คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
คำพิพากษา

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,887 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7039/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อพิพาทครอบครองที่ดิน: คำพิพากษาคดีอาญาไม่ผูกพันคดีแพ่ง หากไม่ได้วินิจฉัยกรรมสิทธิ์
ในคดีอาญาพนักงานอัยการฟ้องโจทก์ที่ 1 ว่าบุกรุกที่ดินของจำเลย ผู้เสียหายในคดีคือจำเลย โจทก์ที่ 2 ไม่ได้เป็นคู่ความหรือผู้เสียหายในคดีอาญา การพิพากษาข้อพิพาทระหว่างโจทก์ที่ 2 กับจำเลยในคดีส่วนแพ่งจึงไม่จำต้องถือข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในคำพิพากษาคดีส่วนอาญา ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 46 คำพิพากษาคดีส่วนอาญาหมายถึงคำพิพากษาของศาลสูงที่ถึงที่สุดแล้ว เมื่อคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ที่ถึงที่สุดมิได้วินิจฉัยว่าที่ดินพิพาทเป็นของโจทก์ที่ 1 จึงไม่มีข้อเท็จจริงที่เป็นประโยชน์แก่โจทก์ที่ 1ในการที่จะนำมารับฟังในคดีส่วนแพ่ง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 682/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การระงับสิทธิฟ้องคดีอาญาเนื่องจากศาลชั้นต้นมีคำพิพากษายกฟ้องคดีก่อนหน้า แม้เป็นการยกฟ้องเนื่องจากไม่มีพยาน
โจทก์ร่วมเคยยื่นฟ้องจำเลยในความผิดกรณีเดียวกันนี้ต่อศาลชั้นต้น ในวันนัดไต่สวนมูลฟ้องทนายโจทก์คดีดังกล่าวแถลงต่อศาลว่าไม่มีพยานมาสืบ ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า โจทก์ไม่มีพยานหลักฐานมายืนยันความผิดของจำเลย คดีจึงไม่มีมูลและพิพากษายกฟ้องซึ่งมีผลเช่นเดียวกับการพิพากษายกฟ้องโดยศาลเห็นว่าจำเลยมิได้กระทำความผิดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 185 วรรคแรกจึงถือได้ว่าศาลชั้นต้นได้พิพากษาเสร็จเด็ดขาดในความผิดซึ่งได้ฟ้องแล้ว สิทธินำคดีอาญานี้มาฟ้องย่อมระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39(4) หาใช่เป็นคดีที่ศาลชั้นต้นในคดีดังกล่าวพิพากษายกฟ้องโดยโจทก์ไม่มาศาลตามกำหนดนัดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 166 วรรคแรก ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6478/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ดุลพินิจศาลอาญา: ไม่ผูกพันตามคำพิพากษาคดีอื่น, ยกประโยชน์แห่งความสงสัย
การพิพากษาคดีอาญาหาได้มีบทบัญญัติของกฎหมายให้ ศาลจำต้องถือตามข้อเท็จจริงที่ปรากฏในคำพิพากษาคดีส่วนอาญาในคดีอื่นดังเช่นที่บัญญัติไว้สำหรับคดีแพ่ง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 46 ไม่เพราะในคดีอาญา ศาลจะต้องใช้ดุลพินิจวินิจฉัยชั่งน้ำหนักพยานหลักฐานทั้งปวง จะไม่พิพากษาลงโทษจำเลยจนกว่าจะแน่ใจว่ามีการกระทำความผิดจริงและจำเลยเป็นผู้กระทำความผิดนั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6291/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิค่าเลี้ยงชีพหลังหย่า: เริ่มนับแต่วันที่คำพิพากษาถึงที่สุด
จำเลยต้องรับผิดจ่ายค่าเลี้ยงชีพให้โจทก์ตาม ป.พ.พ. มาตรา1526 เมื่อมีการหย่ากันแล้ว และการหย่าโดยคำพิพากษามีผลแต่เวลาที่คำพิพากษาถึงที่สุด ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1531 วรรคสอง โจทก์จึงมีสิทธิได้รับค่าเลี้ยงชีพนับแต่วันที่คำพิพากษาถึงที่สุด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6291/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การหย่าและการแบ่งสินสมรส รวมถึงการกำหนดค่าเลี้ยงชีพหลังการหย่า โดยค่าเลี้ยงชีพเริ่มนับจากวันอ่านคำพิพากษาศาลฎีกา
จำเลยต้องรับผิดจ่ายค่าเลี้ยงชีพให้โจทก์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1526 เมื่อมีการหย่ากันแล้วและการหย่าโดยคำพิพากษามีผลแต่เวลาที่คำพิพากษาถึงที่สุดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1531 วรรคสอง โจทก์จึงมีสิทธิได้รับค่าเลี้ยงชีพนับแต่วันที่คำพิพากษาถึงที่สุด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 628/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับสารภาพและการพิจารณาความผิดฐานต่างๆ ศาลฎีกายกฟ้องฐานพรากผู้เยาว์และยืนตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์
จำเลยยื่นคำร้องขอถอนคำให้การเดิมขอให้การใหม่รับสารภาพศาลชั้นต้นจดคำให้การจำเลยที่รับสารภาพขึ้นใหม่ การที่ตัวจำเลยได้ลงชื่อในฐานะจำเลยลงในคำให้การและในรายงานกระบวนพิจารณาของศาลต่อหน้าศาลชั้นต้นนั้นเป็นการแสดงให้เห็นว่า จำเลยมีเจตนายื่นคำร้องให้การรับสารภาพผิดตามฟ้องโจทก์ใหม่ต่อศาลด้วยตัวของจำเลยโดยไม่ประสงค์ให้ทนายความที่แต่งตั้งทำแทนซึ่งย่อมกระทำได้เพราะทนายความที่จำเลยแต่งตั้งนั้นตามกฎหมายเพียงให้เข้ามาดำเนินกระบวนพิจารณาในศาลในฐานะตัวแทนของจำเลยเท่านั้น ฟ้องโจทก์ระบุว่า ผู้เสียหายอายุ 11 ปี 10 เดือน ทางพิจารณาปรากฏว่าผู้เสียหายอายุ 14 ปี 10 เดือน 16 วัน เมื่อตามฟ้องโจทก์ขอให้ลงโทษจำเลยตามมาตรา 277 วรรคแรก วรรคสอง และวรรคสามซึ่งตามวรรคแรกได้ระบุอายุของผู้เสียหายไว้ไม่เกิน 15 ปีข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในทางพิจารณาเกี่ยวกับเรื่องอายุของผู้เสียหายจึงไม่แตกต่างกับข้อเท็จจริงที่ปรากฏในฟ้องอันจะเป็นเหตุให้ศาลยกฟ้อง การที่จำเลยให้การรับสารภาพ เป็นการรับสารภาพว่าจำเลยได้กระทำตามฟ้องจริง ส่วนการกระทำตามฟ้องจะเป็นความผิดตามบทกฎหมายที่โจทก์ขอให้ลงโทษหรือไม่ เป็นอำนาจของศาลที่จะพิจารณาตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 185 แม้จำเลยจะมิได้ฎีกาในข้อหาความผิดฐานพรากผู้เยาว์แต่เมื่อข้อเท็จจริงได้ความว่า จำเลยมิได้มีเจตนาพรากผู้เสียหายไปจากผู้ปกครอง ศาลฎีกามีอำนาจยกฟ้องในข้อหาดังกล่าวตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 185 ประกอบมาตรา 215,225 ที่จำเลยฎีกาว่า ลายมือชื่อผู้ร้องทุกข์ในบันทึกคำร้องทุกข์หรือกล่าวโทษในคดีนี้เป็นลายมือชื่อปลอมนั้น เป็นการยกข้อเท็จจริงขึ้นใหม่ในชั้นฎีกา ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6135/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องซ้ำ: เจ้าของรวมฟ้องแย่งคืนที่ดินหลังมีคำพิพากษาถึงที่สุดแล้ว
คดีนี้และคดีก่อนจำเลยเป็นบุคคลเดียวกัน ที่ดินพิพาทแปลงเดียวกัน โจทก์ในคดีทั้งสองเป็นพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกัน และประเด็นข้อพิพาทแห่งคดีเป็นอย่างเดียวกัน คือโจทก์ทั้งสองคดีเป็นผู้มีสิทธิครอบครองที่ดินพิพาทหรือไม่โดยฝ่ายโจทก์ต่างอ้างว่าได้รับมรดกที่ดินมาจากบิดา เฉพาะโจทก์ทั้งสองในคดีก่อนได้ยืนยันด้วยว่า หลังจากรับที่ดินพิพาทมาแล้ว โจทก์ทั้งสองในคดีดังกล่าวกับโจทก์ในคดีนี้เข้าครอบครองทำประโยชน์ร่วมกันและแทนกันตลอดมา ดังนี้ ตามพฤติการณ์แห่งคดีกรณีถือได้ว่าโจทก์ทั้งสองคดีเป็นเจ้าของรวมในที่ดินพิพาทเมื่อโจทก์ทั้งสองในคดีก่อนฟ้องขอให้ศาลพิพากษาว่าที่ดินพิพาทเป็นของตนกับโจทก์ในคดีนี้ จึงเป็นการใช้สิทธิอันเกิดแต่การเป็นเจ้าของรวมเพื่อต่อสู้จำเลยทั้งสองซึ่งเป็นบุคคลภายนอกและเป็นการใช้สิทธิฟ้องแทนโจทก์ในคดีนี้ด้วย ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1359 การที่โจทก์ฟ้องคดีนี้อีกจึงเป็นการใช้สิทธิของเจ้าของรวม เมื่อคดีก่อนที่โจทก์ทั้งสองฟ้องนั้นมีประเด็นข้อพิพาทอย่างเดียวกันกับที่โจทก์ฟ้องคดีนี้และคดีดังกล่าวศาลได้มีคำพิพากษาถึงที่สุดแล้วจึงเป็นการรื้อร้องฟ้องกันอีกในประเด็นที่ได้วินิจฉัยโดยอาศัยเหตุอย่างเดียวกัน และกรณีไม่เข้าข้อยกเว้นตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 148 ฟ้องของโจทก์จึงเป็นฟ้องซ้ำ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6110/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบังคับคดีและการชำระหนี้เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาในคดีล้มละลาย ต้องเป็นไปตาม พ.ร.บ.ล้มละลาย
การที่โจทก์ซึ่งแม้จะเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาของลูกหนี้ผู้ถูกพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดก็ตาม จะได้รับชำระหนี้นั้น จะต้องบังคับตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 โจทก์จะขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดีนำเงินประกันการขอทุเลาการบังคับที่จำเลยวางไว้ต่อศาลซึ่งยังเป็นทรัพย์สินของลูกหนี้อยู่มาชำระหนี้ตามคำพิพากษาแก่โจทก์โดยไม่ปฏิบัติตามกฎหมายล้มละลายดังกล่าวหาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5991/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องซ้ำ: คดีบุกรุกที่ดินสาธารณะ คำพิพากษาผูกพันคู่ความเดิม
ปัญหาที่ว่าฟ้องโจทก์เป็นฟ้องซ้ำหรือไม่ เป็นปัญหาข้อกฎหมายเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน สำหรับคดีนี้ศาลฎีกาเห็นสมควรยกขึ้นวินิจฉัย
ที่ดินพิพาท อำเภอวารินชำราบเคยเป็นโจทก์ฟ้อง บ. บิดาจำเลยว่า บ. ได้บุกรุกเข้าครอบครองที่ดินพิพาท ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของที่ดินอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินและทางราชการได้สงวนหวงห้ามไว้เพื่อประโยชน์ในราชการบ. จำเลยให้การว่าที่ดินพิพาทไม่ใช่ที่สาธารณะ คดีดังกล่าวถึงที่สุด โดยศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า พยานโจทก์ยังฟังไม่ได้ว่าที่ดินพิพาทเป็นที่ที่ทางการหวงห้ามไว้เพื่อสาธารณประโยชน์และเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน การที่โจทก์ซึ่งมีหน้าที่ปกครองดูแลสาธารณสมบัติของแผ่นดินตามกฎหมายกลับมาฟ้องจำเลย ซึ่งเป็นทายาทผู้ครอบครองที่ดินพิพาทต่อจาก บ. เป็นคดีนี้อีกว่า จำเลยครอบครองที่ดินพิพาทอันเป็นที่ดินสาธารณสมบัติของแผ่นดิน ปัจจุบันเป็นที่ราชพัสดุสืบต่อจาก บ. ขอให้บังคับขับไล่และจำเลยให้การว่าที่ดินพิพาทเป็นของ บ. บิดาจำเลย โจทก์ขึ้นทะเบียนที่ดินพิพาทเป็นที่ราชพัสดุโดยไม่ชอบ นอกจากที่ดินพิพาททั้งสองคดีจะเป็นที่ดินแปลงเดียวกันแล้ว ประเด็นพิพาททั้งสองคดีก็เป็นอย่างเดียวกันว่าที่ดินพิพาทเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินหรือไม่ แม้โจทก์จำเลยคดีนี้มิใช่เป็นคู่ความคนเดียวกับโจทก์จำเลยในคดีก่อน แต่โจทก์ในคดีนี้ก็เป็นผู้รับผิดชอบปกครองดูแลที่ดินอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินสืบต่อจากโจทก์ในคดีก่อน ส่วนจำเลยเป็นผู้ครอบครองที่ดินพิพาทสืบสิทธิต่อจาก บ. บิดา ย่อมต้องถือว่าโจทก์จำเลยคดีนี้กับคดีก่อนเป็นคู่ความรายเดียวกันผลแห่งคำพิพากษาในคดีก่อนที่ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่ดินพิพาทฟังไม่ได้ว่าเป็นที่สาธารณ-สมบัติของแผ่นดินจึงผูกพันคู่ความในคดีนี้มิให้รื้อร้องฟ้องกันอีกในประเด็นที่ได้วินิจฉัยโดยอาศัยเหตุอย่างเดียวกันตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 148ฟ้องโจทก์จึงเป็นฟ้องซ้ำกับคดีก่อน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5991/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องซ้ำ: ประเด็นเดิม คู่ความรายเดียวกัน คำพิพากษาศาลฎีกาผูกพัน
ปัญหาที่ว่าฟ้องโจทก์เป็นฟ้องซ้ำหรือไม่ เป็นปัญหาข้อกฎหมายเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน สำหรับคดีนี้ศาลฎีกาเห็นสมควรยกขึ้นวินิจฉัย ที่ดินพิพาท อำเภอวารินชำราบเคยเป็นโจทก์ฟ้อง บ.บิดาจำเลยว่า บ. ได้บุกรุกเข้าครอบครองที่ดินพิพาท ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของที่ดินอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินและทางราชการได้สงวนหวงห้ามไว้เพื่อประโยชน์ในราชการ บ. จำเลยให้การว่าที่ดินพิพาทไม่ใช่ที่สาธารณะ คดีดังกล่าวถึงที่สุด โดยศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า พยานโจทก์ยังฟังไม่ได้ว่าที่ดินพิพาทเป็นที่ที่ทางการหวงห้ามไว้เพื่อสาธารณประโยชน์และเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน การที่โจทก์ซึ่งมีหน้าที่ปกครองดูแลสาธารณสมบัติของแผ่นดินตามกฎหมายกลับมาฟ้องจำเลย ซึ่งเป็นทายาทผู้ครอบครองที่ดินพิพาทต่อจาก บ. เป็นคดีนี้อีกว่า จำเลยครอบครองที่ดินพิพาทอันเป็นที่ดินสาธารณสมบัติของแผ่นดิน ปัจจุบันเป็นที่ราชพัสดุสืบต่อจาก บ. ขอให้บังคับขับไล่และจำเลยให้การว่าที่ดินพิพาทเป็นของ บ. บิดาจำเลย โจทก์ขึ้นทะเบียนที่ดินพิพาทเป็นที่ราชพัสดุโดยไม่ชอบ นอกจากที่ดินพิพาททั้งสองคดีจะเป็นที่ดินแปลงเดียวกันแล้ว ประเด็นพิพาททั้งสองคดีก็เป็นอย่างเดียวกันว่าที่ดินพิพาทเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินหรือไม่ แม้โจทก์จำเลยคดีนี้มิใช่เป็นคู่ความคนเดียวกับโจทก์จำเลยในคดีก่อน แต่โจทก์ในคดีนี้ก็เป็นผู้รับผิดชอบปกครองดูแลที่ดินอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินสืบต่อจากโจทก์ในคดีก่อน ส่วนจำเลยเป็นผู้ครอบครองที่ดินพิพาทสืบสิทธิต่อจาก บ. บิดา ย่อมต้องถือว่าโจทก์จำเลยคดีนี้กับคดีก่อนเป็นคู่ความรายเดียวกันผลแห่งคำพิพากษาในคดีก่อนที่ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่ดินพิพาทฟังไม่ได้ว่าเป็นที่สาธารณสมบัติของแผ่นดินจึงผูกพันคู่ความในคดีนี้มิให้รื้อร้องฟ้องกันอีกในประเด็นที่ได้วินิจฉัยโดยอาศัยเหตุอย่างเดียวกันตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 148ฟ้องโจทก์จึงเป็นฟ้องซ้ำกับคดีก่อน
of 189