พบผลลัพธ์ทั้งหมด 790 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1076/2511 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาฆ่า: การพิจารณาจากอาวุธที่ใช้, บาดแผล, และพฤติการณ์ประกอบ
การวินิจฉัยว่ามีเจตนาฆ่าหรือไม่นั้น ต้องพิเคราะห์ถึงการกระทำของจำเลยอาวุธที่ใช้ บาดแผลที่ผู้ตายได้รับ ตลอดถึงพฤติการณ์อื่น ประกอบกัน ตามข้อเท็จจริงที่ได้ความจำเลยที่ 1 มีโอกาสเลือกแทงที่สำคัญได้ แต่ได้แทงผู้ตายที่แขนเพียงทีเดียวแล้วเลยไปมิได้ซ้ำเติม หากแต่ด้วยความแรงเป็นเหตุให้คมมีดตัดเส้นโลหิตใหญ่ทะลุเข้าชายโครงถึงแก่ความตายเพราะโลหิตออกมาก ยังไม่พอชี้ขาดว่าจำเลยมีเจตนาฆ่า จำเลยคงมีความผิดฐานทำร้ายผู้อื่นถึงตายโดยไม่เจตนา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1076/2511 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาฆ่า: การพิจารณาจากอาวุธ, บาดแผล, และพฤติการณ์ประกอบ เพื่อวินิจฉัยความผิดฐานฆ่าผู้อื่น
การวินิจฉัยว่ามีเจตนาฆ่าหรือไม่นั้น ต้องพิเคราะห์ถึงการกระทำของจำเลยอาวุธที่ใช้ บาดแผลที่ผู้ตายได้รับตลอดถึงพฤติการณ์อื่น ประกอบกัน ตามข้อเท็จจริงที่ได้ความจำเลยที่ 1 มีโอกาสเลือกแทงที่สำคัญได้ แต่ได้แทงผู้ตายที่แขนเพียงทีเดียวแล้วเลยไปมิได้ซ้ำเติม หากแต่ด้วยความแรงเป็นเหตุให้คมมีดตัดเส้นโลหิตใหญ่ทะลุเข้าชายโครงถึงแก่ความตายเพราะโลหิตออกมาก ยังไม่พอชี้ขาดว่าจำเลยมีเจตนาฆ่า จำเลยคงมีความผิดฐานทำร้ายผู้อื่นถึงตายโดยไม่เจตนา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1076/2511
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาฆ่า: พิจารณาจากอาวุธ, การกระทำ, บาดแผล, และพฤติการณ์โดยรวม
การวินิจฉัยว่ามีเจตนาฆ่าหรือไม่นั้น. ต้องพิเคราะห์ถึงการกระทำของจำเลยอาวุธที่ใช้ บาดแผลที่ผู้ตายได้รับตลอดถึงพฤติการณ์อื่น ประกอบกัน. ตามข้อเท็จจริงที่ได้ความจำเลยที่ 1 มีโอกาสเลือกแทงที่สำคัญได้. แต่ได้แทงผู้ตายที่แขนเพียงทีเดียวแล้วเลยไปมิได้ซ้ำเติม. หากแต่ด้วยความแรงเป็นเหตุให้คมมีดตัดเส้นโลหิตใหญ่ทะลุเข้าชายโครงถึงแก่ความตายเพราะโลหิตออกมาก. ยังไม่พอชี้ขาดว่าจำเลยมีเจตนาฆ่า. จำเลยคงมีความผิดฐานทำร้ายผู้อื่นถึงตายโดยไม่เจตนา.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1057/2511 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาฆ่า พยายามฆ่า และการพิจารณาจากพฤติการณ์ การแทงด้วยอาวุธอันตรายหลายครั้ง
ขณะเกิดเหตุจำเลยใช้แขนรัดคอผู้เสียหายบังคับให้ไปด้วยกัน มิฉะนั้นจะแทงให้ตาย เมื่อผู้เสียหายวิ่งหนีไปล้มลง จำเลยวิ่งตามไปใช้มีดปลายแหลมยาว 1 คืบเศษ ใบมีดโตประมาณ 1 นิ้ว แทงผู้เสียหายตามบริเวณหน้าอก ราวนม และด้านหลังรวม 7 แผล หากแต่มีผู้มาพบเข้าจำเลยจึงผละหนีไป การใช้อาวุธตามขนาดดังกล่าว แทงที่ตำแหน่งสำคัญของร่างกายเช่นนี้ เป็นการกระทำโดยมีเจตนาฆ่า แต่ผู้เสียหายไม่ถึงแก่ความตาย จึงมีความผิดขั้นพยายาม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1057/2511 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาฆ่า พยายามฆ่า การทำร้ายร่างกายด้วยอาวุธอันตราย ศาลพิจารณาจากพฤติการณ์และบาดแผล
ขณะเกิดเหตุจำเลยใช้แขนรัดคอผู้เสียหายบังคับให้ไปด้วยกัน มิฉะนั้นจะแทงให้ตาย เมื่อผู้เสียหายวิ่งหนีไปล้มลง จำเลยวิ่งตามไปใช้มีดปลายแหลมยาว 1 คืบเศษ ใบมีดโตประมาณ 1 นิ้ว แทงผู้เสียหายตามบริเวณหน้าอก ราวนมและด้านหลังรวม 7 แผล หากแต่มีผู้มาพบเข้าจำเลยจึงผละหนีไป การใช้อาวุธตามขนาดดังกล่าว แทงที่ตำแหน่งสำคัญของร่างกายเช่นนี้ เป็นการกระทำโดยมีเจตนาฆ่า แต่ผู้เสียหายไม่ถึงแก่ความตาย จึงมีความผิดในขั้นพยายาม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1057/2511
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาฆ่า พยายามฆ่า: การพิจารณาจากพฤติการณ์ใช้กำลังทำร้ายด้วยอาวุธมีดหลายแผล
ขณะเกิดเหตุจำเลยใช้แขนรัดคอผู้เสียหายบังคับให้ไปด้วยกัน. มิฉะนั้นจะแทงให้ตาย. เมื่อผู้เสียหายวิ่งหนีไปล้มลง จำเลยวิ่งตามไปใช้มีดปลายแหลมยาว 1 คืบเศษ ใบมีดโตประมาณ 1 นิ้ว. แทงผู้เสียหายตามบริเวณหน้าอก ราวนมและด้านหลังรวม 7 แผล. หากแต่มีผู้มาพบเข้าจำเลยจึงผละหนีไป. การใช้อาวุธตามขนาดดังกล่าว แทงที่ตำแหน่งสำคัญของร่างกายเช่นนี้. เป็นการกระทำโดยมีเจตนาฆ่า. แต่ผู้เสียหายไม่ถึงแก่ความตาย. จึงมีความผิดในขั้นพยายาม.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 969/2510
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขายที่ดินเข้าข่ายค้าหากำไร ต้องพิจารณาพฤติการณ์รายกิจการ การมีสถานการค้าทำให้ต้องเสียภาษี
การขายที่ดินในกรณีใดจะถือว่าเป็นทางค้าหากำไร ต้องพิจารณาจากกิจการเป็นรายๆไปว่ามีพฤติการณ์เช่นนั้นหรือไม่
พฤติการณ์ที่แสดงว่าได้ดำเนินกิจการในลักษณะเป็น "การค้า"ตามประมวลรัษฎากร
บทบัญญัติแห่งประมวลรัษฎากรซึ่งกำหนดให้ผู้ประกอบการค้าที่มีสถานการค้า ฯลฯ มีหน้าที่เสียภาษีการค้านั้น ไม่ได้หมายความว่าผู้ประกอบการค้าจะต้องเป็นเจ้าของสถานการค้าเอง เมื่อปรากฏว่าผู้ประกอบการค้าได้ใช้สถานการค้าใดดำเนินการค้าของตนได้ ประมวลรัษฎากรก็ถือว่าผู้ประกอบการค้านั้นมีสถานการค้า และมีหน้าที่ต้องเสียภาษีการค้า
พฤติการณ์ที่แสดงว่าได้ดำเนินกิจการในลักษณะเป็น "การค้า"ตามประมวลรัษฎากร
บทบัญญัติแห่งประมวลรัษฎากรซึ่งกำหนดให้ผู้ประกอบการค้าที่มีสถานการค้า ฯลฯ มีหน้าที่เสียภาษีการค้านั้น ไม่ได้หมายความว่าผู้ประกอบการค้าจะต้องเป็นเจ้าของสถานการค้าเอง เมื่อปรากฏว่าผู้ประกอบการค้าได้ใช้สถานการค้าใดดำเนินการค้าของตนได้ ประมวลรัษฎากรก็ถือว่าผู้ประกอบการค้านั้นมีสถานการค้า และมีหน้าที่ต้องเสียภาษีการค้า
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 825/2510
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจจำหน่ายคดีตามมาตรา 132 ไม่ใช่หน้าที่ ศาลต้องใช้ดุลพินิจพิจารณาตามพฤติการณ์
อำนาจสั่งจำหน่ายคดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 132 นั้น กฎหมายให้อำนาจศาลไว้เพื่อใช้ตามสมควรแก่กรณี ไม่ใช่บังคับว่าจะต้องจำหน่ายคดีเสมอไป ถ้าศาลใช้ดุลพินิจไม่สั่งจำหน่ายก็ต้องชี้ขาดตัดสินไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 133
หมายเหตุ ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว สั่งประทับฟ้องให้โจทก์นำส่งหมายเรียกให้จำเลยหากขัดข้องให้แถลงศาลภายใน 3 วัน โจทก์ไม่ได้รายงานเหตุขัดข้องตามที่ศาลสั่ง ศาลชั้นต้นถือว่าโจทก์ทิ้งฟ้องให้ยกฟ้อง โจทก์อุทธรณ์ศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำสั่งศาลชั้นต้น จำเลยฎีกา ศาลฎีการับวินิจฉัยให้
หมายเหตุ ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว สั่งประทับฟ้องให้โจทก์นำส่งหมายเรียกให้จำเลยหากขัดข้องให้แถลงศาลภายใน 3 วัน โจทก์ไม่ได้รายงานเหตุขัดข้องตามที่ศาลสั่ง ศาลชั้นต้นถือว่าโจทก์ทิ้งฟ้องให้ยกฟ้อง โจทก์อุทธรณ์ศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำสั่งศาลชั้นต้น จำเลยฎีกา ศาลฎีการับวินิจฉัยให้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 443/2510 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยิงเพื่อป้องกันตัวต้องปราศจากเหตุโกรธแค้นและเตรียมการก่อน หากมีพฤติการณ์เตรียมยิงก่อนย่อมไม่ถือเป็นการป้องกันตัว
จำเลยโกรธแค้นผู้ตายที่ลักกระบือของจำเลยวันเกิดเหตุ ผู้ตายเห็นจำเลยเดินผ่านไป จำเลยจึงกลับบ้านเอาปืนลูกซองออกติดตามผู้ตายไปถึงที่เกิดเหตุ ได้พูดกันถึงเรื่องที่กระบือหาย แล้วเกิดโต้เถียงกันขึ้น จำเลยได้ปลดปืนจากไหล่เตรียมยิงอยู่ก่อนแล้ว พอผู้ตายล้วงปืนออกมา จำเลยก็ยิงไปทันที พฤติกรณ์ดังนี้ถือไม่ได้ว่าจำเลยยิงผู้ตายเพื่อป้องกันตัว จำเลยย่อมมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 33/2510 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยิงผู้อื่นตายโดยเจตนา แม้จะอ้างป้องกันสิทธิ ก็ต้องพิจารณาเหตุผลและพฤติการณ์ที่สมเหตุสมผล
จำเลยรู้ตัวว่าผู้ตายจะเข้ามาหาจำเลย จำเลยห้ามและเตรียมปืนไว้เพื่อยิงผู้ตาย ผู้ตายมาเคาะประตูห้องนอนเรียกให้เปิดประตู จำเลยถือปืนเตรียมพร้อมแล้วเปิดประตู ผู้ตายจะก้าวเข้ามา จำเลยพูดว่าไม่ต้องเข้ามาและยิงปืนไปทันที ดังนี้ เห็นว่าผู้ตายไปหาจำเลยตามที่เคยกระทำมา แม้จำเลยจะห้ามก็ไม่ทำให้ผู้ตายเข้าใจว่าเป็นจริงจัง เมื่อผู้ตายไปหาจำเลยก็เคาะประตูเรียกหาใช่ใช้กำลังดึงดันจะเข้าไปให้ได้ไม่ จะว่าเป็นการประทุษร้ายอันผิดกฎหมายหาได้ไม่ หากจำเลยไม่คิดฆ่านายเหรียญผู้ตายเพียงแต่ไม่เปิดประตู และแสดงความไม่ยินยอมให้เห็นอย่างจริงจัง ผู้ตายก็คงยังเข้าไปทำอันตรายแก่จำเลยไม่ได้ แต่จำเลยกลับเปิดประตูห้อง ซึ่งเป็นธรรมดาที่ผู้ตายจะต้องเข้าไป พอผู้ตายเข้าไปจำเลยก็ยิงทันที การกระทำของจำเลยไม่เป็นการป้องกันสิทธิตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 68