พบผลลัพธ์ทั้งหมด 2,140 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1030/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องและการโต้แย้งสิทธิ: โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องหากยังไม่มีการโต้แย้งสิทธิการครอบครองที่ชัดเจน
การที่จำเลยอ้างกับโจทก์ว่าที่ดินพิพาทเป็นของจำเลยไม่เคยขายให้โจทก์ ขอให้โจทก์ออกไปจากที่ดินพิพาท ทั้งคำฟ้องของโจทก์ก็มิได้ขอให้ศาลพิพากษาบังคับให้จำเลยโอนที่ดินพิพาทให้โจทก์ตามสัญญาซื้อขายเพียงแต่ขอให้ศาลพิพากษาแสดงสิทธิว่าโจทก์มีสิทธิครอบครองและเป็นเจ้าของที่ดินพิพาทเท่านั้น ยังไม่มีการกระทำสิ่งใดอันจะถือได้ว่าเป็นการโต้แย้งสิทธิของโจทก์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 55 โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง เรื่องอำนาจฟ้องเป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 142(5)ประกอบมาตรา 246 แม้จำเลยจะมิได้ยกขึ้นต่อสู้ศาลอุทธรณ์ชอบที่จะยกขึ้นวินิจฉัยเองได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 969/2536 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การได้กรรมสิทธิ์โดยครอบครองปรปักษ์ แม้ผู้ขายมิใช่เจ้าของ
บิดาผู้ร้องและผู้ร้องเข้าครอบครองที่พิพาทโดยความสงบและเปิดเผยด้วยเจตนาเป็นเจ้าของ โดยเฉพาะผู้ร้องได้ครอบครองที่พิพาทติดต่อกันมาเป็นเวลานานกว่า 10 ปี แม้ผู้ขายที่พิพาทให้แก่บิดาผู้ร้องมิใช่เจ้าของที่พิพาทก็ตามแต่เมื่อผู้ร้องได้ครอบครองที่พิพาทด้วยความสงบ เปิดเผย ด้วยเจตนาเป็นเจ้าของติดต่อกันมากว่า 10 ปี โดยมิได้ครอบครองแทนผู้อื่น ผู้ร้องจึงได้กรรมสิทธิ์ในที่พิพาทตาม ป.พ.พ. มาตรา 1382
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 953/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองทรัพย์มรดกโดยทายาท และการฟ้องเรียกทรัพย์มรดกเกิน 10 ปี ไม่ตัดสิทธิทายาทตามพินัยกรรม
การที่จำเลยซึ่งเป็นทายาทครอบครองที่ดินพิพาทนับแต่วันที่เจ้ามรดกตายเป็นเวลาเกินกว่า 10 ปีแล้ว จึงยื่นคำร้องขอจัดการมรดกที่ดินพิพาท ต่อมาศาลมีคำสั่งตั้งจำเลยเป็นผู้จัดการมรดกนั้นแสดงว่าจำเลยยอมรับว่าที่ดินพิพาทเป็นทรัพย์มรดก การที่จำเลยครอบครองที่ดินพิพาทดังกล่าว ถือได้ว่าครอบครองแทนทายาทอื่นด้วยจำเลยจะยกอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา1754 วรรคท้าย มาต่อสู้โจทก์ซึ่งเป็นทายาทโดยพินัยกรรมของเจ้ามรดกหาได้ไม่ โจทก์จึงมีสิทธิฟ้องเรียกทรัพย์มรดกจากจำเลยได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 953/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความการฟ้องคดีมรดก: การครอบครองทรัพย์มรดกโดยทายาทและผลกระทบต่ออายุความของทายาทโดยพินัยกรรม
การที่จำเลยซึ่งเป็นทายาทครอบครองที่ดินพิพาทนับแต่วันที่เจ้ามรดกตายเป็นเวลาเกินกว่า 10 ปี แล้วจึงยื่นคำร้องขอจัดการมรดกที่ดินพิพาท ต่อมาศาลมีคำสั่งตั้งจำเลยเป็นผู้จัดการมรดกแสดงว่าจำเลยยอมรับว่าที่ดินพิพาทเป็นทรัพย์มรดก การที่จำเลยครอบครองที่ดินพิพาทดังกล่าว ถือได้ว่าครอบครองแทนทายาทอื่นด้วยจำเลยจะยกอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1754วรรคท้าย มาต่อสู้โจทก์ซึ่งเป็นทายาทโดยพินัยกรรมของเจ้ามรดกหาได้ไม่ โจทก์จึงมีสิทธิฟ้องเรียกทรัพย์มรดกจากจำเลยได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 911/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การร่วมกันครอบครองฝิ่นเพื่อจำหน่าย: พยานหลักฐานเชื่อถือได้, คำรับสารภาพเป็นประโยชน์, ลดโทษตามกฎหมาย
พยานโจทก์ทั้งสามปากซึ่งเป็นเจ้าพนักงานตำรวจผู้ตรวจค้นจับกุมและสอบสวนจำเลยทั้งสาม ไม่เคยรู้จักและไม่เคยมีสาเหตุโกรธเคืองกับจำเลยที่ 2 มาก่อน จึงไม่มีเหตุระแวงสงสัยว่าจะกลั่นแกล้งเบิกความปรักปรำจำเลยที่ 2 ทั้งในตอนตรวจค้นและแจ้งข้อหาแก่จำเลยทั้งสามก็ได้กระทำต่อหน้าเจ้าพนักงานตำรวจชั้นผู้ใหญ่ประกอบกับในชั้นจับกุมและชั้นสอบสวนจำเลยที่ 1 ซึ่งให้การรับสารภาพ และจำเลยที่ 3 ซึ่งให้การปฏิเสธได้ให้การไว้อย่างไรผู้ทำบันทึกการจับกุมและผู้ทำบันทึกคำให้การชั้นสอบสวนก็บันทึกคำให้การของจำเลยที่ 1 และที่ 3 ไว้ตามคำให้การอย่างนั้น ซึ่งสอดคล้องและเชื่อมโยงกับบันทึกการจับกุมและบันทึกคำให้การชั้นสอบสวนของจำเลยที่ 2 เชื่อว่าจำเลยที่ 2 ได้ให้การรับสารภาพในชั้นจับกุมและชั้นสอบสวนตามบันทึกการจับกุมและบันทึกคำให้การชั้นสอบสวนดังที่พยานโจทก์เบิกความจริง ข้อนำสืบของจำเลยที่ 2ที่ว่า จำเลยที่ 2 ไม่ได้ให้การรับสารภาพในชั้นจับกุมและชั้นสอบสวนเจ้าพนักงานตำรวจให้จำเลยที่ 2 ลงชื่อในกระดาษหลายแผ่นโดยไม่อ่านข้อความให้ฟัง และไม่ได้ให้จำเลยที่ 2 อ่านเองนั้น คงมีแต่คำเบิกความของจำเลยที่ 2 อ้างตนเองเป็นพยานลอย ๆ ไม่น่าเชื่อพยานหลักฐานของจำเลยที่ 2 จึงไม่อาจรับฟังหักล้างพยานหลักฐานของโจทก์ได้ เมื่อเจ้าพนักงานตำรวจค้นพบฝิ่นของกลางจากรถยนต์ปิกอัพที่จำเลยที่ 2 โดยสารมาพร้อมกับจำเลยที่ 1 และที่ 3 และจำเลยที่ 2 ให้การรับสารภาพชั้นจับกุมและชั้นสอบสวน ข้อเท็จจริงจึงรับฟังได้โดยปราศจากข้อสงสัยว่าจำเลยที่ 2 ได้ร่วมกับจำเลยที่ 1 และที่ 3 มีฝิ่นของกลางไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาตตามฟ้องโจทก์จริง คำรับสารภาพของจำเลยที่ 2 ในชั้นจับกุมและชั้นสอบสวนมีประโยชน์แก่การพิจารณาเป็นอย่างมาก สมควรลดโทษให้แก่จำเลยที่ 2หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 738/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองและพาอาวุธปืน: สิทธิครอบครองยังอยู่กับผู้ส่งมอบ ไม่ถือว่าจำเลยมีอาวุธปืนในครอบครอง
ขณะที่จำเลยเข้าทำร้ายผู้เสียหาย จำเลยพูดว่า"เอาปืนมา" พวกของจำเลยก็ส่งอาวุธปืนให้จำเลยแล้วจำเลยใช้อาวุธปืนจ่อที่ศีรษะผู้เสียหาย จำเลยเพิ่งได้รับอาวุธปืนพร้อมกระสุนปืนบรรจุอยู่ในลูกโม่ 6 นัดจากพวกของจำเลยที่ส่งให้ในที่เกิดเหตุ พวกของจำเลยจึงเป็นผู้มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองและพาอาวุธปืนกระบอกดังกล่าวก่อนที่จะส่งให้จำเลยและคำว่า "มี" ตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ มาตรา 4(6)ได้ให้คำนิยามไว้ว่าหมายความว่า มีกรรมสิทธิ์หรือมีไว้ในครอบครอง ดังนั้น การที่จำเลยบอกให้พวกส่งอาวุธปืนและพวกก็ส่งให้ แล้วจำเลยใช้อาวุธปืนจ่อที่ศีรษะผู้เสียหายในทันทีทันใดนั้นเองซึ่งพวกของจำเลยก็ยังอยู่ที่เกิดเหตุนั้นด้วย พวกของจำเลยจึงยังคงควบคุมดูแลอาวุธปืนและกระสุนปืนดังกล่าวอยู่อย่างใกล้ชิด หาใช่ว่าพวก ของจำเลยได้มอบให้จำเลยครอบครองอาวุธปืนและกระสุนปืนโดยเป็นอิสระไม่ ย่อมไม่ทำให้จำเลยมีสิทธิครอบครองอาวุธปืนและกระสุนปืนนั้น เพราะจำเลยมิได้ยึดถืออาวุธปืนและกระสุนปืนเพื่อตนเอง สิทธิครอบครองอาวุธปืนและกระสุนปืนยังคงอยู่กับพวกของจำเลย ฉะนั้นจึงไม่เรียกว่าจำเลยมีอาวุธปืนและกระสุนปืนไว้ในครอบครองทั้งพฤติการณ์ของจำเลยดังกล่าวก็ไม่อาจถือได้ว่าจำเลยเป็นผู้พาอาวุธปืนตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯมาตรา 8 ทวิ วรรคหนึ่ง,72 ทวิ วรรคสอง และประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 371 จำเลยจึงมิได้กระทำผิดฐานมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองและฐานพาอาวุธปืนด้วย จำเลยไม่ได้ฎีกาในปัญหาที่ว่าจำเลยไม่มีความผิดฐานมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตขึ้นมา แต่เมื่อจำเลยมิได้กระทำความผิด ดังกล่าวศาลฎีกาก็มีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยได้ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 185ประกอบมาตรา 215 และ 225
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5586/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิทายาทและการครอบครองมรดก: อายุความฟ้องเรียกคืน และการเปลี่ยนแปลงลักษณะการครอบครอง
พ. เจ้ามรดกมิได้ยกที่ดินพิพาทให้แก่จำเลยจำเลยซึ่งเป็นผู้จัดการมรดกของ พ. จึงอยู่ในฐานะเป็นผู้ครอบครองที่พิพาทแทนโจทก์ทั้งสี่และว. พี่สาวของโจทก์ทั้งสี่ซึ่งเป็นทายาทของเจ้ามรดก แม้โจทก์ทั้งสี่ฟ้องคดีเมื่อพ้นกำหนด 1 ปี นับแต่เจ้ามรดกตายหรือนับแต่โจทก์ทั้งสี่ได้รู้หรือควรได้รู้ถึงความตายเจ้าของมรดกคดีโจทก์ทั้งสี่ก็ ไม่ขาดอายุความ เมื่อไม่ปรากฏว่าจำเลยได้บอกกล่าวเปลี่ยนเป็นลักษณะแห่งการยึดถือที่พิพาทไปยังโจทก์ทั้งสี่และว.พี่สาวโจทก์ทั้ง สี่ผู้เป็นทายาทของเจ้ามรดกว่าไม่มีเจตนาจะยึดถือที่พิพาทแทนอีกต่อไป จำเลยจะอ้างว่าโจทก์ทั้งสี่ไม่ได้ฟ้องเรียกที่พิพาทคืนภายใน 1 ปี นับแต่จำเลยแย่งการครอบครอง จึงขาดสิทธิฟ้องเรียกคืนหาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4762/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิในที่ดินจากการทำเหมืองแร่: การครอบครองไม่สมบูรณ์แม้ทำประโยชน์ต่อเนื่อง
ที่ดินพิพาทเป็นที่ดินมือเปล่า เดิมเป็นที่ดินของ ข.และ บ. เป็นผู้ได้ประทานบัตรทำเหมืองแร่ในที่ดินพิพาท โจทก์เป็นผู้ซื้อประทานบัตรเหมืองแร่จาก บ. แม้โจทก์จะเป็นผู้ทำเหมืองแร่และครอบครองที่ดินพิพาทตลอดมา แต่ตามสัญญาซื้อขายประทานบัตรก็ระบุให้โจทก์ได้สิทธิผิวดินตามประทานบัตรเหมืองแร่ คือสิทธิที่จะทำเหมืองแร่ในที่ดินพิพาทเท่านั้น บ. ไม่ได้โอนสิทธิครอบครองที่ดินพิพาทให้แก่โจทก์แต่ประการใด ดังนั้นสิทธิครอบครองที่ดินพิพาทยังคงเป็นของ บ. เจ้าของเดิมหรือทายาทผู้สืบสิทธิทางมรดกสืบต่อกันมา ส่วนการที่จำเลยไปสอบเขตที่ดินพิพาท และโจทก์ยื่นคำคัดค้านว่าโจทก์ครอบครองที่ดินพิพาทอย่างเป็นเจ้าของตลอดมาก็ตาม แต่คัดค้านของโจทก์ก็อ้างสิทธิที่โจทก์พึงมีอยู่ตามประทานบัตรเหมืองแร่เท่านั้น โจทก์มิได้กล่าวอ้างสิทธิอื่นใดนอกเหนือไปจากสิทธิตามประทานบัตรเหมืองแร่ดังนั้น จะถือว่าคำคัดค้านของโจทก์เป็นการเปลี่ยนลักษณะแห่งการยึดถือโดยแจ้งไปยัง บ. หรือทายาทผู้ครอบครองว่าไม่เจตนายึดถือทรัพย์สินแทนผู้ครอบครองต่อไปตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1381 หาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4635/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดบุกรุกต้องรบกวนการครอบครอง หากแค่ใช้สิทธิของตนเองไม่ถือเป็นบุกรุก
ความผิดฐานบุกรุกตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 362มีความหมายเป็น 2 ตอน ตอนแรกรบกวนกรรมสิทธิ์ ตอนที่สองรบกวนสิทธิครอบครอง โจทก์เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินและตึกแถวพิพาท แต่โจทก์ยังไม่เคยเข้าไปอยู่อาศัย เนื่องจากตึกทรุดและอยู่ระหว่างที่โจทก์ฟ้องจำเลยที่ 2 กับพวกต่อศาลแพ่งให้ส่งมอบตึกแถวในสภาพเรียบร้อย แสดงว่าโจทก์ยังไม่ได้รับมอบการครอบครองตึกแถวพิพาท การที่จำเลยที่ 1 นำเสาเข็มและอิฐมอญจำนวนมากไปวางใต้กันสาดตึกแถว จึงเป็นเพียงการใช้สิทธิของตนเป็นเหตุให้โจทก์ได้รับความเสียหาย เป็นการละเมิดต่อโจทก์ในทางแพ่ง ยังไม่เป็นความผิดฐานบุกรุก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4635/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบุกรุกที่ดิน: การใช้สิทธิของตนเองไม่ถือเป็นการรบกวนกรรมสิทธิ์หากเจ้าของยังไม่ได้รับมอบครอง
ความผิดบานบุกรุกตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 362มีความหมายเป็น 2 ตอน ตอนแรกรบกวนกรรมสิทธิ์ตอนที่สองรบกวนสิทธิครอบครอง โจทก์เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินและตึกแถวพิพาท แต่โจทก์ยังไม่เคยเข้าไปอยู่อาศัย เนื่องจากตึกทรุดและอยู่ระหว่างที่โจทก์ฟ้องจำเลยที่ 2 กับพวกต่อศาลแพ่งให้ส่งมอบตึกแถวในสภาพเรียบร้อย แสดงว่าโจทก์ยังไม่ได้รับมอบการครอบครองตึกแถวพิพาท การที่จำเลยที่ 1 นำเสาเข็มและอิฐมอญจำนวนมากไปวางใต้กันสาดตึกแถวจึงเป็นเพียงการใช้สิทธิของตนเป็นเหตุให้โจทก์ได้รับ ความเสียหาย เป็นการละเมิดต่อโจทก์ในทางแพ่งยังไม่เป็นความผิดฐานบุกรุก