พบผลลัพธ์ทั้งหมด 831 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 696/2510
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องคดีภาษีโรงเรือนโดยไม่ชำระภาษีค้างจ่าย ศาลไม่รับฟ้องตามบทบัญญัติที่เกี่ยวข้องกับความสงบเรียบร้อย
บทบัญญัติของพระราชบัญญัติภาษีโรงเรือนและที่ดิน พ.ศ. 2475มาตรา 39 เป็นข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลจึงยกขึ้นปรับคดีได้เองตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 142(5)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 670/2510 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิครอบครองที่ดิน: การแย่งการครอบครองและการไม่ฟ้องคดีภายใน 1 ปี ทำให้เสียสิทธิเรียกร้องคืน
โจทก์มอบที่นาพิพาทให้สามีจำเลยทำกินตั้งแต่ปี 2488 ต่อมาปี 2492 สามีจำเลยขอรังวัดออกโฉนด โจทก์ร้องคัดค้าน ดังนี้ ถือว่าสามีจำเลยแสดงออกแล้วว่าจะเอาที่นานั้นเสียเอง มิได้ยึดถือแทนโจทก์ต่อไป โจทก์หาได้ฟ้องคดีเรียกเอาคืนซึ่งการครอบครองจากสามีจำเลยไม่ จำเลยได้ขอรังวัดออกโฉนดที่ 2497 แย่งการออกโฉนดกับโจทก์จนโจทก์ร้องเรียนต่อนายกรัฐมนตรี เป็นเวลาเกือบ 10 ปี ปล่อยให้จำเลยยึดถือที่ดินเพื่อตนเองเป็นเวลาเกิน 1 ปีแล้ว โจทก์จะเรียกร้องเอาคืนซึ่งการครอบครองหาได้ไม่
ที่ดินซึ่งมีแต่สิทธิ์ครอบครอง ผู้ที่จะได้สิทธิ์ในที่ดินประเภทนี้ต้องเป็นผู้ยึดถือที่ดินนั้น หรือมีผู้ยึดถือแทน หากโจทก์ขาดการยึดถือโดยมีผู้แย่งการครอบครอง ผู้ที่เข้ายึดถือเพื่อตนโดยแย่งการครอบครองย่อมได้สิทธิ์ครอบครอง แต่กฎหมายกำหนดทางแก้ไว้ให้ผู้ครอบครองที่ถูกแย่งฟ้องคดีเรียกเอาคืนภายใน 1 ปี เมื่อโจทก์ไม่ปฏิบัติตามที่กฎหมายกำหนดก็เรียกเอาคืนซึ่งการครอบครองไม่ได้ ข้อที่อ้างว่ายังคงติดตามทางเจ้าพนักงาน มิใช่ทางแก้ที่กฎหมายกำหนดให้กระทำ
ที่ดินซึ่งมีแต่สิทธิ์ครอบครอง ผู้ที่จะได้สิทธิ์ในที่ดินประเภทนี้ต้องเป็นผู้ยึดถือที่ดินนั้น หรือมีผู้ยึดถือแทน หากโจทก์ขาดการยึดถือโดยมีผู้แย่งการครอบครอง ผู้ที่เข้ายึดถือเพื่อตนโดยแย่งการครอบครองย่อมได้สิทธิ์ครอบครอง แต่กฎหมายกำหนดทางแก้ไว้ให้ผู้ครอบครองที่ถูกแย่งฟ้องคดีเรียกเอาคืนภายใน 1 ปี เมื่อโจทก์ไม่ปฏิบัติตามที่กฎหมายกำหนดก็เรียกเอาคืนซึ่งการครอบครองไม่ได้ ข้อที่อ้างว่ายังคงติดตามทางเจ้าพนักงาน มิใช่ทางแก้ที่กฎหมายกำหนดให้กระทำ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 820/2509
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องคดีผิดประเด็น การสืบพยานไม่สอดคล้องกับข้ออ้าง ทำให้ขาดฟ้อง
โจทก์ฟ้องว่าเป็นเจ้าของที่ดิน ขอให้ศาลแสดงว่ามีสิทธิครอบครอง และขอให้ขับไล่ ทางพิจารณาข้อเท็จจริงฟังได้ว่าโจทก์ไม่ใช่เจ้าของเป็นแต่เพียงได้รับมอบที่พิพาทจากเจ้าของเพื่อให้ทำกินต่างดอกเบี้ยดังนี้ ศาลต้องยกฟ้องเพราะโจทก์สืบไม่สมฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 603/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิบุตรนอกกฎหมายรับมรดกและฟ้องคดีได้ แม้ไม่ได้รับการแสดงว่าเป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมาย
บุตรนอกกฎหมายที่บิดารับรองแล้ว มีสิทธิรับมรดกของบิดา และมีสิทธิฟ้องคดีขอไถ่ถอนการขายฝากของบิดา โดยไม่จำเป็นต้องขอให้ศาลสั่งแสดงว่าเป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมายของบิดาก่อน.
(อ้างฎีกาที่ 204/2500)
(อ้างฎีกาที่ 204/2500)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 603/2509
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
บุตรนอกกฎหมายที่บิดารับรองมีสิทธิรับมรดกและฟ้องคดีได้ แม้ไม่ได้รับการแสดงว่าเป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมาย
บุตรนอกกฎหมายที่บิดารับรองแล้ว มีสิทธิรับมรดกของบิดาและมีสิทธิฟ้องคดีขอไถ่ถอนการขายฝากของบิดาโดยไม่จำเป็นต้องขอให้ศาลสั่งแสดงว่าเป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมายของบิดาก่อน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 534/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิฟ้องคดีของหญิงไม่ได้จดทะเบียนสมรส และการรับฟังพยานหลักฐานการเช่า
หญิงที่แต่งงานโดยมิได้จดทะเบียนสมรสมีอำนาจฟ้องคดีได้โดยไม่ต้องได้รับความยินยอมจากสามี
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยเช่าที่พิพาทโดยไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือ แต่ต่อมาจำเลยกลับอ้างว่าที่พิพาทเป็นของจำเลย จึงขอให้ขับไล่ ดังนี้ เป็นการฟ้องจำเลยฐานละเมิด มิได้อาศัยสิทธิการเช่า การนำสืบถึงการเช่าจึงไม่ต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือ ศาลรับฟังพยานบุคคลได้.
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยเช่าที่พิพาทโดยไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือ แต่ต่อมาจำเลยกลับอ้างว่าที่พิพาทเป็นของจำเลย จึงขอให้ขับไล่ ดังนี้ เป็นการฟ้องจำเลยฐานละเมิด มิได้อาศัยสิทธิการเช่า การนำสืบถึงการเช่าจึงไม่ต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือ ศาลรับฟังพยานบุคคลได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 534/2509
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิฟ้องคดีของหญิงไม่ได้จดทะเบียนสมรส และการรับฟังพยานบุคคลในคดีละเมิด
หญิงที่แต่งงานโดยมิได้จดทะเบียนสมรสมีอำนาจฟ้องคดีได้โดยไม่ต้องได้รับความยินยอมจากสามี
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเช่าที่พิพาทโดยไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือแต่ต่อมาจำเลยกลับอ้างว่าที่พิพาทเป็นของจำเลย จึงขอให้ขับไล่ดังนี้ เป็นการฟ้องจำเลยฐานละเมิดมิได้อาศัยสิทธิการเช่าการนำสืบถึงการเช่าจึงไม่ต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือ ศาลรับฟังพยานบุคคลได้
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเช่าที่พิพาทโดยไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือแต่ต่อมาจำเลยกลับอ้างว่าที่พิพาทเป็นของจำเลย จึงขอให้ขับไล่ดังนี้ เป็นการฟ้องจำเลยฐานละเมิดมิได้อาศัยสิทธิการเช่าการนำสืบถึงการเช่าจึงไม่ต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือ ศาลรับฟังพยานบุคคลได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1307/2509
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแย่งการครอบครองที่ดินและผลของการฟ้องคดีล่าช้าเกิน 1 ปีตามมาตรา 1375
ที่พิพาทเป็นที่ดินมือเปล่า เมื่อโจทก์ได้ยื่นคำขอการรับรองการทำประโยชน์ต่ออำเภอ จำเลยได้ยื่นคำคัดค้านโดยอ้างว่าโจทก์รังวัดทับที่ของจำเลย ซึ่งโจทก์ได้รับทราบคำคัดค้านของจำเลยแล้ว ดังนี้ การคัดค้านของจำเลยซึ่งให้โจทก์ได้ทราบแล้วนั้น ถือได้ว่าจำเลยได้บอกกล่าวไปยังโจทก์โดยตรงว่าไม่เจตนาจะยึดถือที่พิพาทแทนโจทก์ หากแต่จะยึดถือเพื่อตนเองต่อไปตามมาตรา 1381 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ พฤติการณ์ดังกล่าวแสดงว่าจำเลยได้ถือสิทธิครอบครองที่พิพาทเพื่อตนเองตั้งแต่นั้นแล้วซึ่งเป็นการแย่งการครอบครองของโจทก์อยู่ในตัว การฟ้องคดีเพื่อเอาคืนซึ่งการครอบครองของโจทก์ต้องฟ้องภายใน 1 ปี ตาม มาตรา 1375 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ หากโจทก์ฟ้องเมื่อเกิน 1 ปีแล้วศาลก็ต้องยกฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1176/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความเสียหายจากการปล่อยปละละเลยฟ้องคดีเอง ไม่ถือเป็นการละเมิดของเจ้าพนักงานสอบสวน
พนักงานสอบสวนรับแจ้งความคดียักยอกทรัพย์ของโจทก์ไว้แล้วปล่อยปละละเลยมิได้ดำเนินการสอบสวนให้เสร็จจนคดีขาดอายุความฟ้องร้อง แต่โจทก์ซึ่งมีสิทธิตามกฎหมายที่จะฟ้องร้องผู้ยักยอกได้เองทั้งทางอาญาและทางแพ่งก็ มิได้ฟ้องร้องผู้ยักยอกจนคดีขาดอายุความ ดังนี้ หากโจทก์ใช้สิทธิฟ้องคดีไว้แล้ว ความเสียหายย่อมไม่เกิดขึ้น ความเสียหายของโจทก์จึงเกิดจากการกระทำของโจทก์เอง ไม่ใช่ผลโดยตรงจากการกระทำของจำเลย กรณีของจำเลยไม่เป็นการละเมิด ไม่ต้องรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้โจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1083/2509
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องคดีเกี่ยวกับสินบริคณห์โดยไม่ได้รับอนุญาตจากสามี: ศาลอนุญาตฟ้องได้หากมีเหตุผลความจำเป็น
ภรรยาฟ้องคดีเรียกที่ดินอันเป็นสินบริคณห์จากบุคคลภายนอกโดยไม่ได้รับอนุญาตจากสามีเพราะคดีจะขาดอายุความ ถ้าปรากฏว่าสามีไม่ยอมอนุญาตโดยปราศจากเหตุอันสมควร ภรรยาย่อมขอให้ศาลสั่งอนุญาตให้ฟ้องคดีได้