พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,032 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3274/2522 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การซื้อขายแร่โดยไม่ถูกต้องตามกฎหมาย และข้อยกเว้นการมีแร่ไว้ในครอบครองเกินกำหนด
กรณีจะปรับเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติควบคุมแร่ดีบุก พ.ศ. 2514 มาตรา 19,30 ข้อเท็จจริงจะต้องปรากฏชัดว่าผู้ขายแร่เป็นผู้ทำเหมือง
การที่จำเลยซื้อแร่โดยฝ่าฝืนพระราชบัญญัติแร่ ย่อมถือไม่ได้ว่าจำเลยมีแร่ไว้ในครอบครองตามใบอนุญาตซื้อแร่ จึงไม่ต้องฟ้องด้วยข้อยกเว้นตามพระราชบัญญัติแร่ พ.ศ. 2510 มาตรา 105 (6) พระราชบัญญัติแร่ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2516 มาตรา 31
แร่ของกลางจำเลยได้มาโดยการกระทำความผิดตามพระราชบัญญัติแร่ พ.ศ. 2510 มาตรา 147,148 จึงต้องริบตามมาตรา 154 พระราชบัญญัติแร่ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2516 มาตรา 39
การที่จำเลยซื้อแร่โดยฝ่าฝืนพระราชบัญญัติแร่ ย่อมถือไม่ได้ว่าจำเลยมีแร่ไว้ในครอบครองตามใบอนุญาตซื้อแร่ จึงไม่ต้องฟ้องด้วยข้อยกเว้นตามพระราชบัญญัติแร่ พ.ศ. 2510 มาตรา 105 (6) พระราชบัญญัติแร่ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2516 มาตรา 31
แร่ของกลางจำเลยได้มาโดยการกระทำความผิดตามพระราชบัญญัติแร่ พ.ศ. 2510 มาตรา 147,148 จึงต้องริบตามมาตรา 154 พระราชบัญญัติแร่ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2516 มาตรา 39
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3274/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การซื้อขายแร่โดยไม่ถูกต้องตามกฎหมาย การครอบครองแร่เกินปริมาณที่กำหนด และข้อยกเว้นการครอบครองแร่ในสถานที่ซื้อขาย
กรณีจะปรับเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติควบคุมแร่ดีบุกพ.ศ.2514 มาตรา 19,30 ข้อเท็จจริงจะต้องปรากฏชัดว่าผู้ขายแร่ เป็นผู้ทำเหมือง
การที่จำเลยซื้อแร่โดยฝ่าฝืนพระราชบัญญัติแร่ ย่อมถือไม่ได้ว่าจำเลยมีแร่ไว้ในครอบครองตามใบอนุญาตซื้อแร่จึงไม่ต้องด้วยข้อยกเว้นตามพระราชบัญญัติแร่ พ.ศ.2510มาตรา 105(6) พระราชบัญญัติแร่ (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2516มาตรา 31
แร่ของกลางจำเลยได้มาโดยการกระทำความผิดตามพระราชบัญญัติแร่ พ.ศ.2510 มาตรา 147,148 จึงต้องริบตามมาตรา154 พระราชบัญญัติแร่ (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2516 มาตรา39
การที่จำเลยซื้อแร่โดยฝ่าฝืนพระราชบัญญัติแร่ ย่อมถือไม่ได้ว่าจำเลยมีแร่ไว้ในครอบครองตามใบอนุญาตซื้อแร่จึงไม่ต้องด้วยข้อยกเว้นตามพระราชบัญญัติแร่ พ.ศ.2510มาตรา 105(6) พระราชบัญญัติแร่ (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2516มาตรา 31
แร่ของกลางจำเลยได้มาโดยการกระทำความผิดตามพระราชบัญญัติแร่ พ.ศ.2510 มาตรา 147,148 จึงต้องริบตามมาตรา154 พระราชบัญญัติแร่ (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2516 มาตรา39
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3273/2522 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การซื้อขายแร่โดยไม่ถูกต้องตามกฎหมาย และการครอบครองแร่เกินปริมาณที่กำหนด
แร่ดีบุกของกลางไม่ปรากฏจำนวนตามบัญชีสต๊อก ไม่มีหลักฐานการซื้อมาในบัญชีซื้อแร่ ไม่มีเอกสารที่ผู้ขายมอบให้เพื่อแสดงว่าเป็นแร่ที่ผู้ขายมีอำนาจขายได้ตามที่กฎหมายบังคับ การซื้อแร่ของจำเลยเป็นการฝ่าฝืนพระราชบัญญัติแร่ พ.ศ. 2510 มาตรา 98 พระราชบัญญัติแร่ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2516 มาตรา 28 จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติแร่ พ.ศ. 2510 มาตรา 147
จำเลยมีแร่ไว้ครอบครองเกินสองกิโลกรัม จึงเป็นการฝ่าฝืนพระราชบัญญัติแร่ พ.ศ. 2510 มาตรา 105 พระราชบัญญัติแร่ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2516 มาตรา 31 อันเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติแร่ พ.ศ. 2510 มาตรา 148 ด้วย
การที่จำเลยซื้อแร่โดยฝ่าฝืนพระราชบัญญัติแร่ ย่อมถือไม่ได้ว่าจำเลยมีแร่ไว้ในครอบครองตามใบอนุญาตซื้อแร่และไม่เข้าข้อยกเว้นตามมาตรา 31 (6)
จำเลยมีแร่ไว้ครอบครองเกินสองกิโลกรัม จึงเป็นการฝ่าฝืนพระราชบัญญัติแร่ พ.ศ. 2510 มาตรา 105 พระราชบัญญัติแร่ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2516 มาตรา 31 อันเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติแร่ พ.ศ. 2510 มาตรา 148 ด้วย
การที่จำเลยซื้อแร่โดยฝ่าฝืนพระราชบัญญัติแร่ ย่อมถือไม่ได้ว่าจำเลยมีแร่ไว้ในครอบครองตามใบอนุญาตซื้อแร่และไม่เข้าข้อยกเว้นตามมาตรา 31 (6)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3273/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การซื้อขายแร่โดยไม่ถูกต้องตามกฎหมาย และการครอบครองแร่เกินปริมาณที่กำหนด
แร่ดีบุกของกลางไม่ปรากฏจำนวนตามบัญชีสต๊อก ไม่มีหลักฐานการซื้อมาในบัญชีซื้อแร่ ไม่มีเอกสารที่ผู้ขายมอบให้เพื่อแสดงว่าเป็นแร่ที่ผู้ขายมีอำนาจขายได้ตามที่กฎหมายบังคับ การซื้อแร่ของจำเลยเป็นการฝ่าฝืนพระราชบัญญัติแร่ พ.ศ. 2510 มาตรา 98พระราชบัญญัติแร่ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2516 มาตรา 28 จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติแร่ พ.ศ. 2510 มาตรา 147
จำเลยมีแร่ไว้ในครอบครองเกินสองกิโลกรัม จึงเป็นการฝ่าฝืนพระราชบัญญัติแร่ พ.ศ. 2510 มาตรา 105 พระราชบัญญัติแร่ (ฉบับที่ 2)พ.ศ. 2516 มาตรา 31 อันเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติแร่ พ.ศ. 2510มาตรา 148 ด้วย
การที่จำเลยซื้อแร่โดยฝ่าฝืนพระราชบัญญัติแร่ ย่อมถือไม่ได้ว่าจำเลยมีแร่ไว้ในครอบครองตามใบอนุญาตซื้อแร่และไม่เข้าข้อยกเว้นตามมาตรา 31(6)
จำเลยมีแร่ไว้ในครอบครองเกินสองกิโลกรัม จึงเป็นการฝ่าฝืนพระราชบัญญัติแร่ พ.ศ. 2510 มาตรา 105 พระราชบัญญัติแร่ (ฉบับที่ 2)พ.ศ. 2516 มาตรา 31 อันเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติแร่ พ.ศ. 2510มาตรา 148 ด้วย
การที่จำเลยซื้อแร่โดยฝ่าฝืนพระราชบัญญัติแร่ ย่อมถือไม่ได้ว่าจำเลยมีแร่ไว้ในครอบครองตามใบอนุญาตซื้อแร่และไม่เข้าข้อยกเว้นตามมาตรา 31(6)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2922/2522 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การซื้อทรัพย์โดยสุจริตในตลาด และสิทธิในการครอบครองทรัพย์สิน แม้เจ้าของเดิมมีสิทธิเรียกร้อง
แม้จะปรากฏว่าทรัพย์ที่โจทก์นำยึดเป็นของโจทก์ ไม่ใช่ของจำเลย แต่ผู้ร้องได้ซื้อมาโดยสุจริตในท้องตลาด ผู้ร้องไม่จำต้องคืนให้แก่โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าของแท้จริง เว้นแต่โจทก์จะชดใช้ราคาที่ซื้อมา ซึ่งเป็นสิทธิอย่างหนึ่งที่ผู้ร้องได้รัยความคุ้มครองตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1332 โจทก์จึงนำยึดทรัพย์ดังกล่าวโดยไม่ชดใช้ราคาที่ผู้ร้องซื้อมาไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2300/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิในที่ดินจากการซื้อขาย-ครอบครอง แม้ไม่มีนิติสัมพันธ์โดยตรง ศาลสั่งเพิกถอน น.ส.3 และห้ามเกี่ยวข้อง
น.ส.3 ของจำเลยทับที่ดินของโจทก์ ศาลพิพากษาให้จำเลยแบ่งแยกโอนที่ดินให้โจทก์ โดยจำเลยไม่มีนิติสัมพันธ์กับโจทก์นั้น ไม่ถูกศาลพิพากษาเพียงว่าที่ดินเป็นของโจทก์ ห้ามจำเลยเกี่ยวข้องกับที่พิพาท
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2041/2522 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมสิทธิ์รถยนต์ถูกริบแล้ว ผู้ซื้อโดยสุจริตก็ไม่ได้รับกรรมสิทธิ์
เมื่อศาลพิพากษาให้ริบรถยนต์ของกลางแล้ว เจ้าของรถไม่มีกรรมสิทธิ์ในรถยนต์คันนั้นอีกต่อไป ผู้ร้องซื้อรถยนต์ของกลางขณะที่ผู้ขายไม่มีกรรมสิทธิ์ในรถยนต์ แม้ผู้ร้องจะซื้อโดยสุจริตและแก้ทะเบียนเป็นของผู้ร้องแล้ว ผู้ร้องก็ไม่ได้กรรมสิทธิ์ในรถยนต์ของกลางไม่มีสิทธิร้องขอรถยนต์ของกลางคืนตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 36
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2041/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมสิทธิ์ในรถยนต์ถูกริบเมื่อศาลมีคำพิพากษา แม้ซื้อโดยสุจริตก็ไม่ได้รับกรรมสิทธิ์
เมื่อศาลพิพากษาให้ริบรถยนต์ของกลางแล้ว เจ้าของรถไม่มีกรรมสิทธิ์ในรถยนต์คันนั้นอีกต่อไปผู้ร้องซื้อรถยนต์ของกลางขณะที่ผู้ขายไม่มีกรรมสิทธิ์ในรถยนต์ แม้ผู้ร้องจะซื้อโดยสุจริตและแก้ทะเบียนเป็นของผู้ร้องแล้วผู้ร้องก็ไม่ได้กรรมสิทธิ์ในรถยนต์ของกลางไม่มีสิทธิร้องขอรถยนต์ของกลางคืนตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 36
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1995/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมสิทธิ์ในเรือนพิพาทเมื่อซื้อขายไม่จดทะเบียน: เจ้าของที่ดินได้กรรมสิทธิ์เนื่องจากเป็นส่วนควบ
ผู้ร้องซื้อเรือนพิพาทจากภรรยาจำเลย แม้การซื้อขายจะไม่ได้จดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ แต่ผู้ร้องเป็นเจ้าของที่ดินที่เรือนพิพาทปลูกอยู่ เรือนเป็นส่วนควบของที่ดิน ผู้ร้องเจ้าของที่ดินย่อมได้กรรมสิทธิ์ในเรือนพิพาทโดยไม่จำต้องจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1941/2522 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การซื้อขายรถยนต์ผ่อนชำระ ไม่ใช่สัญญาเช่าซื้อ ผู้ขายมีสิทธิยึดคืนเมื่อผิดสัญญา
เอกสารมีข้อความว่า " หนังสือสัญญาขายรถยนต์ " และซื้อขายกันในราคาสุทธิ 30,000 บาท ชำระเงินงวดแรกแล้วจำนวนหนึ่งส่วนที่เหลือผ่อนชำระเป็นงวด ๆ ละเดือนจนกว่าจะครบ หากผู้ซื้อค้างชำระเงินถึง 3 งวด ฝ่ายผู้ขายจะยึดรถคืน และพยานผู้ร้องต่างยืนยันว่าผู้ร้องขายรถของกลางกันแล้ว ย่อมถือได้ว่าเป็นการซื้อขายรถยนต์โดยผ่อนชำระราคาหาใช่เป็นการเช่าซื้อไม่ แม้จะมีข้อความว่าถ้าผู้ซื้อค้างชำระเงินถึง 3 งวด ฝ่ายผู้ขายจะขดยึดรถคืนก็เป็นแต่เพียงการตกลงกันไว้ล่วงหน้าถึงสิทธิของผู้ขายในเมื่อผู้ซื้อผิดสัญญาไม่ชำระราคาเท่านั้น หาทำให้สัญญานี้กลายเป็นสัญญาเช่าซื้อไปไม่ ผู้ร้องจึงมิใช่เจ้าของอันแท้จริงที่จะมีสิทธิร้องขอคืนรถยนต์ของกลาง