พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,380 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5985/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองปรปักษ์ต้องแสดงเจตนาเป็นเจ้าของ การไถ่โฉนดที่ดินไม่ได้แปลเจตนาเปลี่ยนเป็นครอบครองเพื่อตนเอง
เจ้าของโฉนดที่ดินพิพาทได้จำนำโฉนดที่ดินพิพาทไว้แก่บุคคลอื่น การที่มารดาของผู้คัดค้านซึ่งอยู่ในที่ดินพิพาทโดยอาศัยสิทธิของเจ้าของที่ดินได้ไถ่โฉนดที่ดินพิพาทแทนเจ้าของโฉนดยังไม่อาจฟังว่าเป็นการแสดงเจตนาเปลี่ยนแปลงการครอบครองที่ดินพิพาทจากการอาศัยสิทธิของผู้อื่นเป็นการครอบครองเพื่อตนเอง เพราะอาจเป็นการไถ่โดยเจตนาที่จะอาศัยอยู่ในที่ดินพิพาทต่อไป ถือว่ามารดาของผู้คัดค้านและผู้คัดค้านครอบครองที่ดินพิพาทต่อมาโดยอาศัยสิทธิของเจ้าของที่ดิน ดังนั้นแม้ว่าจะครอบครองมานานเพียงใด ผู้คัดค้านย่อมไม่ได้กรรมสิทธิ์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5985/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองปรปักษ์: การเปลี่ยนแปลงเจตนาครอบครองจากอาศัยสิทธิผู้อื่นเป็นเจ้าของ และการได้มาซึ่งกรรมสิทธิ์
เจ้าของโฉนดที่ดินพิพาทได้จำนำโฉนดที่ดินพิพาทไว้แก่บุคคลอื่นการที่ มารดา ของผู้คัดค้านซึ่งอยู่ในที่ดินพิพาทโดยอาศัยสิทธิของเจ้าของที่ดินได้ไถ่โฉนดที่ดินพิพาทแทนเจ้าของโฉนดยังไม่อาจฟังว่าเป็นการแสดงเจตนาเปลี่ยนแปลงการครอบครองที่ดินพิพาทจากการอาศัยสิทธิของผู้อื่นเป็นการครอบครองเพื่อตนเอง เพราะอาจเป็นการไถ่โดยเจตนาที่จะอาศัยอยู่ในที่ดินพิพาทต่อไป ถือว่ามารดาของผู้คัดค้านและผู้คัดค้านครอบครองที่ดินพิพาทต่อมาโดยอาศัยสิทธิของเจ้าของที่ดินดังนั้นแม้ว่าจะครอบครองมานานเพียงใด ผู้คัดค้านย่อมไม่ได้กรรมสิทธิ์.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5974/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิในที่ดินมรดก: การครอบครองร่วมกันของทายาทไม่ถือเป็นการครอบครองปรปักษ์
คดีเดิม ศาลมีคำสั่งว่าที่พิพาทเป็นกรรมสิทธิ์ของจำเลยโดยการครอบครองปรปักษ์คดีถึงที่สุดแล้ว โจทก์จึงไม่อาจฟ้องขอให้เพิกถอนคำสั่งดังกล่าว แต่ไม่ตัดสิทธิโจทก์ที่จะฟ้องว่าโจทก์และทายาทอื่นมีสิทธิในที่พิพาทดีกว่าจำเลยไม่ต้องผูกพันตามคำสั่งดังกล่าว ในคดีนี้โจทก์บรรยายฟ้องว่าโจทก์ จำเลยกับทายาทอื่นเป็นทายาทผู้มีสิทธิรับมรดกที่พิพาทเฉพาะส่วนของผู้ตายที่โจทก์เป็นผู้จัดการมรดกซึ่งยังไม่ได้ รังวัดแบ่งแยกกรรมสิทธิ์ ทุกคนจึงเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ร่วมกัน แต่จำเลยบังอาจยื่นคำร้องและเบิกความพร้อมกับแสดงพยานหลักฐานอันเป็นเท็จต่อศาล จนศาลหลงเชื่อว่าจำเลยเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่พิพาทเพียงผู้เดียว จึงมีคำสั่งว่าที่พิพาทเป็นกรรมสิทธิ์ของจำเลย ทำให้โจทก์และทายาทอื่นเสียหาย ขอให้เพิกถอนคำสั่งดังกล่าว คำฟ้องของโจทก์พอจะแปลความหมายได้ว่าโจทก์ประสงค์ขอให้ศาลพิพากษาว่า โจทก์และทายาทอื่นมีสิทธิในที่พิพาทดีกว่าจำเลย ขอให้คำสั่งดังกล่าวไม่ผูกพันโจทก์ คำขอท้ายฟ้องในข้อนี้จึงบังคับได้ ส่วนคำขอท้ายฟ้องอีกข้อที่ขอให้พิพากษาให้เจ้าพนักงานที่ดินกรุงเทพมหานคร สาขาบางเขน ยุติการดำเนินการจดทะเบียนแก้ไขชื่อ ผู้ถือกรรมสิทธิ์ตามคำสั่งดังกล่าวข้างต้น หรือหากได้จดทะเบียนแล้วก็ให้จัดการแก้ไขให้อยู่ในสภาพเดิมนั้น เจ้าพนักงานที่ดินดังกล่าวเป็นบุคคลภายนอกคดี เมื่อโจทก์ไม่ได้ฟ้องเจ้าพนักงานที่ดินเป็นจำเลยในคดีนี้ด้วยศาลก็ไม่อาจพิพากษาถึงเจ้าพนักงานที่ดินนั้นได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 145 วรรคสอง
คำบรรยายฟ้องดังกล่าวข้างต้นของโจทก์เป็นการฟ้องเรียกทรัพย์มรดกจากจำเลยรวมเข้ากองมรดกเพื่อจัดการแบ่งปันให้แก่ทายาทต่อไป ซึ่งเป็นเรื่องการจัดการมรดกที่ยังจัดการไม่เสร็จ หาใช่เรื่องฟ้องแบ่งมรดกอันมีอายุความ 1 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1754 ไม่
โจทก์ จำเลย และทายาทอื่นของผู้ตายได้อาศัยสิทธิของผู้ตายเข้าปลูกบ้านอาศัยในที่พิพาทตั้งแต่ก่อนผู้ตายถึงแก่ความตาย และยังร่วมกันครอบครองที่พิพาทซึ่งเป็นมรดกที่ยังไม่ได้แบ่งในฐานะทายาทผู้มีสิทธิรับมรดกตลอดมาแม้ภายหลังผู้ตายถึงแก่ความตายแล้ว ถือได้ว่าจำเลยได้ครอบครองที่พิพาทแทนโจทก์และทายาทอื่น จำเลยย่อมไม่ได้กรรมสิทธิ์ในที่พิพาทโดยการครอบครองปรปักษ์ โจทก์และทายาทอื่นจึงมีสิทธิในที่พิพาทดีกว่าจำเลย จำเลยไม่อาจใช้คำสั่งศาลในคดีเดิม ที่แสดงว่าที่พิพาทเป็นของจำเลยโดยการครอบครองปรปักษ์มายันโจทก์และทายาทอื่นได้.
คำบรรยายฟ้องดังกล่าวข้างต้นของโจทก์เป็นการฟ้องเรียกทรัพย์มรดกจากจำเลยรวมเข้ากองมรดกเพื่อจัดการแบ่งปันให้แก่ทายาทต่อไป ซึ่งเป็นเรื่องการจัดการมรดกที่ยังจัดการไม่เสร็จ หาใช่เรื่องฟ้องแบ่งมรดกอันมีอายุความ 1 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1754 ไม่
โจทก์ จำเลย และทายาทอื่นของผู้ตายได้อาศัยสิทธิของผู้ตายเข้าปลูกบ้านอาศัยในที่พิพาทตั้งแต่ก่อนผู้ตายถึงแก่ความตาย และยังร่วมกันครอบครองที่พิพาทซึ่งเป็นมรดกที่ยังไม่ได้แบ่งในฐานะทายาทผู้มีสิทธิรับมรดกตลอดมาแม้ภายหลังผู้ตายถึงแก่ความตายแล้ว ถือได้ว่าจำเลยได้ครอบครองที่พิพาทแทนโจทก์และทายาทอื่น จำเลยย่อมไม่ได้กรรมสิทธิ์ในที่พิพาทโดยการครอบครองปรปักษ์ โจทก์และทายาทอื่นจึงมีสิทธิในที่พิพาทดีกว่าจำเลย จำเลยไม่อาจใช้คำสั่งศาลในคดีเดิม ที่แสดงว่าที่พิพาทเป็นของจำเลยโดยการครอบครองปรปักษ์มายันโจทก์และทายาทอื่นได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5974/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิในมรดกและการครอบครองปรปักษ์: ทายาทร่วมมีสิทธิเหนือผู้ครอบครองโดยมิชอบ
คดีเดิม ศาลมีคำสั่งว่าที่พิพาทเป็นกรรมสิทธิ์ของจำเลยโดยการครอบครองปรปักษ์คดีถึงที่สุดแล้ว โจทก์จึงไม่อาจฟ้องขอให้เพิกถอนคำสั่งดังกล่าว แต่ไม่ตัดสิทธิโจทก์ที่จะฟ้องว่าโจทก์และทายาทอื่นมีสิทธิในที่พิพาทดีกว่าจำเลยไม่ต้องผูกพันตามคำสั่งดังกล่าว ในคดีนี้โจทก์บรรยายฟ้องว่าโจทก์ จำเลยกับทายาทอื่นเป็นทายาทผู้มีสิทธิรับมรดกที่พิพาทเฉพาะส่วนของผู้ตายที่โจทก์เป็นผู้จัดการมรดกซึ่งยังไม่ได้รังวัดแบ่งแยกกรรมสิทธิ์ ทุกคนจึงเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ร่วมกัน แต่จำเลยบังอาจยื่นคำร้องและเบิกความพร้อมกับแสดงพยานหลักฐานอันเป็นเท็จต่อศาล จนศาลหลงเชื่อว่าจำเลยเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่พิพาทเพียงผู้เดียว จึงมีคำสั่งว่าที่พิพาทเป็นกรรมสิทธิ์ของจำเลย ทำให้โจทก์และทายาทอื่นเสียหาย ขอให้เพิกถอนคำสั่งดังกล่าว คำฟ้องของโจทก์พอจะแปลความหมายได้ว่าโจทก์ประสงค์ขอให้ศาลพิพากษาว่า โจทก์และทายาทอื่นมีสิทธิในที่พิพาทดีกว่าจำเลย ขอให้คำสั่งดังกล่าวไม่ผูกพันโจทก์ คำขอท้ายฟ้องในข้อนี้จึงบังคับได้ ส่วนคำขอท้ายฟ้องอีกข้อที่ขอให้พิพากษาให้เจ้าพนักงานที่ดินกรุงเทพมหานคร สาขาบางเขน ยุติการดำเนินการจดทะเบียนแก้ไขชื่อ ผู้ถือกรรมสิทธิ์ตามคำสั่งดังกล่าวข้างต้น หรือหากได้จดทะเบียนแล้วก็ให้จัดการแก้ไขให้อยู่ในสภาพเดิมนั้น เจ้าพนักงานที่ดินดังกล่าวเป็นบุคคลภายนอกคดี เมื่อโจทก์ไม่ได้ฟ้องเจ้าพนักงานที่ดินเป็นจำเลยในคดีนี้ด้วยศาลก็ไม่อาจพิพากษาถึงเจ้าพนักงานที่ดินนั้นได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 145 วรรคสอง คำบรรยายฟ้องดังกล่าวข้างต้นของโจทก์เป็นการฟ้องเรียกทรัพย์มรดกจากจำเลยรวมเข้ากองมรดกเพื่อจัดการแบ่งปันให้แก่ทายาทต่อไป ซึ่งเป็นเรื่องการจัดการมรดกที่ยังจัดการไม่เสร็จ หาใช่เรื่องฟ้องแบ่งมรดกอันมีอายุความ 1 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1754 ไม่ โจทก์ จำเลย และทายาทอื่นของผู้ตายได้อาศัยสิทธิของผู้ตายเข้าปลูกบ้านอาศัยในที่พิพาทตั้งแต่ก่อนผู้ตายถึงแก่ความตาย และยังร่วมกันครอบครองที่พิพาทซึ่งเป็นมรดกที่ยังไม่ได้แบ่งในฐานะทายาทผู้มีสิทธิรับมรดกตลอดมาแม้ภายหลังผู้ตายถึงแก่ความตายแล้ว ถือได้ว่าจำเลยได้ครอบครองที่พิพาทแทนโจทก์และทายาทอื่น จำเลยย่อมไม่ได้กรรมสิทธิ์ในที่พิพาทโดยการครอบครองปรปักษ์ โจทก์และทายาทอื่นจึงมีสิทธิในที่พิพาทดีกว่าจำเลย จำเลยไม่อาจใช้คำสั่งศาลในคดีเดิม ที่แสดงว่าที่พิพาทเป็นของจำเลยโดยการครอบครองปรปักษ์มายันโจทก์และทายาทอื่นได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5961/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองปรปักษ์: เจตนาเป็นเจ้าของต้องแสดงออกชัดเจนและต่อเนื่องครบ 10 ปี จึงจะได้กรรมสิทธิ์
แม้เมื่อบิดาโจทก์ตาย โจทก์ได้ครอบครองที่ดินพิพาทของจำเลยโดยสืบสิทธิจากบิดาติดต่อกันมาประมาณ 40 ปี แต่เมื่อโจทก์เพียงแต่ล้อมรั้วบ้านเพื่อป้องกันขโมย มิได้ล้อมเพื่อแบ่งเขตที่ดิน และโจทก์ไม่เคยแจ้งเสียภาษีบำรุงท้องที่เลย การกระทำของโจทก์จึงเท่ากับว่าโจทก์มิได้แสดงตนเป็นปรปักษ์ต่อการครอบครองของจำเลยแต่การที่โจทก์มอบให้บุตรสาวไปแจ้งความต่อเจ้าพนักงานตำรวจเรื่องจำเลยปลูกต้นกล้วย ในที่ดินที่โจทก์ครอบครอง ถือได้ว่าโจทก์มีเจตนาที่จะเปลี่ยนลักษณะการครอบครองที่ดินพิพาทอย่างเป็นเจ้าของแล้ว.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5957/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความครอบครองปรปักษ์: การแย่งการครอบครองและผลกระทบต่อสิทธิเรียกร้องคืน
มารดาโจทก์จำเลยถึงแก่ความตายเมื่อปี พ.ศ. 2520 หลังจากมารดาถึงแก่ความตายไปได้ประมาณ 5 เดือน โจทก์ได้บอกจำเลยว่า มารดาทำพินัยกรรมยกที่พิพาทตาม ส.ค.1 เลขที่ 27 ให้โจทก์ ให้จำเลยรื้อถอนบ้านออกไป จำเลยโต้แย้งว่ามารดายกที่ดินให้จำเลยแล้วจำเลยไม่ยอมมอบที่ดินให้โจทก์ ถือว่าจำเลยแย่งการครอบครองที่พิพาทจากโจทก์นับแต่วันนั้น โจทก์เพิ่งฟ้องคดีเมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน2527 เป็นเวลาเกิน 1 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1375 วรรคสอง โจทก์จึงหมดสิทธิที่จะเรียกเอาคืนการครอบครอง.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5866/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมสิทธิ์จากการครอบครองปรปักษ์และการดำเนินการจดทะเบียนแก้ไขโฉนดเป็นหน้าที่ของผู้รับโอน
จำเลยตกลงขายและสละการครอบครองที่พิพาทให้แก่โจทก์แล้วทั้งโจทก์ครอบครองที่พิพาทมาด้วยเจตนาเป็น เจ้าของเป็นเวลากว่า10 ปี โจทก์จึงได้กรรมสิทธิ์ในที่พิพาท แต่ศาลจะพิพากษาให้จำเลยจดทะเบียนแก้ไขหลักฐานทางทะเบียนในที่ดินดังกล่าวเป็นชื่อโจทก์หากไม่ปฏิบัติตามให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนามิได้ เนื่องจากจำเลยไม่มีหน้าที่อย่างใดในทางนิติกรรมที่จะต้องโอนที่พิพาทให้แก่โจทก์ เป็นหน้าที่โจทก์ที่จะต้องดำเนินการให้มีชื่อของตนในโฉนดต่อไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5866/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การได้กรรมสิทธิ์โดยการครอบครองปรปักษ์ แม้จำเลยไม่ต้องจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์
จำเลยตกลงขายและสละการครอบครองที่พิพาทให้แก่โจทก์แล้วทั้งโจทก์ครอบครองที่พิพาทมาด้วยเจตนาเป็นเจ้าของเป็นเวลากว่า10 ปี โจทก์จึงได้กรรมสิทธิ์ในที่พิพาท แต่ศาลจะพิพากษาให้จำเลยจดทะเบียนแก้ไขหลักฐานทางทะเบียนในที่ดินดังกล่าวเป็นชื่อโจทก์หากไม่ปฏิบัติตามให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนามิได้ เนื่องจากจำเลยไม่มีหน้าที่อย่างใดในทางนิติกรรมที่จะต้องโอนที่พิพาทให้แก่โจทก์ เป็นหน้าที่โจทก์ที่จะต้องดำเนินการให้มีชื่อของตนในโฉนดต่อไป.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5570/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองปรปักษ์ vs. สิทธิของบุคคลภายนอกที่ได้มาโดยสุจริตและจดทะเบียน การเปลี่ยนแปลงทางทะเบียนทำไม่ได้
ผู้ร้องได้ที่ดินและตึกแถวที่โจทก์นำยึดมาโดยการครอบครองปรปักษ์ เป็นการได้มาซึ่งสิทธิอันเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์โดยทางอื่นนอกจากนิติกรรม เมื่อผู้ร้องไม่ได้จดทะเบียนสิทธิของตนไว้ จึงไม่อาจทำให้มีการเปลี่ยนแปลงทางทะเบียนได้ ทั้งต้องห้ามมิให้ยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้โจทก์ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกผู้รับจำนองที่ดินและตึกแถวดังกล่าวโดยเสียค่าตอบแทนและจดทะเบียนสิทธิโดยสุจริตแล้ว ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1299 วรรคสอง ผู้ร้องจึงไม่มีสิทธิขอให้ปล่อยทรัพย์พิพาท
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5570/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองปรปักษ์และการคุ้มครองสิทธิผู้รับจำนองสุจริต ผู้ครอบครองปรปักษ์ยังไม่จดทะเบียนสิทธิ ไม่มีสิทธิเรียกร้องจากผู้รับจำนอง
ผู้ร้องได้ที่ดินและตึกแถวที่โจทก์นำยึดมาโดยการครอบครองปรปักษ์ เป็นการได้มาซึ่งสิทธิอันเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์โดยทางอื่นนอกจากนิติกรรม เมื่อผู้ร้องไม่ได้จดทะเบียนสิทธิของตนไว้ จึงไม่อาจทำให้มีการเปลี่ยนแปลงทางทะเบียนได้ ทั้งต้องห้ามมิให้ยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้โจทก์ ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกผู้รับจำนองที่ดินและตึกแถวดังกล่าวโดยเสียค่าตอบแทนและจดทะเบียนสิทธิโดยสุจริตแล้ว ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1299 วรรคสอง ผู้ร้องจึงไม่มีสิทธิขอให้ปล่อยทรัพย์พิพาท.