พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,459 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 905/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องซ้ำ: คดีผู้จัดการมรดก ประเด็นข้อพิพาทต่างกัน ห้ามฎีกาเรื่องฟ้องซ้ำที่เพิ่งยกขึ้น
คดีก่อนจำเลยทั้งสามกล่าวหาโจทก์ว่าละเลยไม่ทำบัญชีทรัพย์มรดก ไม่รายงานแสดงบัญชีการจัดการและไม่แบ่งปันมรดกให้เสร็จภายใน 1 ปี นับแต่วันที่ศาลมีคำสั่งตั้งให้โจทก์เป็นผู้จัดการมรดกผู้ตาย ให้ถอนโจทก์ออกจากการเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตาย คดีถึงที่สุดแล้วคดีนี้โจทก์กล่าวหาจำเลยทั้งสามว่าละเลยไม่ทำการตามหน้าที่ของผู้จัดการมรดก มิได้จัดทำบัญชีทรัพย์มรดกภายในเวลาและตามแบบที่กำหนดไว้ ไม่ทำรายงานแสดงบัญชีการจัดการและแบ่งปันมรดกให้เสร็จภายใน 1 ปี นับแต่วันที่ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษา จำเลยทั้งสามไม่สามารถเป็นผู้จัดการมรดก คดีก่อนกับคดีนี้จึงมีประเด็นข้อพิพาทคนละอย่างคนละเหตุกัน ฟ้องโจทก์จึงไม่เป็นฟ้องซ้ำ ปัญหาที่ว่าคดีนี้เป็นฟ้องซ้อนกับคดีก่อนหรือไม่ จำเลยเพิ่งหยิบยกขึ้นอ้างในชั้นฎีกา เป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้น ต้องห้ามฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 249 ศาลฎีกาไม่เห็นสมควรยกปัญหานี้ขึ้นวินิจฉัย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 905/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องซ้ำ-ฟ้องซ้อน: ประเด็นข้อพิพาทต่างกันและข้ออ้างใหม่ในชั้นฎีกา
คดีก่อนจำเลยทั้งสามกล่าวหาโจทก์ว่าละเลยไม่ทำบัญชีทรัพย์มรดกไม่รายงานแสดงบัญชีการจัดการและไม่แบ่งปันมรดกให้เสร็จภายใน1ปีนับแต่วันที่ศาลมีคำสั่งตั้งให้โจทก์เป็นผู้จัดการมรดกผู้ตายให้ถอนโจทก์ออกจากการเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตายคดีถึงที่สุดแล้วคดีนี้โจทก์กล่าวหาจำเลยทั้งสามว่าละเลยไม่ทำการตามหน้าที่ของผู้จัดการมรดกมิได้จัดทำบัญชีทรัพย์มรดกภายในเวลาและตามแบบที่กำหนดไว้ไม่ทำรายงานแสดงบัญชีการจัดการและแบ่งปันมรดกให้เสร็จภายใน1ปีนับแต่วันที่ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาจำเลยทั้งสามไม่สามารถเป็นผู้จัดการมรดกคดีก่อนกับคดีนี้จึงมีประเด็นข้อพิพาทคนละอย่างคนละเหตุกันฟ้องโจทก์จึงไม่เป็นฟ้องซ้ำ ปัญหาที่ว่าคดีนี้เป็นฟ้องซ้อนกับคดีก่อนหรือไม่จำเลยเพิ่งหยิบยกขึ้นอ้างในชั้นฎีกาเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้นต้องห้ามฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา249ศาลฎีกาไม่เห็นสมควรยกปัญหานี้ขึ้นวินิจฉัย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 900/2532 เวอร์ชัน 4 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การออกเช็คหลายฉบับเพื่อชำระหนี้เดียวกัน ไม่ถือเป็นฟ้องซ้ำ หากเป็นคนละฉบับ
จำเลยออกเช็ค ๓ ฉบับชำระหนี้ให้แก่โจทก์ เป็นการสั่งให้ธนาคารจ่ายเงินตามจำนวนและวันที่ที่มีปรากฏในเช็คแตกต่างกัน ซึ่งจำเลยผู้ออกเช็คอาจมีเงินจ่ายตามเช็คหรือมีเจตนาให้ใช้เงินตามเช็คแต่ละฉบับหรือไม่แตกต่างแยกจากกันได้เมื่อธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็คทั้ง ๓ ฉบับ การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน และเมื่อเช็คที่โจทก์นำไปฟ้องจำเลยในคดีก่อนเป็นเช็คคนละฉบับกับที่มาฟ้องเป็นคดีนี้ แม้จำเลยจะออกเช็คในคราวเดียวกันเพื่อชำระหนี้อันมีมูลหนี้มาจากค่าซื้อยาเช่นเดียวกันก็ตาม โจทก์ก็ย่อมนำมาฟ้องจำเลยเป็นคดีนี้ได้ไม่เป็นฟ้องซ้ำ.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 900/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฐานออกเช็คไม่มีเงินและความเป็นฟ้องซ้ำ: การออกเช็คหลายฉบับเพื่อชำระหนี้เดียวกันถือเป็นความผิดหลายกรรม
จำเลยออกเช็ค 3 ฉบับชำระหนี้ให้แก่โจทก์ เป็นการสั่งให้ธนาคาร จ่ายเงินตามจำนวนและวันที่ที่มีปรากฏในเช็คแตกต่างกัน ซึ่งจำเลยผู้ออกเช็คอาจมีเงินจ่ายตามเช็คหรือมีเจตนาให้ใช้เงินตามเช็คแต่ละฉบับหรือไม่แตกต่างแยกจากกันได้เมื่อธนาคาร ปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็คทั้ง 3 ฉบับ การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดหลายกรรมต่างกันและเมื่อเช็คที่โจทก์นำไปฟ้องจำเลยในคดีก่อนเป็นเช็คคนละฉบับกับที่มาฟ้องเป็นคดีนี้ แม้จำเลยจะออกเช็คในคราวเดียวกันเพื่อชำระหนี้อันมีมูลหนี้มาจากค่าซื้อยาเช่นเดียวกันก็ตาม โจทก์ก็ย่อมนำมาฟ้องจำเลยเป็นคดีนี้ได้ไม่เป็นฟ้องซ้ำ.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 900/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฐานออกเช็คไม่มีเงิน การกระทำแต่ละฉบับถือเป็นความผิดต่างกรรมกัน แม้มีมูลหนี้เดียวกัน ไม่ถือเป็นฟ้องซ้ำ
จำเลยออกเช็ค 3 ฉบับชำระหนี้ให้แก่โจทก์ เป็นการสั่งให้ธนาคารจ่ายเงินตามจำนวนและวันที่ที่มีปรากฏในเช็คแตกต่างกัน ซึ่งจำเลยผู้ออกเช็คอาจมีเงินจ่ายตามเช็คหรือมีเจตนาให้ใช้เงินตามเช็คแต่ละฉบับหรือไม่แตกต่างแยกจากกันได้ เมื่อธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็คทั้ง 3 ฉบับ การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน และเมื่อเช็คที่โจทก์นำไปฟ้องจำเลยในคดีก่อนเป็นเช็คคนละฉบับกับที่มาฟ้องเป็นคดีนี้ แม้จำเลยจะออกเช็คในคราวเดียวกันเพื่อชำระหนี้ อันมีมูลหนี้มาจากค่าซื้อยาเช่นเดียวกันก็ตามโจทก์ก็ย่อมนำมาฟ้องจำเลยเป็นคดีนี้ได้ ไม่เป็นฟ้องซ้ำ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 900/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เช็คหลายฉบับ ความผิดหลายกรรม การฟ้องซ้ำ
จำเลยออกเช็ค 3 ฉบับชำระหนี้ให้แก่โจทก์ เป็นการสั่งให้ธนาคารจ่ายเงินตามจำนวนและวันที่ที่มีปรากฏในเช็คแตกต่างกัน ซึ่งจำเลยผู้ออกเช็คอาจมีเงินจ่ายตามเช็คหรือมีเจตนาให้ใช้เงินตามเช็คแต่ละฉบับหรือไม่แตกต่างแยกจากกันได้เมื่อธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็คทั้ง 3 ฉบับ การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน และเมื่อเช็คที่โจทก์นำไปฟ้องจำเลยในคดีก่อนเป็นเช็คคนละฉบับกับที่มาฟ้องเป็นคดีนี้ แม้จำเลยจะออกเช็คในคราวเดียวกันเพื่อชำระหนี้อันมีมูลหนี้มาจากค่าซื้อยาเช่นเดียวกันก็ตาม โจทก์ก็ย่อมนำมาฟ้องจำเลยเป็นคดีนี้ได้ไม่เป็นฟ้องซ้ำ.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 809/2532 เวอร์ชัน 4 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องซ้ำในความผิดอาญาเดียวกัน
จำเลยทั้งสองร่วมกันนำเฮโรอีนจำนวนเดียว กันออกนอกประเทศแต่ แบ่งแยกหน้าที่กันซุกซ่อน โดย จำเลยที่ ๑ ซุกซ่อน ติดตัว ไป ๓ ก้อนจำเลยที่ ๒ ซุกซ่อน ติดตัว ไป ๙ ก้อน จำเลยทั้งสองนั่งรถแท็กซี่คันเดียวกันไปยังท่าอากาศยานกรุงเทพเพื่อเดินทางออกนอกประเทศโดย เครื่องบินลำเดียวกัน และถูก จับในเวลาไล่เลี่ยกัน ขณะอยู่ห่างกัน ๔๐ เมตร ดังนี้ การกระทำของจำเลยทั้งสองเป็นการร่วมกันกระทำผิดในกรรมเดียวกัน เมื่อจำเลยที่ ๒ เคยถูก โจทก์ฟ้องและมีคำพิพากษาถึงที่สุดในกรรมนี้ไปแล้ว โจทก์มาฟ้องจำเลยที่ ๒อีกจึงเป็นฟ้องซ้ำ ต้องห้ามตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา ๓๙(๔) ศาลชอบที่จะยกฟ้องโจทก์เฉพาะตัว จำเลยที่ ๒.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 809/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องซ้ำในความผิดร่วมกัน: การกระทำความผิดกรรมเดียวกัน แม้แบ่งหน้าที่ซุกซ่อนยาเสพติด
จำเลยทั้งสองร่วมกันนำเฮโรอีนออกนอกประเทศ โดยจำเลยที่ 1พกติดตัวไป 3 ก้อน จำเลยที่ 2 พกติดตัวไป 9 ก้อน จำเลยทั้งสองนั่งรถแท็กซี่คันเดียวกันไปยังท่าอากาศยานกรุงเทพเพื่อเดินทางออกนอกประเทศโดยเครื่องบินลำเดียวกัน ทั้งสองคนถูกจับในเวลาไล่เลี่ยกันขณะอยู่ห่างกัน 40 เมตร ดังนี้ การกระทำของจำเลยทั้งสองเป็นการร่วมกันกระทำผิดในกรรมเดียวกัน เมื่อจำเลยที่ 2 เคยถูกโจทก์ฟ้องและมีคำพิพากษาถึงที่สุดในกรรมนี้ไปแล้ว โจทก์มาฟ้องจำเลยที่ 2 เป็นคดีนี้อีกจึงเป็นฟ้องซ้ำต้องห้ามตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39(4)ศาลชอบที่จะยกฟ้องโจทก์เฉพาะตัวจำเลยที่ 2.(ที่มา-ส่งเสริม)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 809/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องซ้ำในคดีร่วมกระทำผิด: การพิพากษาถึงที่สุดในคดีหนึ่งย่อมห้ามมิให้ฟ้องคดีซ้ำในความผิดเดียวกัน
จำเลยทั้งสองร่วมกันนำเฮโรอีนจำนวนหนึ่งออกนอกประเทศ โดยแบ่งแยกกันซุกซ่อนตามร่างกายของจำเลยทั้งสองแล้วนั่งรถแท๊กซี่คันเดียวกันไปยังท่าอากาศยานกรุงเทพเพื่อเดินทางออกนอกประเทศโดยเครื่องบินลำเดียวกัน ถูกจับที่ท่าอากาศยานในเวลาไล่เลี่ยกันขณะอยู่ห่างกัน 40 เมตร ดังนี้ การกระทำของจำเลยทั้งสองเป็นการร่วมกันกระทำผิดในกรรมเดียวกัน เมื่อจำเลยที่ 2 เคยถูกฟ้องและมีคำพิพากษาถึงที่สุดไปแล้ว โจทก์มาฟ้องจำเลยที่ 2 อีกเป็นฟ้องซ้ำศาลชอบที่จะยกฟ้องโจทก์เฉพาะตัวจำเลยที่ 2
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 809/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องซ้ำในความผิดอาญา: การกระทำร่วมกันเป็นกรรมเดียวกัน
จำเลยทั้งสองร่วมกันนำเฮโรอีนจำนวนเดียว กันออกนอกประเทศแต่ แบ่งแยกหน้าที่กันซุกซ่อน โดย จำเลยที่ 1 ซุกซ่อน ติดตัว ไป 3 ก้อนจำเลยที่ 2 ซุกซ่อน ติดตัว ไป 9 ก้อน จำเลยทั้งสองนั่งรถแท็กซี่คันเดียวกันไปยังท่าอากาศยานกรุงเทพเพื่อเดินทางออกนอกประเทศโดย เครื่องบินลำเดียวกัน และถูก จับในเวลาไล่เลี่ยกัน ขณะอยู่ห่างกัน 40 เมตร ดังนี้ การกระทำของจำเลยทั้งสองเป็นการร่วมกันกระทำผิดในกรรมเดียวกัน เมื่อจำเลยที่ 2 เคยถูก โจทก์ฟ้องและมีคำพิพากษาถึงที่สุดในกรรมนี้ไปแล้ว โจทก์มาฟ้องจำเลยที่ 2อีกจึงเป็นฟ้องซ้ำ ต้องห้ามตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 39(4) ศาลชอบที่จะยกฟ้องโจทก์เฉพาะตัว จำเลยที่ 2.