พบผลลัพธ์ทั้งหมด 883 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1320/2503
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันตัวเกินสมควรแก่เหตุในความสัมพันธ์ฉันสามีภรรยา
สามีจะทำร้ายภรรยาด้วยไม้หลักแจวภรรยาหนีเข้าห้องเรือนไป สามีก็ติดตามจะเข้าไปทำร้ายภรรยาให้ได้ ภรรยาจึงใช้ปืนยิง 1 นัด ถูกสามีถึงแก่ความตาย เช่นนี้เป็นการป้องกัน แต่เกินสมควรแก่เหตุ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1275/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันตัวต้องสมเหตุสมผล จำเลยต้องไม่เป็นผู้เริ่มก่อเหตุ และผู้ถูกกระทำต้องยังมิได้ลงมือทำร้าย
เมื่อจำเลยได้ทำร้ายนายตี่ หวิ่งต๊ะแล้ว จำเลยก็มุ่งหน้าไปทางในเมือง นางชื่นสมาชิกสภาตำบลและเป็นผู้ที่ได้รับมอบหมายจากผู้ใหญ่บ้านให้ดูแลความสงบเรียบร้อยในบริเวณงานวัดได้ชักชวนผู้เสียหายกับบุคคลอื่นอีก ไปตามตัวจำเลยเพื่อจับไว้ก่อน และเมื่อเลยวัดไปประมาณ 15 วา ก็ทันจำเลย นายชื่นร้องบอกให้จำเลยกลับก่อน จำเลยได้ยินก็กลับมา นายชื่อบอกว่าจะขอควบคุมตัว เพราะจำเลยฟันนายตี่ หวิ่งต๊ะ จำเลยไม่พูดตอบ แต่ถือมีดรี่เข้ามา ผู้เสียหายเห็นท่าไม่ดีเลยคว้ากระบอกไม้ไผ่ถือไว้ จำเลยตรงรี่เข้าหาผู้เสียหาย ่ๆ ก็เอาไม้ตีที่มีด แต่มีดไม่หลุดจากมือจำเลย และไม้ที่ผู้เสียหายตีมีดนั้นหัก จำเลยได้ใช้มีดแทงผู้เสียหายได้รับอันตรายสาหัส เช่นนี้ จำเลยจะแก้ตัวว่ากระทำร้ายผู้เสียหายเป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมายหาได้ไม่ เพราะแม้ผู้เสียหายกับพวกตามจำเลยมาเพื่อจะจับจำเลยก็ดี จำเลยไม่ได้หยุดอยู่เฉย ๆ หรือบอกกล่าวว่าไม่ควรถูกจับกุมประการใด การที่จำเลยถือมีดตรงรี่เข้าไปทางผู้เสียหายกับพวกแสดงว่าจำเลยจะเข้าต่อสู้ทำร้ายเขาโดยผ่านผู้เสียหายยังไม่ได้ลงมือกระทำการที่จะเข้าจับตัวจำเลยประการใดเลย จึงยังไม่มีกรณีจำเป็นที่จำเลยจะป้องกัน ในกรณีเช่นนี้
ไม่จำเป็นต้องวินิจฉัยปัญหาที่ว่า พวกผู้เสียหายมีอำนาจจับจำเลยหรือไม่ (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 15/2503)
ไม่จำเป็นต้องวินิจฉัยปัญหาที่ว่า พวกผู้เสียหายมีอำนาจจับจำเลยหรือไม่ (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 15/2503)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1275/2503
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันตัวต้องมีเหตุจำเป็นและสมควร การถืออาวุธเข้าหาผู้ถูกทำร้ายถือเป็นการเตรียมพร้อมที่จะทำร้ายตอบ
เมื่อจำเลยได้ทำร้ายนายตี่หวิ่งต๊ะแล้วจำเลยก็มุ่งหน้าไปทางในเมือง นายชื่นสมาชิกสภาตำบลและเป็นผู้ที่ได้รับมอบหมายจากผู้ใหญ่บ้านให้ดูแลความสงบเรียบร้อยในบริเวณงานวัด ได้ชักชวนผู้เสียหายกับบุคคลอื่นอีกไปตามตัวจำเลยเพื่อจับไว้ก่อน และเมื่อเลยวัดไปประมาณ 15 วาก็ทันจำเลย นายชื่นร้องบอกให้จำเลยกลับก่อน จำเลยได้ยินก็กลับมา นายชื่นบอกว่าจะขอควบคุมตัวเพราะจำเลยฟันนายตี่หวิ่งต๊ะ จำเลยไม่พูดตอบแต่ถือมีดรี่เข้ามา ผู้เสียหายเห็นท่าไม่ดีเลยคว้ากระบอกไม้ไผ่ถือไว้จำเลยตรงรี่เข้าหาผู้เสียหายๆ ก็เอาไม้ตีที่มีด แต่มีดไม่หลุดจากมือจำเลย และไม้ที่ผู้เสียหายตีมีดนั้นหัก จำเลยได้ใช้มีดแทงผู้เสียหายได้รับอันตรายสาหัส เช่นนี้จำเลยจะแก้ตัวว่ากระทำร้ายผู้เสียหายเป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมายหาได้ไม่ เพราะแม้ผู้เสียหายกับพวกตามจำเลยมาเพื่อจะจับจำเลยก็ดี จำเลยไม่ได้หยุดอยู่เฉยๆ หรือบอกกล่าวว่าไม่ควรถูกจับกุมประการใด การที่จำเลยถือมีดตรงรี่เข้าไปทางผู้เสียหายกับพวกแสดงว่าจำเลยจะเข้าต่อสู้ทำร้ายเขาโดยฝ่ายผู้เสียหายยังไม่ได้ลงมือกระทำการที่จะเข้าจับตัวจำเลยประการใดเลย จึงยังไม่มีกรณีจำเป็นที่จำเลยจะป้องกัน ในกรณีเช่นนี้ ไม่จำเป็นต้องวินิจฉัยปัญหาที่ว่า พวกผู้เสียหายมีอำนาจจับจำเลยหรือไม่ (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 15/2503)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1242/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
บันดาลโทสะจากถูกข่มเหง: การกระทำหลังถูกทำร้ายไม่ถือเป็นการป้องกันตัว
ผู้ตายไปลอบดักทำร้ายและได้ลงมือต่อยเตะจำเลยก่อนนั้น นับว่าจำเลยได้ถูกกดขี่ข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรมแล้ว ฉะนั้น เมื่อจำเลยชักหลาวออกมาไล่ทำร้ายและแทงผู้ตาย การกระทำของจำเลยจึงเข้าอยู่ในลักษณะบันดาลโทสะโดยถูกข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม และได้กระทำความผิดต่อผู้ข่มเหงในขณะนั้น
แม้จำเลยจะมิได้ยกเรื่องยั่งโทสะขึ้น เป็นข้อต่อสู้ไว้ เมื่อทางพิจารณาปรากฏว่า มีเหตุตามกฎหมายที่จำเลยจะได้รับการลดหย่อนโทษ ศาลก็มีอำนาจที่จะยกขึ้นวินิจฉัยให้จำเลยได้รับผลตามกฎหมายนั้นได้
แม้จำเลยจะมิได้ยกเรื่องยั่งโทสะขึ้น เป็นข้อต่อสู้ไว้ เมื่อทางพิจารณาปรากฏว่า มีเหตุตามกฎหมายที่จำเลยจะได้รับการลดหย่อนโทษ ศาลก็มีอำนาจที่จะยกขึ้นวินิจฉัยให้จำเลยได้รับผลตามกฎหมายนั้นได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1069/2503
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย: การยิงเพื่อป้องกันการฉุดคร่าและการทำร้ายร่างกาย
ผู้ตายเป็นคนหนุ่มอันธพาล มารุกรานฉุดคร่าบุตรสาวจำเลยถึงในบ้าน และยังจะใช้มีดฟันจำเลยอีก จำเลยจึงยิงเอา เพราะถ้าจะรอให้ผู้ตายเข้าทำร้ายถึงตัวเสียก่อนจำเลยก็คงไม่มีทางสู้ นั้นเป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 93/2502 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การทำร้ายร่างกายจนถึงแก่ความตาย: การพิจารณาเจตนา, การป้องกันตัว, และเหตุบรรเทาโทษ
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 1,2 ฝ่ายหนึ่งสมคบกันใช้ปืนและหอกทำร้ายผู้ตายและจำเลยที่ 3 โดยเจตนาฆ่า จำเลยที่ 3 กับผู้ตายอีกฝ่ายหนึ่งสมคบกันใช้กำลังกายและมีดทำร้ายจำเลยที่ 1 และ 2 ฟ้องของโจทก์เช่นนี้ เป็นฟ้องที่ลงโทษจำเลยที่ 1 ฐานฆ่าคนโดยเจตนาได้ ในเมื่อปรากฏตามทางพิจารณาว่า จำเลยที่ 1 ใช้หอกแทงผู้ตายถึงแก่ความตายโดยเจตนา.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 702/2502 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันตัว: ข้อแตกต่างระหว่าง ม.67 และ ม.68 กับผลต่อการพิพากษา
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง เพราะเห็นว่าจำเลยทำร้ายผู้ตายเป็นการจำเป็นเพื่อป้องกันชีวิตตามประมวลกฎหมายอาญา ม.67 แต่ศาลอุทธรณ์เห็นว่าการกระทำของจำเลยเป็นการป้องกันตัวพอสมควรแก่เหตุ ตามมาตรา 68 ดังนี้ เป็นการยกฟ้องโดยอาศัยข้อเท็จจริงอย่างเดียวกัน และตรงกันพิพากษาต้องกันให้ยกฟ้องโจทก์ เป็นการต้องห้ามฎีกาในข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 219
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 702/2502
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันตัว: เหตุจำเป็น vs. พอสมควรแก่เหตุ ศาลพิพากษาต้องกัน ห้ามฎีกาตาม ม.219
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องเพราะเห็นว่าจำเลยทำร้ายผู้ตายเป็นการจำเป็นเพื่อป้องกันชีวิตตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 67 แต่ศาลอุทธรณ์เห็นว่าการกระทำของจำเลยเป็นการป้องกันตัวพอสมควรแก่เหตุตามมาตรา 68 ดังนี้ เป็นการยกฟ้องโดยอาศัยข้อเท็จจริงอย่างเดียวกันและตรงกันพิพากษาต้องกันให้ยกฟ้องโจทก์ เป็นการต้องห้ามฎีกาในข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 219
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 589/2502
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกระทำความผิดฐานฆ่าคนโดยเจตนา การป้องกันตัวพอสมควรแก่เหตุ และอำนาจศาลในการวินิจฉัย
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานฆ่าคนโดยเจตนาแม้จำเลยให้การรับสารภาพ หากทางพิจารณาได้ความว่าจำเลยได้กระทำการป้องกันตนเองศาลก็มีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยให้เป็นผลดีแก่จำเลยได้
จำเลยไปทวงเงินที่ผู้ตายเป็นหนี้อยู่ผู้ตายกลับต่อยจำเลยและติดตามเข้าไปทำร้ายซ้ำเติมอีกจำเลยอายุเพียง 19 ปี รูปร่างเล็กและเตี้ยกว่าผู้ตายไม่มีทางสู้แรงปะทะของผู้ตายได้จึงใช้มีดแทงไป 1 ที บังเอิญมีดไปถูกที่สำคัญเข้า ผู้ตายถึงแก่ความตายดังนี้ เป็นการป้องกันตัวพอสมควรแก่เหตุ
จำเลยไปทวงเงินที่ผู้ตายเป็นหนี้อยู่ผู้ตายกลับต่อยจำเลยและติดตามเข้าไปทำร้ายซ้ำเติมอีกจำเลยอายุเพียง 19 ปี รูปร่างเล็กและเตี้ยกว่าผู้ตายไม่มีทางสู้แรงปะทะของผู้ตายได้จึงใช้มีดแทงไป 1 ที บังเอิญมีดไปถูกที่สำคัญเข้า ผู้ตายถึงแก่ความตายดังนี้ เป็นการป้องกันตัวพอสมควรแก่เหตุ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 558/2502 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกระทำเพื่อป้องกันตัวเมื่อถูกทำร้ายก่อน ศาลพิจารณาความจำเป็นและสมควรแก่เหตุ
ผู้เสียหายเป็นผู้ก่อเหตุก่อนโดยเอาปืนจี้และชกจำเลย จำเลยจึงเตะผู้เสียหาย 1 ที ผู้เสียหายล้มลงไม่มีบาดเจ็บ การกระทำของจำเลยเป็นการป้องกันตัวพอสมควรแก่เหตุ ไม่มีความผิด