คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
บอกเลิกสัญญา

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,021 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4107/2528

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อตกลงการชำระค่าเช่าและค่าเปลี่ยนชื่อผู้เช่าช่วง การบอกเลิกสัญญาเช่าจึงไม่ชอบ
ตามสัญญาเช่าไม่ได้ระบุว่าการชำระค่าเช่าให้ปฏิบัติต่อกันอย่างไร แต่การที่ผู้ให้เช่าและผู้เช่าตกลงกันว่าให้ผู้ให้เช่าเป็นฝ่ายไปเก็บค่าเช่าจากผู้เช่าและปฏิบัติต่อกันเช่นนี้ตลอดมา จึงฟังได้ว่าผู้ให้เช่ามีหน้าที่ไปเก็บค่าเช่าจากผู้เช่า เมื่อผู้ให้เช่าไม่ไปเก็บค่าเช่าจากผู้เช่า จะถือว่าผู้เช่าผิดนัดไม่ชำระค่าเช่าอันเป็นเหตุให้ผู้ให้เช่ามีสิทธิบอกเลิกสัญญาหาได้ไม่ (อ้างฎีกาที่ 1735/2517) ตามบันทึกต่อท้ายสัญญาเช่ามีใจความว่า ผู้เช่ามีสิทธิจะให้ผู้อื่นเช่าช่วงต่อไปได้แต่จะต้องเสียค่าเปลี่ยนชื่อให้ผู้เช่าครั้งละ 4,000 บาท คำว่า 'เปลี่ยนชื่อ' ในสัญญาข้อนี้ จึงย่อมหมายถึงการไปจดทะเบียนการเช่าเปลี่ยนชื่อผู้เช่าจากผู้เช่าเป็นชื่อผู้เช่าช่วง ในกรณีผู้เช่าให้เช่าช่วงโดยไม่มีการเปลี่ยนชื่อผู้เช่าเป็นชื่อผู้เช่าช่วงตามที่จดทะเบียนการเช่าไว้ ผู้เช่าก็ไม่ต้องเสียค่าเปลี่ยนชื่อให้แก่ผู้ให้เช่า

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3210/2528

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาซื้อขาย, ค่าปรับ, การบอกเลิกสัญญา, หลักประกัน, การชดใช้ค่าเสียหาย
หลักประกันตามสัญญาซื้อขายของธนาคารที่จำเลยนำมามอบ แก่โจทก์เป็นการประกันเพื่อให้ปฏิบัติตามสัญญา หากผิดสัญญาโจทก์มีสิทธิริบเมื่อถือว่าเป็นค่าเสียหายส่วนหนึ่ง ย่อมนำมาคิดหักกันได้จากค่าเสียหายที่โจทก์ได้รับเพราะต้องซื้อสินค้าจากบุคคลอื่นแพงขึ้น กรณีจำเลยไม่ส่งมอบสิ่งของที่ตกลงซื้อขายให้แก่โจทก์เลย โจทก์มีสิทธิบอกเลิกสัญญาเมื่อเห็นว่าจำเลยไม่อาจปฏิบัติตามสัญญาต่อไปได้และจำเลยยอมให้โจทก์ใช้สิทธิปรับจำเลยได้จนถึงวันบอกเลิกสัญญา ข้อตกลงดังกล่าวเป็นข้อตกลงที่คู่กรณีสมัครใจทำกันขึ้น ทั้งไม่ขัดต่อความสงบเรียบร้อย ของ ประชาชน ย่อมมีผลผูกพันคู่กรณี โจทก์ย่อมมีสิทธิเรียกค่าปรับได้ด้วย สินค้าที่ซื้อขายกันเป็นเงิน 37,400 บาท โจทก์ต้องซื้อสินค้าแพงขึ้น 25,125 บาท ซึ่งศาลพิพากษาให้ชดใช้ส่วนนี้แล้ว จำเลยผิดสัญญา โจทก์บอกเลิกสัญญาภายหลังนาน 2ปี ค่าปรับกรณีผิดสัญญาคิดเป็นรายวันเป็นเงินถึง 50,000บาทเศษ ซึ่งสูงเกินส่วน ศาลลดลงเป็นจำนวนพอสมควรตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 383 วรรคแรก คงกำหนดค่าปรับให้โจทก์ 15,000 บาท

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3109/2528 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความล่าช้าในการบอกเลิกสัญญาซื้อขายและการสิทธิในการปรับค่าเสียหายเมื่อจำเลยผิดสัญญา
โจทก์ยินยอมให้จำเลยต่ออายุหนังสือสัญญาต่อไปอีก 45 วันนับแต่วันครบกำหนดสัญญาเดิม จำเลยจะต้องส่งของให้โจทก์ภายในวันที่กำหนด แต่ก็ไม่ส่งซึ่งโจทก์ย่อมทราบดีว่าจำเลยไม่สามารถจะส่งสิ่งของตามซื้อให้โจทก์ได้อย่างแน่นอนแล้วแต่โจทก์กลับละเลยมิได้บอกเลิกสัญญา ปล่อยให้เวลาล่วงเลยมาถึง 132 วันโดยไม่ปรากฏเหตุผลแห่งการนี้ประกอบกับโจทก์ได้ริบเงินประกันอันเป็นส่วนหนึ่งของเบี้ยปรับไปแล้ว ทั้งศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาให้จำเลยชดใช้เงินค่าเสียหายในส่วนที่โจทก์ไปซื้อสิ่งของจากบุคคลอื่นในราคาสูงขึ้นและไม่ครบจำนวนอีกแล้วด้วยแม้ตามสัญญาให้สิทธิโจทก์ปรับจำเลยได้อีกต่างหากก็ตาม เบี้ยปรับนี้ก็คือส่วนหนึ่งของค่าเสียหาย เมื่อค่าเสียหายที่ศาลอุทธรณ์กำหนดให้เหมาะสมแล้วทั้งโจทก์มิได้นำสืบให้ปรากฏความเสียหายเป็นพิเศษนอกเหนือจากนี้ โจทก์จึงเรียกค่าเสียหายอีกไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3109/2528

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การไม่ใช้สิทธิบอกเลิกสัญญาและการเรียกร้องค่าเสียหายเพิ่มเติมหลังได้รับค่าชดใช้แล้ว
โจทก์ยินยอมให้จำเลยต่ออายุหนังสือสัญญาต่อไปอีก 45วัน นับแต่วันครบกำหนดสัญญาเดิม จำเลยจะต้องส่งของให้โจทก์ภายในวันที่กำหนด แต่ก็ไม่ส่งซึ่งโจทก์ย่อมทราบดีว่าจำเลยไม่สามารถจะส่งสิ่งของตามซื้อให้โจทก์ได้อย่างแน่นอนแล้ว แต่โจทก์กลับละเลยมิได้บอกเลิกสัญญา ปล่อยให้เวลาล่วงเลยมาถึง 132 วันโดยไม่ปรากฏเหตุผลแห่งการนี้ประกอบกับโจทก์ได้ริบเงินประกันอันเป็นส่วนหนึ่งของเบี้ยปรับไปแล้ว ทั้งศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาให้จำเลยชดใช้เงินค่าเสียหายในส่วนที่โจทก์ไปซื้อสิ่งของจากบุคคลอื่นในราคาสูงขึ้นและไม่ครบจำนวนอีกแล้วด้วยแม้ตามสัญญาให้สิทธิโจทก์ปรับจำเลยได้อีกต่างหากก็ตาม เบี้ยปรับนี้ก็คือส่วนหนึ่งของค่าเสียหาย เมื่อค่าเสียหายที่ศาลอุทธรณ์กำหนดให้เหมาะสมแล้วทั้งโจทก์มิได้นำสืบให้ปรากฏความเสียหายเป็นพิเศษนอกเหนือจากนี้ โจทก์จึงเรียกค่าเสียหายอีกไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2676/2528 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ทรัสต์, สัญญาเช่า, การบอกเลิกสัญญา, และผลของการทำสัญญาเกิน 3 ปีโดยไม่จดทะเบียน
ในคดีที่คู่ความอุทธรณ์และฎีกาได้แต่เฉพาะปัญหาข้อกฎหมาย ในการวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายศาลฎีกาจำต้องฟังข้อเท็จจริง ที่ศาลชั้นต้นได้วินิจฉัยมาแล้วจากพยานหลักฐานในสำนวน
โจทก์เป็นทรัสตีผู้หนึ่ง ย่อมมีอำนาจจัดการรวมทั้งการ ฟ้องคดีเกี่ยวกับทรัพย์สินอันเป็นทรัสต์ได้ตามหนังสือก่อตั้งทรัสต์ซึ่งทรัสต์ดังกล่าวได้ก่อตั้งและ จดทะเบียนต่อสถานทูตอังกฤษเมื่อ 80 ปีมาแล้ว
จำเลยเช่าตึกแถวเพียงเดือนละ 100 บาท แต่จ่ายเงิน ล่วงหน้าให้ทรัสตีไปอีก 55,000 บาท จึงเป็นการจ่ายเงินกินเปล่าซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของค่าเช่า โดยไม่ได้ใช้ ซ่อมแซมตึกที่เช่าแต่อย่างใดสัญญาเช่านี้จึงหามีลักษณะ เป็นสัญญาต่างตอบแทนยิ่งกว่าสัญญาเช่าธรรมดาไม่
จำเลยทำสัญญาเช่าขึ้นพร้อมกัน 2 ฉบับ ลงวันที่ในสัญญา และระยะเวลาที่เช่าติดต่อกันรวมได้กว่า 3 ปี เท่ากับ ทำสัญญาเช่าอสังหาริมทรัพย์ติดต่อกันเกิน 3 ปี ถ้าไม่ได้ทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ย่อมฟ้องร้องบังคับกันได้เพียง 3 ปีและการฟ้องร้องให้ บังคับคดีดังกล่าวหมายความรวมถึงการที่ยกขึ้นกล่าวอ้างต่อสู้ ให้บังคับคดีไปตามข้อกล่าวอ้างนั้นด้วย (อ้างคำพิพากษาฎีกา ที่1985/2527)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2676/2528

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ทรัสต์, สัญญาเช่า, การบอกเลิกสัญญา, และการบังคับคดีสัญญาเช่าอสังหาริมทรัพย์เกิน 3 ปี
ในคดีที่คู่ความอุทธรณ์และฎีกาได้แต่เฉพาะปัญหาข้อกฎหมาย ในการวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายศาลฎีกาจำต้องฟังข้อเท็จจริง ที่ศาลชั้นต้นได้วินิจฉัยมาแล้วจากพยานหลักฐานในสำนวน
โจทก์เป็นทรัสตีผู้หนึ่ง ย่อมมีอำนาจจัดการรวมทั้งการ ฟ้องคดีเกี่ยวกับทรัพย์สินอันเป็นทรัสต์ได้ตามหนังสือก่อตั้งทรัสต์ซึ่งทรัสต์ดังกล่าวได้ก่อตั้งและ จดทะเบียนต่อสถานทูตอังกฤษเมื่อ 80 ปีมาแล้ว
จำเลยเช่าตึกแถวเพียงเดือนละ 100 บาท แต่จ่ายเงิน ล่วงหน้าให้ทรัสตีไปอีก 55,000 บาทจึงเป็นการ จ่ายเงินกินเปล่าซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของค่าเช่า โดยไม่ได้ใช้ ซ่อมแซมตึกที่เช่าแต่อย่างใดสัญญาเช่านี้จึงหามีลักษณะ เป็นสัญญาต่างตอบแทนยิ่งกว่าสัญญาเช่าธรรมดาไม่
จำเลยทำสัญญาเช่าขึ้นพร้อมกัน 2 ฉบับ ลงวันที่ในสัญญา และระยะเวลาที่เช่าติดต่อกันรวมได้กว่า 3 ปี เท่ากับ ทำสัญญาเช่าอสังหาริมทรัพย์ติดต่อกันเกิน 3 ปีถ้า ไม่ได้ทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ย่อม ฟ้องร้องบังคับกันได้เพียง 3 ปีและการฟ้องร้องให้ บังคับคดีดังกล่าวหมายความรวมถึงการที่ยกขึ้นกล่าวอ้างต่อสู้ ให้บังคับคดีไปตามข้อกล่าวอ้างนั้นด้วย(อ้างคำพิพากษาฎีกาที่1985/2527)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1604/2528

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาจ้างมีกำหนดระยะเวลา, การบอกเลิกสัญญา, ค่าชดเชย, ค่าเสียหาย, และสิทธิหยุดพักผ่อนของลูกจ้าง
สัญญาจ้างที่กำหนดระยะเวลาจ้างไว้อย่างต่ำ 1 ปีและไม่เกิน 2 ปีนั้นนายจ้างมีสิทธิเลิกจ้างลูกจ้างภายในกำหนดดังกล่าวเมื่อใดก็ได้กำหนดนั้นจึงไม่ใช่กำหนดระยะเวลาการจ้างที่แน่นอน(อ้างคำพิพากษาฎีกาที่2155/2524) เมื่อค่าจ้างกำหนดจ่ายกันทุกวันที่ 25 ของเดือนและจำเลยเลิกจ้างโจทก์วันที่ 1 มีนาคมโดยบอกกล่าวล่วงหน้าวันที่ 31 มกราคมดังนี้ ระยะเวลาบอกกล่าวล่วงหน้าจะชอบด้วยกฎหมายต่อเมื่อจำเลยเลิกจ้างในวันที่ 25 มีนาคม แม้จำเลยมีหน้าที่ต้องให้รถยนต์โจทก์ใช้ในการทำงานตามสัญญาจ้างก็ตามแต่เมื่อโจทก์เข้าทำงานจำเลยมิได้จัดรถยนต์ให้โจทก์ก็มิได้ทักท้วงกลับใช้รถยนต์ส่วนตัวโดยให้จำเลยออกค่าน้ำมัน ค่าซ่อมแซม และค่าใช้จ่ายอื่นๆเมื่อโจทก์ไปทำงานต่างจังหวัดจำเลยก็จัดหารถยนต์ให้เห็นได้ว่าโจทก์จำเลยตกลงแก้ไขเปลี่ยนแปลงสัญญากันใหม่โดยปริยายแล้วโจทก์จะอ้างว่าจำเลยผิดสัญญาหาได้ไม่ การที่จำเลยเลิกจ้างเมื่อโจทก์ทำงานครบหนึ่งปีนั้นทำให้โจทก์สิ้นสภาพการเป็นลูกจ้างและไม่มีโอกาสจะใช้สิทธิหยุดพักผ่อนประจำปีโจทก์จึงไม่มีสิทธิเรียกค่าจ้างสำหรับวันหยุดพักผ่อนประจำปี(อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 513/2524) เมื่อศาลแรงงานกลางมิได้วินิจฉัยว่าจำเลยเลิกจ้างโจทก์เพราะไม่เป็นธรรมหรือไม่ศาลฎีกาย้อนสำนวนไปให้ศาลแรงงานกลางวินิจฉัยเหตุใดจึงไม่มีข้อเท็จจริงที่ศาลฎีกาจะวินิจฉัยว่าการกระทำนั้นเป็นการเลิกจ้างข้อเท็จจริงดังกล่าวแล้วพิพากษาใหม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 915/2527 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบอกเลิกสัญญาเช่าที่ดินเกษตรกรรมต้องแจ้งล่วงหน้า 1 ปี ก่อนสิ้นสุดสัญญา และการอุทธรณ์คำวินิจฉัย คชก.
พระราชบัญญัติการเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรมฯ มาตรา 56 วรรคท้ายมีความหมายว่า การที่ คชก. จังหวัดมีมติกลับคำวินิจฉัยของ คชก. ตำบลประการใดแล้ว ไม่เป็นเหตุที่คู่กรณีหรือผู้มีส่วนได้เสียในการเช่านาจะฟ้องคชก.ตำบล หรือคชก.จังหวัดเกี่ยวกับคำวินิจฉัยของ คชก. จังหวัดดังกล่าวแต่มาตรา 57 ยังเปิดโอกาสให้มีการอุทธรณ์คำวินิจฉัยของ คชก.จังหวัดต่อศาลได้อีกเพื่อให้ศาลได้พิจารณาคำวินิจฉัยของ คชก.จังหวัดต่อไปยังมิได้ยุติเป็นที่สุด ดังนั้นฟ้องของโจทก์คดีนี้จึงเป็นเรื่องการอุทธรณ์คำวินิจฉัยของ คชก. จังหวัดในเรื่องการเช่านาตามที่กฎหมายให้สิทธิไว้
ตามมาตรา 37 การบอกเลิกการเช่านาจะมีผลก็ต่อเมื่อผู้ให้เช่านาได้บอกเลิกเป็นหนังสือและต้องให้ผู้เช่านาทราบล่วงหน้าก่อนสิ้นระยะการเช่าตามมาตรา 26 (หกปี) เป็นเวลาไม่น้อยกว่าหนึ่งปี เมื่อข้อเท็จจริงโจทก์บรรยายฟ้องว่าโจทก์บอกเลิกการเช่านาให้จำเลยทราบเมื่อปี พ.ศ. 2524 ระยะเวลาการบอกเลิกสัญญาของโจทก์จึงมีผลครบกำหนดระยะเวลาหนึ่งปีในปี พ.ศ. 2525 แต่โจทก์จำเลยรับกันว่าโจทก์ให้จำเลยเช่าเมื่อเดือนพฤษภาคม 2518 การทำนาเริ่มทำในเดือนพฤษภาคม ดังนั้นระยะเวลาเช่านาจะสิ้นระยะเวลาครบ 6 ปีตามมาตรา 26 ในเดือนพฤษภาคม 2524 การบอกเลิกการเช่านาของโจทก์ในปี พ.ศ. 2524 จึงคำนวณได้ไม่ถึงหนึ่งปีก่อนสิ้นระยะการเช่าของจำเลยการบอกเลิกสัญญาเช่าของโจทก์จึงไม่ชอบด้วยมาตรา 37 การเช่านาระหว่างโจทก์จำเลยจึงยังไม่สิ้นสุดลงตามข้อวินิจฉัยของ คชก.จังหวัด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 915/2527

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบอกเลิกสัญญาเช่าที่ดินเกษตรกรรม ต้องแจ้งล่วงหน้า 1 ปี ก่อนหมดสัญญา หากไม่เป็นไปตามกฎหมาย สัญญาเช่ายังไม่สิ้นสุด
พระราชบัญญัติการเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรมฯ มาตรา 56 วรรคท้ายมีความหมายว่าการที่ คชก.จังหวัดมีมติกลับคำวินิจฉัยของ คชก. ตำบลประการใดแล้วไม่เป็นเหตุที่คู่กรณีหรือผู้มีส่วนได้เสียในการเช่านาจะฟ้องคชก.ตำบล หรือคชก.จังหวัดเกี่ยวกับคำวินิจฉัยของ คชก. จังหวัดดังกล่าวแต่มาตรา 57 ยังเปิดโอกาสให้มีการอุทธรณ์คำวินิจฉัยของ คชก.จังหวัดต่อศาลได้อีกเพื่อให้ศาลได้พิจารณาคำวินิจฉัยของ คชก.จังหวัดต่อไปยังมิได้ยุติเป็นที่สุดดังนั้นฟ้องของโจทก์คดีนี้จึงเป็นเรื่องการอุทธรณ์คำวินิจฉัยของ คชก. จังหวัดในเรื่องการเช่านาตามที่กฎหมายให้สิทธิไว้ ตามมาตรา 37 การบอกเลิกการเช่านาจะมีผลก็ต่อเมื่อผู้ให้เช่านาได้บอกเลิกเป็นหนังสือและต้องให้ผู้เช่านาทราบล่วงหน้าก่อนสิ้นระยะการเช่าตามมาตรา 26 (หกปี) เป็นเวลาไม่น้อยกว่าหนึ่งปีเมื่อข้อเท็จจริงโจทก์บรรยายฟ้องว่าโจทก์บอกเลิกการเช่านาให้จำเลยทราบเมื่อปี พ.ศ. 2524 ระยะเวลาการบอกเลิกสัญญาของโจทก์จึงมีผลครบกำหนดระยะเวลาหนึ่งปีในปี พ.ศ. 2525 แต่โจทก์จำเลยรับกันว่าโจทก์ให้จำเลยเช่าเมื่อเดือนพฤษภาคม 2518 การทำนาเริ่มทำในเดือนพฤษภาคม ดังนั้นระยะเวลาเช่านาจะสิ้นระยะเวลาครบ 6 ปีตามมาตรา 26 ในเดือนพฤษภาคม 2524 การบอกเลิกการเช่านาของโจทก์ในปี พ.ศ. 2524 จึงคำนวณได้ไม่ถึงหนึ่งปีก่อนสิ้นระยะการเช่าของจำเลยการบอกเลิกสัญญาเช่าของโจทก์จึงไม่ชอบด้วยมาตรา 37 การเช่านาระหว่างโจทก์จำเลยจึงยังไม่สิ้นสุดลงตามข้อวินิจฉัยของ คชก.จังหวัด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3622/2527 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาเช่าซื้อผิดนัดชำระหนี้ สิทธิของเจ้าหนี้ในการบอกเลิกสัญญาและเรียกค่าเช่าซื้อค้างชำระ
สัญญาเช่าซื้อมีข้อตกลงว่า หากจำเลยที่ 1 ไม่ชำระค่าเช่าซื้อสองงวดติดต่อกัน โจทก์มีสิทธิบอกเลิกสัญญาและเข้าครอบครองเครื่องมือทันตกรรมที่เช่าซื้อไปได้ทันที จำเลยที่ 1 จำต้องชำระเงินค่าเช่าซื้อที่ค้างอยู่ทั้งหมด และต้องส่งมอบเครื่องมือทันตกรรมที่เช่าซื้อคืนให้แก่โจทก์ หากโจทก์ได้รับคืนและจำหน่ายไปได้เงินไม่ครบถ้วนตามที่ค้างชำระ โจทก์มีสิทธิเรียกร้องให้จำเลยที่ 1 ชดใช้จนครบ ดังนี้เมื่อจำเลยที่ 1 ผิดนัดชำระค่าเช่าซื้อสองงวดติดต่อกันและโจทก์บอกเลิกสัญญาเช่าซื้อแล้วจำเลยที่ 1 ไม่ได้ส่งมอบเครื่องมือทันตกรรมที่เช่าซื้อคืนแก่โจทก์ จำเลยที่ 1 จึงต้องชำระค่าเช่าซื้อที่ค้างทั้งหมดแก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ยนับแต่วันผิดนัด
of 103