พบผลลัพธ์ทั้งหมด 886 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3395/2524 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การคำนวณรางวัลตาม พ.ร.บ.บำเหน็จปราบปรามผู้กระทำผิด: ราคาของกลางในคำฟ้องหรือราคาขายทอดตลาด
การจ่ายรางวัลร้อยละยี่สิบห้าของราคาของกลางตามพระราชบัญญัติให้บำเหน็จในการปราบปรามผู้กระทำความผิด พ.ศ.2489 มาตรา 8 นั้น ต้องถือราคาที่โจทก์กล่าวมาในคำฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3395/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การคำนวณรางวัลจากของกลางที่ขายทอดตลาด: ให้ใช้ราคาที่ระบุในคำฟ้อง
การจ่ายรางวัลร้อยละยี่สิบห้าของราคาของกลางตามพระราชบัญญัติให้บำเหน็จในการปราบปรามผู้กระทำความผิด พ.ศ.2489มาตรา 8 นั้น ต้องถือราคาที่โจทก์กล่าวมาในคำฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3123/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องเคลือบคลุม: การระบุเลขที่เช็คผิดพลาดเล็กน้อยในคำฟ้อง ไม่ทำให้คำฟ้องขาดความชัดเจน หากจำเลยทราบถึงรายละเอียดที่ถูกต้อง
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยที่ 1 ออกเช็คเลขที่ 2034623 แต่ โจทก์ก็ได้กล่าวในฟ้องด้วยว่าเช็คดังกล่าวนั้นปรากฏตามสำเนาภาพถ่ายเช็คท้ายฟ้อง ซึ่งเป็นเช็คหมายเลข 2035623 สำเนาท้ายฟ้องย่อมถือเป็นส่วนหนึ่งของฟ้องด้วย ทั้งก่อนจำเลยที่ 1 ยื่นคำให้การโจทก์ก็ได้นำส่งต้นฉบับเช็คและใบคืนเช็คต่อศาลแล้ว จำเลยที่ 1 จึงมีโอกาสตรวจสอบต้นฉบับเช็คได้และจำเลยที่ 1 มิได้ให้การโต้แย้งเลยว่าไม่ได้ออกเช็คเลขที่ 2035623แสดงว่าจำเลยที่ 1 เข้าใจฟ้องโจทก์ดีว่าเช็คตามฟ้องนั้นคือเช็คเลขที่ 203562 จึงมิได้เสียเปรียบในการต่อสู้คดี คำฟ้องของโจทก์จึงไม่เคลือบคลุม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2756/2524 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลในการตรวจคำฟ้องและผลกระทบต่อการขังจำเลยในคดีอาญา
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15 ประกอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 18 ให้อำนาจแก่ศาลชั้นต้นในการตรวจคำฟ้องซึ่งเป็นคำคู่ความโดยเด็ดขาดเมื่อปรากฏว่าคำฟ้องของโจทก์มีรายการช่องอายุแต่ไม่ใส่ให้ครบถ้วน ที่อยู่ของจำเลยผิดพลาดสับสน ศาลชั้นต้นจึงมีอำนาจสั่งคืนฟ้องให้โจทก์แก้ไขให้ถูกต้องได้โดยชอบ
คำสั่งคืนฟ้องให้โจทก์ทำมายื่นใหม่หาใช่เป็นคำสั่งระหว่างพิจารณาไม่ แต่เป็นคำสั่งไม่รับหรือคืนคำคู่ความตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15 ประกอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 18 ถือว่าศาลชั้นต้นยังไม่ได้ประทับฟ้องของโจทก์ไว้พิจารณา ศาลจึงไม่มีอำนาจสั่งขังจำเลย เมื่อโจทก์แก้ไขคำฟ้องแล้วนำมายื่นใหม่ โจทก์จึงมีหน้าที่ต้องนำตัวจำเลยมาส่งศาลพร้อมคำฟ้องดังที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 165
คำสั่งคืนฟ้องให้โจทก์ทำมายื่นใหม่หาใช่เป็นคำสั่งระหว่างพิจารณาไม่ แต่เป็นคำสั่งไม่รับหรือคืนคำคู่ความตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15 ประกอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 18 ถือว่าศาลชั้นต้นยังไม่ได้ประทับฟ้องของโจทก์ไว้พิจารณา ศาลจึงไม่มีอำนาจสั่งขังจำเลย เมื่อโจทก์แก้ไขคำฟ้องแล้วนำมายื่นใหม่ โจทก์จึงมีหน้าที่ต้องนำตัวจำเลยมาส่งศาลพร้อมคำฟ้องดังที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 165
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2756/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลในการตรวจคำฟ้องและผลกระทบต่อการขังจำเลย กรณีคำฟ้องไม่สมบูรณ์
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15 ประกอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 18 ให้อำนาจแก่ศาลชั้นต้นในการตรวจคำฟ้องซึ่งเป็นคำคู่ความโดยเด็ดขาดเมื่อปรากฏว่าคำฟ้องของโจทก์มีรายการช่องอายุแต่ไม่ใส่ให้ครบถ้วน ที่อยู่ของจำเลยผิดพลาดสับสน ศาลชั้นต้นจึงมีอำนาจสั่งคืนฟ้องให้โจทก์แก้ไขให้ถูกต้องได้โดยชอบ
คำสั่งคืนฟ้องให้โจทก์ทำมายื่นใหม่หาใช่เป็นคำสั่งระหว่างพิจารณาไม่ แต่เป็นคำสั่งไม่รับหรือคืนคำคู่ความตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15ประกอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 18 ถือว่าศาลชั้นต้นยังไม่ได้ประทับฟ้องของโจทก์ไว้พิจารณา ศาลจึงไม่มีอำนาจสั่งขังจำเลย เมื่อโจทก์แก้ไขคำฟ้องแล้วนำมายื่นใหม่ โจทก์จึงมีหน้าที่ต้องนำตัวจำเลยมาส่งศาลพร้อมคำฟ้องดังที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 165
คำสั่งคืนฟ้องให้โจทก์ทำมายื่นใหม่หาใช่เป็นคำสั่งระหว่างพิจารณาไม่ แต่เป็นคำสั่งไม่รับหรือคืนคำคู่ความตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15ประกอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 18 ถือว่าศาลชั้นต้นยังไม่ได้ประทับฟ้องของโจทก์ไว้พิจารณา ศาลจึงไม่มีอำนาจสั่งขังจำเลย เมื่อโจทก์แก้ไขคำฟ้องแล้วนำมายื่นใหม่ โจทก์จึงมีหน้าที่ต้องนำตัวจำเลยมาส่งศาลพร้อมคำฟ้องดังที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 165
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 23/2524 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องเรียกค่าทดแทนกรณีประสบอันตรายจากการทำงาน ศาลต้องวินิจฉัยตามข้อเท็จจริงในคำฟ้องเท่านั้น
สำนักงานกองทุนเงินทดแทนขึ้นอยู่ในกรมแรงงาน การปฏิบัติงานของสำนักงานนี้ดำเนินการโดยคณะกรรมการกองทุนเงินทดแทน ซึ่งมีอธิบดีกรมแรงงานเป็นประธานต้องรับผิดในการกระทำของคณะกรรมการกองทุนเงินทดแทนนั้นด้วย โจทก์จึงชอบที่จะฟ้องกรมแรงงานได้ ไม่ต้องฟ้องกรรมการทุกคน
โจทก์ฟ้องขอให้เพิกถอนคำวินิจฉัยของคณะกรรมการกองทุนเงินทดแทน และให้กรมแรงงานจำเลยจ่ายเงินทดแทนและค่ารักษาพยาบาลจากกองทุนเงินทดแทนอ้างว่าโจทก์เดินไปเข้าห้องส้วมตามกระดานที่นายจายพาดไว้ไม่เรียบร้อย โจทก์หกล้มเป็นอัมพาต แต่ทางพิจารณาได้ความว่าโจทก์เป็นโรคความดันโลหิตสูงอยู่แล้ว มาทำงานล่วงเวลาหลายวันทำให้เกิดความเคร่งเครียด โรคความดันโลหิตสูงทวีความรุนแรงขึ้น ในที่สุดล้มป่วยลงขณะทำงานให้นายจ้างและเป็นอัมพาต ดังนี้ จะวินิจฉัยว่าโจทก์ประสบอันตรายเนื่องจากการทำงานมิได้ เพราะเป็นข้อเท็จจริงที่มิได้ปรากฏในคำฟ้อง ต้องห้ามตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานมาตรา 52 ไม่เข้าข้อยกเว้นในกรณีที่ศาลแรงงานเห็นสมควรเพื่อความเป็นธรรมจะพิพากษาหรือสั่งเกินคำขอบังคับได้
โจทก์ฟ้องขอให้เพิกถอนคำวินิจฉัยของคณะกรรมการกองทุนเงินทดแทน และให้กรมแรงงานจำเลยจ่ายเงินทดแทนและค่ารักษาพยาบาลจากกองทุนเงินทดแทนอ้างว่าโจทก์เดินไปเข้าห้องส้วมตามกระดานที่นายจายพาดไว้ไม่เรียบร้อย โจทก์หกล้มเป็นอัมพาต แต่ทางพิจารณาได้ความว่าโจทก์เป็นโรคความดันโลหิตสูงอยู่แล้ว มาทำงานล่วงเวลาหลายวันทำให้เกิดความเคร่งเครียด โรคความดันโลหิตสูงทวีความรุนแรงขึ้น ในที่สุดล้มป่วยลงขณะทำงานให้นายจ้างและเป็นอัมพาต ดังนี้ จะวินิจฉัยว่าโจทก์ประสบอันตรายเนื่องจากการทำงานมิได้ เพราะเป็นข้อเท็จจริงที่มิได้ปรากฏในคำฟ้อง ต้องห้ามตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานมาตรา 52 ไม่เข้าข้อยกเว้นในกรณีที่ศาลแรงงานเห็นสมควรเพื่อความเป็นธรรมจะพิพากษาหรือสั่งเกินคำขอบังคับได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2390/2524 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำฟ้องไม่สมบูรณ์หากไม่บรรยายองค์ประกอบความผิดตาม พ.ร.บ. เช็ค
ปัญหาว่าคำฟ้องของโจทก์สมบูรณ์ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่เป็นปัญหาข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชนศาลฎีกาย่อมยกขึ้นวินิจฉัยได้เอง
คำฟ้องของโจทก์มีสารสำคัญแต่เพียงว่า จำเลยออกเช็คเพื่อชำระหนี้แก่ผู้เสียหาย หลังจากเช็คถึงกำหนดผู้รับมอบอำนาจจากผู้เสียหายได้นำเช็คไปเรียกเก็บเงินจากธนาคาร และธนาคารตามเช็คได้ปฏิเสธการจ่ายเงินเท่านั้นโจทก์มิได้กล่าวถึงการกระทำอันเป็นองค์ประกอบความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ.2497มาตรา 3 อนุมาตรา (1) ถึง (5) แต่ประการใด ถือได้ว่าโจทก์มิได้บรรยายถึงการกระทำทั้งหลายที่อ้างว่าจำเลยได้กระทำความผิด ฟ้องโจทก์จึงไม่สมบูรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(5)(อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 901/2522)
คำฟ้องของโจทก์มีสารสำคัญแต่เพียงว่า จำเลยออกเช็คเพื่อชำระหนี้แก่ผู้เสียหาย หลังจากเช็คถึงกำหนดผู้รับมอบอำนาจจากผู้เสียหายได้นำเช็คไปเรียกเก็บเงินจากธนาคาร และธนาคารตามเช็คได้ปฏิเสธการจ่ายเงินเท่านั้นโจทก์มิได้กล่าวถึงการกระทำอันเป็นองค์ประกอบความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ.2497มาตรา 3 อนุมาตรา (1) ถึง (5) แต่ประการใด ถือได้ว่าโจทก์มิได้บรรยายถึงการกระทำทั้งหลายที่อ้างว่าจำเลยได้กระทำความผิด ฟ้องโจทก์จึงไม่สมบูรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(5)(อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 901/2522)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2390/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำฟ้องไม่สมบูรณ์หากไม่บรรยายองค์ประกอบความผิดตาม พ.ร.บ. เช็ค
ปัญหาว่าคำฟ้องของโจทก์สมบูรณ์ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่เป็นปัญหาข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชนศาลฎีกาย่อมยกขึ้นวินิจฉัยได้เอง
คำฟ้องของโจทก์มีสารสำคัญแต่เพียงว่า จำเลยออกเช็คเพื่อชำระหนี้แก่ผู้เสียหาย หลังจากเช็คถึงกำหนดผู้รับมอบอำนาจจากผู้เสียหายได้นำเช็คไปเรียกเก็บเงินจากธนาคาร และธนาคารตามเช็คได้ปฏิเสธการจ่ายเงินเท่านั้นโจทก์มิได้กล่าวถึงการกระทำอันเป็นองค์ประกอบความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ.2497 มาตรา 3 อนุมาตรา (1) ถึง (5) แต่ประการใด ถือได้ว่าโจทก์มิได้บรรยายถึงการกระทำทั้งหลายที่อ้างว่าจำเลยได้กระทำความผิด ฟ้องโจทก์จึงไม่สมบูรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(5) (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 901/2522)
คำฟ้องของโจทก์มีสารสำคัญแต่เพียงว่า จำเลยออกเช็คเพื่อชำระหนี้แก่ผู้เสียหาย หลังจากเช็คถึงกำหนดผู้รับมอบอำนาจจากผู้เสียหายได้นำเช็คไปเรียกเก็บเงินจากธนาคาร และธนาคารตามเช็คได้ปฏิเสธการจ่ายเงินเท่านั้นโจทก์มิได้กล่าวถึงการกระทำอันเป็นองค์ประกอบความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ.2497 มาตรา 3 อนุมาตรา (1) ถึง (5) แต่ประการใด ถือได้ว่าโจทก์มิได้บรรยายถึงการกระทำทั้งหลายที่อ้างว่าจำเลยได้กระทำความผิด ฟ้องโจทก์จึงไม่สมบูรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(5) (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 901/2522)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 23/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดของกรมแรงงานต่อการกระทำของคณะกรรมการกองทุนเงินทดแทน และข้อจำกัดการวินิจฉัยนอกคำฟ้องในคดีแรงงาน
สำนักงานกองทุนเงินทดแทนขึ้นอยู่ในกรมแรงงาน การปฏิบัติงานของสำนักงานนี้ดำเนินการโดยคณะกรรมการกองทุนเงินทดแทน ซึ่งมีอธิบดีกรมแรงงานเป็นประธาน เมื่อคณะกรรมการกองทุนเงินทดแทนปฏิบัติงานเป็นการโต้แย้งสิทธิของโจทก์ กรมแรงงานต้องรับผิด ในการกระทำของคณะกรรมการกองทุนเงินทดแทนนั้นด้วยโจทก์จึงชอบ ที่จะฟ้องกรมแรงงานได้ ไม่ต้องฟ้องกรรมการทุกคน
โจทก์ฟ้องขอให้เพิกถอนคำวินิจฉัยของ คณะกรรมการกองทุนเงินทดแทนและให้กรมแรงงานจำเลยจ่ายเงินทดแทนและค่ารักษาพยาบาลจากกองทุนเงินทดแทนอ้างว่าโจทก์เดินไปเข้าห้องส้วมตามกระดานที่นายจ้างพาดไว้ไม่เรียบร้อย โจทก์หกล้ม เป็นอัมพาต แต่ทางพิจารณาได้ความว่าโจทก์เป็นโรคความดันโลหิตสูง อยู่แล้ว มาทำงานล่วงเวลาหลายวันทำให้เกิดความเคร่งเครียดโรคความดันโลหิตสูงทวีความรุนแรงขึ้น ในที่สุดล้มป่วยลงขณะ ทำงานให้นายจ้างและเป็นอัมพาตดังนี้ จะวินิจฉัยว่าโจทก์ ประสบอันตรายเนื่องจากการทำงานมิได้ เพราะเป็นข้อเท็จจริงที่มิได้ ปรากฏในคำฟ้องต้องห้ามตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงาน มาตรา 52 ไม่เข้าข้อยกเว้นในกรณีที่ศาลแรงงานเห็นสมควรเพื่อ ความเป็นธรรมจะพิพากษาหรือสั่งเกินคำขอบังคับได้
โจทก์ฟ้องขอให้เพิกถอนคำวินิจฉัยของ คณะกรรมการกองทุนเงินทดแทนและให้กรมแรงงานจำเลยจ่ายเงินทดแทนและค่ารักษาพยาบาลจากกองทุนเงินทดแทนอ้างว่าโจทก์เดินไปเข้าห้องส้วมตามกระดานที่นายจ้างพาดไว้ไม่เรียบร้อย โจทก์หกล้ม เป็นอัมพาต แต่ทางพิจารณาได้ความว่าโจทก์เป็นโรคความดันโลหิตสูง อยู่แล้ว มาทำงานล่วงเวลาหลายวันทำให้เกิดความเคร่งเครียดโรคความดันโลหิตสูงทวีความรุนแรงขึ้น ในที่สุดล้มป่วยลงขณะ ทำงานให้นายจ้างและเป็นอัมพาตดังนี้ จะวินิจฉัยว่าโจทก์ ประสบอันตรายเนื่องจากการทำงานมิได้ เพราะเป็นข้อเท็จจริงที่มิได้ ปรากฏในคำฟ้องต้องห้ามตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงาน มาตรา 52 ไม่เข้าข้อยกเว้นในกรณีที่ศาลแรงงานเห็นสมควรเพื่อ ความเป็นธรรมจะพิพากษาหรือสั่งเกินคำขอบังคับได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1993/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ประเด็นอำนาจฟ้องและคำฟ้องไม่เคลือบคลุม ศาลฎีกาเห็นว่าไม่เป็นเหตุแห่งการฎีกา
จำเลยฎีกาว่า จำเลยอุทธรณ์เรื่องโจทก์ที่ 2 มิได้มอบอำนาจให้โจทก์ที่ 1 ฟ้องคดีเพราะหนังสือมอบอำนาจท้ายฟ้องปลอม แต่ศาลอุทธรณ์ไม่วินิจฉัยให้ ข้อต่อสู้นี้ศาลชั้นต้นมิได้กำหนดเป็นประเด็นข้อพิพาทไว้ในชั้นชี้สองสถานและจำเลยมิได้โต้แย้งไว้ ถือได้ว่าเรื่องอำนาจฟ้องไม่เป็นประเด็นในคดีแล้ว จึงไม่จำต้องวินิจฉัย
ฟ้องโจทก์บรรยายถึงค่าเสียหายว่ารถยนต์ของโจทก์ได้รับความเสียหายปรากฏตามสำเนาบิลเงินสดค่าซ่อมท้ายฟ้องเป็นเงิน26,730 บาทเท่านั้น แต่บิลเงินสดดังกล่าวแสดงรายการค่าซ่อม และเปลี่ยนอะไหล่รวมทั้งราคาแต่ละรายการไว้ชัดแจ้งเพียงพอที่จำเลยจะเข้าใจได้ดีแล้ว จึงไม่เคลือบคลุม
ฟ้องโจทก์บรรยายถึงค่าเสียหายว่ารถยนต์ของโจทก์ได้รับความเสียหายปรากฏตามสำเนาบิลเงินสดค่าซ่อมท้ายฟ้องเป็นเงิน26,730 บาทเท่านั้น แต่บิลเงินสดดังกล่าวแสดงรายการค่าซ่อม และเปลี่ยนอะไหล่รวมทั้งราคาแต่ละรายการไว้ชัดแจ้งเพียงพอที่จำเลยจะเข้าใจได้ดีแล้ว จึงไม่เคลือบคลุม