้ศาลแสดงว่าที่ดินหมายเลข 2 ตามแผนที่ท้ายฟ้องเป็นของโจทก์ ทางพิจารณาได้ความว่า ที่ๆ โจทก์ขอตามฟ้องเป็นของโจทก์ และปรากฎว่าโจทก์ปลูกห้องแถวรุกล้ำเข้าไปในที่ของจำเลย 2 ศอก ศาลก็ควรพิพากษาให้โจทก์ชนะคดีตามที่โจทก์ขอมาเท่านั้น ที่ 2 ศอก ที่เกินมานี้ไม่มีประเด็นขึ้นมาในคดี ศาลหาควรวินิจฉัยถึงไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1025/2492
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขอบเขตการสืบพยานต้องตรงกับฟ้อง การวิวาทซึ่งกันและกัน
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยบังอาจทำร้ายร่างกายซึ่งกันและกันโดยจำเลยที่ 1 ใช้ไม้ตีจำเลยที่ 2 มีบาดเจ็บจำเลยที่ 2 ใช้มือชกต่อยจำเลยที่ 1 ไม่ถึงบาดเจ็บจำเลยให้การรับสารภาพ ดังนี้ โจทก์จะขอสืบพยานว่าจำเลยที่ 1 ทำร้ายจำเลยที่ 2 ตอนหนึ่ง แล้วต่อมาจำเลยที่ 2 ทำร้ายจำเลยที่ 1 อีกตอนหนึ่ง ไม่ใช่การวิวาทนั้น เป็นการสืบข้อเท็จจริงไม่ตรงกับฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 950/2491 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขอบเขตอำนาจฟ้องของกระทรวงพาณิชย์: การกระทำนอกวัตถุประสงค์และการควบคุมส่งเสริมการพาณิชย์
กระทวงพาณิชย์เป็นนิติบุคคล และตกอยู่ในกรอบของประมวลแพ่งและพาณิชย์มาตรา 69 กล่าวคือ มีสิทธิและหน้าที่แต่เพียงภายในขอบวัตถุที่ประสงค์ของ ก.ม. ดังมีกำหนดไว้ใน พ.ร.บ.ปรับปรุงกระทรวงทะบวงกรม 2484 แก้ไขโดยพระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติม 2485 มาตรา 17 ทวิ ซึ่งบัญญัติว่าให้กระทรวงพาณิชย์มีอำนาจและหน้าที่เกี่ยวกับการพาณิชย์
คำว่า การพาณิชย์ ตาม พ.ร.บ.ดังกล่าว เมื่อพิเคราะห์ถึงการแบ่งส่วนราชการในกระทรวงพาณิชย์ตามมาตรา 17 ตรี และ พระราชกฤษฎีกาจัดระเบียบราชการในกระทรวงพาณิชย์แล้ว ไม่มีกรมหรือส่วนราชการใดจัดไว้สำหรับทำการค้าหรือเพื่อหากำไร จึงต้องเข้าใจคำว่า การพาณิชย์อันเป็นอำนาจและหน้าที่ของกระทรวงพาณิชย์ว่า มีความหมายเพียงแต่ในทางควบคุมส่งเสริมและสนับสนุนการพาณิชย์ของประเทศ
กระทรวงพาณิชย์เป็นโจทก์ฟ้องว่า สำนักงานกลาบริษัทจังหวัด เป็นองค์การค้าส่วนหนึ่งของโจทก์ ไปทำสัญญาจ้างจำเลยขนส่งช่วงน้ำตาล โจทก์ไม่ได้แสดงว่ากิจการที่สำนักงานกลางบริษัทจังหวัดกระทำ ตกอยู่ในอำนาจและหน้าที่ของกรมกองใดในกระทรวงพาณิชย์ นอกจากนี้ยังปรากฏว่า สำนักงานกลางบริษัทจังหวัดนี้ตั้งขึ้นเพียงควบคุมบริษัทจังหวัดต่าง ๆ ไม่ใช่เพื่อทำการรับขนแล้วมาจ้างต่อ จึงเป็นการนอกวัตถุประสงค์ของการตั้งสำนักงานกลางบริษัท แม้การกระทำจะกระทำในฐานะตัวแทนของกระทรวงพาณิชย์ แต่การนั้นอยู่นอกอำนาจและหน้าที่ของกระทรวงพาณิชย์ จึงหาก่อให้เกินสิทธิแก่กระทรวงพาณิชย์แต่ประการใดไม่ กระทรวงพาณิชย์จึงไม่มีอำนาจฟ้องคดีดังกล่าวนี้
คำว่า การพาณิชย์ ตาม พ.ร.บ.ดังกล่าว เมื่อพิเคราะห์ถึงการแบ่งส่วนราชการในกระทรวงพาณิชย์ตามมาตรา 17 ตรี และ พระราชกฤษฎีกาจัดระเบียบราชการในกระทรวงพาณิชย์แล้ว ไม่มีกรมหรือส่วนราชการใดจัดไว้สำหรับทำการค้าหรือเพื่อหากำไร จึงต้องเข้าใจคำว่า การพาณิชย์อันเป็นอำนาจและหน้าที่ของกระทรวงพาณิชย์ว่า มีความหมายเพียงแต่ในทางควบคุมส่งเสริมและสนับสนุนการพาณิชย์ของประเทศ
กระทรวงพาณิชย์เป็นโจทก์ฟ้องว่า สำนักงานกลาบริษัทจังหวัด เป็นองค์การค้าส่วนหนึ่งของโจทก์ ไปทำสัญญาจ้างจำเลยขนส่งช่วงน้ำตาล โจทก์ไม่ได้แสดงว่ากิจการที่สำนักงานกลางบริษัทจังหวัดกระทำ ตกอยู่ในอำนาจและหน้าที่ของกรมกองใดในกระทรวงพาณิชย์ นอกจากนี้ยังปรากฏว่า สำนักงานกลางบริษัทจังหวัดนี้ตั้งขึ้นเพียงควบคุมบริษัทจังหวัดต่าง ๆ ไม่ใช่เพื่อทำการรับขนแล้วมาจ้างต่อ จึงเป็นการนอกวัตถุประสงค์ของการตั้งสำนักงานกลางบริษัท แม้การกระทำจะกระทำในฐานะตัวแทนของกระทรวงพาณิชย์ แต่การนั้นอยู่นอกอำนาจและหน้าที่ของกระทรวงพาณิชย์ จึงหาก่อให้เกินสิทธิแก่กระทรวงพาณิชย์แต่ประการใดไม่ กระทรวงพาณิชย์จึงไม่มีอำนาจฟ้องคดีดังกล่าวนี้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 738/2491 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การใช้กำลังจับกุมผู้ต้องหาหลบหนี: อำนาจตามกฎหมายและขอบเขตการกระทำ
ถ้าบุคคลซึ่งจะถูกจบหลบหนีหรือพยายามจะหลบหนี ผู้ทำการจับมีอำนาจใช้วิธีหรือความป้องกันทั้งหลายเท่าที่เหมาะแก่พฤตติการณ์แห่งเรื่องในการจับผู้นั้น
จำเลยที่ 1 เป็นผู้ใหญ่บ้าน จำเลยที่ 2 เป็นผู้ช่วย ได้ปฏิบัติการตามหน้าที่โดยจับกุมผู้ตาย ซึ่งเป็นผู้ร้ายสำคัญเรื่องปล้นทรัพย์ ผู้ตายวิ่งหนี จำเลยที่ 1 เกรงความผิด จึงสั่งให้จำเลยที่ 2 ยิง ดังนี้ ถือว่าการกระทำของจำเลยเป็นการกระทำตาม ก.ม.วิ.อาญามาตรา 83 วรรค 2 แต่กระทำเกินสมควรแก่เหตุ หรือเกินไปกว่าที่กฎหมายอนุญาตให้ทำได้ตามกฎหมายลักษณะอาญามาตรา 53
(อ้างฎีกา 618/2461)
จำเลยที่ 1 เป็นผู้ใหญ่บ้าน จำเลยที่ 2 เป็นผู้ช่วย ได้ปฏิบัติการตามหน้าที่โดยจับกุมผู้ตาย ซึ่งเป็นผู้ร้ายสำคัญเรื่องปล้นทรัพย์ ผู้ตายวิ่งหนี จำเลยที่ 1 เกรงความผิด จึงสั่งให้จำเลยที่ 2 ยิง ดังนี้ ถือว่าการกระทำของจำเลยเป็นการกระทำตาม ก.ม.วิ.อาญามาตรา 83 วรรค 2 แต่กระทำเกินสมควรแก่เหตุ หรือเกินไปกว่าที่กฎหมายอนุญาตให้ทำได้ตามกฎหมายลักษณะอาญามาตรา 53
(อ้างฎีกา 618/2461)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 312/2491 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การทำร้ายร่างกายเจ้าพนักงานขณะปฏิบัติหน้าที่: การพิจารณาขอบเขตการ 'ปฏิบัติหน้าที่'
ปลัดอำเภอได้รับคำสั่งจากนายอำเภอให้ไปรักษาเหตุการณ์ในตลาด เพราะจะมีหนังตลุงเล่น ปลัดอำเภอออกจากบ้านไปกับภรรยา พอถึงตลาดภรรยาแวะเข้าในร้านริมทาง ปลัดอำเภอยืนคอยอยู่มีคนมาทำร้ายปลัดอำเภอ+ ถือว่าปลัดอำเภอยังไมไ่ด้ทำการตามหน้าที่ ผู้ทำมีผิดฐานทำร้ายร่างกายตามมาตรา 254.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 312/2491
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การทำร้ายร่างกายเจ้าพนักงานขณะปฏิบัติหน้าที่: การพิเคราะห์เจตนาและขอบเขตการปฏิบัติหน้าที่
ปลัดอำเภอได้รับคำสั่งจากนายอำเภอให้ไปรักษาเหตุการณ์ในตลาดเพราะจะมีหนังตลุงเล่น ปลัดอำเภอออกจากบ้านไปกับภรรยา พอถึงตลาดภรรยาแวะเข้าในร้านข้างทาง ปลัดอำเภอยืนคอยอยู่ มีคนมาทำร้ายปลัดอำเภอดังนี้ ถือว่าปลัดอำเภอยังไม่ทันได้ทำการตามหน้าที่ผู้ทำร้ายมีผิดฐานทำร้ายร่างกายตามมาตรา 254
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 213/2491
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลในการชี้ขาดจำนวนเงินภาษีที่ประเมิน และขอบเขตการตัดสินคดีภาษี
พระราชบัญญัติภาษีโรงเรือนและที่ดิน พ.ศ.2475 มาตรา 31 นั้นไม่ได้หมายความว่าศาลมีอำนาจเพียงชี้ว่าการประเมินนั้นได้กระทำถูกหรือไม่ถูกเท่านั้น แต่ศาลย่อมมีอำนาจชี้ขาดจำนวนเงินที่ประเมินด้วยได้
โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยคืนเงิน 2,005 บาท 42 สตางค์แต่ศาลให้คืน 1,305 บาท 42 สตางค์นั้นไม่เป็นการตัดสินเกินคำขอ
โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยคืนเงิน 2,005 บาท 42 สตางค์แต่ศาลให้คืน 1,305 บาท 42 สตางค์นั้นไม่เป็นการตัดสินเกินคำขอ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 212/2491 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การตีความสัญญา: เจตนาที่แท้จริง vs. ถ้อยคำตามตัวอักษร และขอบเขตการสืบพยาน
ป.ม.แพ่งฯ มาตรา132 ที่ว่าในการตีความแสดงเจตนานั้นให้เพ่งเล็งถึง เจตนาอันแท้จริงยิ่งกว่าถ้อยคำสำนวนตามตัวอักษรนั้น หมายความว่า ถ้าข้อความในเอกสารมีทางแปลไปได้แล้ว ก็พึงแปลให้เข้ากับเจตนาในที่นี้ ก็คือเจตนาอันเห็นได้จากหนังสือนั้นเอง มิได้หมายความว่าคู่สัญญาจะทำสัญญาไว้อย่างไรก็ช่าง แต่ย่อมสืบเจตนาได้เสมอการสืบเจตนานอกไปจากที่จะคำนวณได้จากตัวหนังสือนี้ มีห้ามไว้ในประมวลวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 94.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 171/2491
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจออกประกาศห้ามเคลื่อนย้ายสัตว์: คณะกรรมการจังหวัดใช้อำนาจเกินขอบเขตตามกฎหมาย
คณะกรมการจังหวัดไม่มีอำนาจออกประกาศห้ามนำสัตว์ออกนอกเขตท้องที่อำเภอเพราะการห้ามเช่นนี้เป็นอำนาจตามมาตรา4 ข้อ 6 คำสั่งเช่นนี้ถือว่าไม่ชอบด้วยกฎหมายผู้ฝ่าฝืนไม่มีความผิด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1173/2491 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขอบเขตของคำว่า 'ข้าวเปลือก' ตาม พ.ร.บ. สำรวจและห้ามกักกันข้าว: ข้าวที่เสื่อมสภาพจนใช้บริโภคไม่ได้ ไม่อยู่ภายใต้กฎหมาย
คำว่าข้าวเปลือกใน พ.ร.บ.สำรวจและห้ามกักกันข้าว มุ่งหมายถึงข้าวเปลือกที่จะนำไปสีเป็นข้าวสารให้มนุษย์ใช้เป็นอาหารบริโภคได้
ข้าวเปลือกที่แปรสภาพไปจนใช้เป็นอาหารสำหรับมนุษย์ไม่ได้แล้ว ไม่อยู่ในความควบคุมของ พ.ร.บ.สำรวจและห้ามกักกันข้าว
ข้าวเปลือกที่แปรสภาพไปจนใช้เป็นอาหารสำหรับมนุษย์ไม่ได้แล้ว ไม่อยู่ในความควบคุมของ พ.ร.บ.สำรวจและห้ามกักกันข้าว