คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
พิสูจน์

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,273 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2041/2521 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ร่วมกันทำร้ายร่างกายจนถึงแก่ความตาย มีเจตนาฆ่าหรือไม่ การพิสูจน์เจตนาของผู้ร่วมกระทำผิด
ก่อนเกิดเหตุมีคนทุบคอกม้าแข่งของ ช. จนม้าตื่นและคอกม้าพัง เมื่อมีข่าวว่าผู้ตายเป็นคนทุบคอกม้า ล.กับพวกประมาณ 20 - 30 คนมีปืน มีด ไม้ เป็นอาวุธตามหาผู้ตาย เมื่อพบกัน ล.ได้สอบถามเรื่องทุบคอกม้าแต่ผู้ตายปฏิเสธ ล.กับพวกซึ่งรวมทั้งป., ศ. และจำเลยทั้งสองได้เข้าล้อมผู้ตายไว้และเกิดโต้เถียงกันขึ้นในที่สุดก็เกิดชุลมุนทำร้ายกัน โดย ศ.ใช้ไม้กลมเท่าแขนยาวราวศอกเศษตีศรีษะผู้ตาย ป.ใช้มีดปลายแหลมแทงผู้ตาย ส่วนจำเลยที่ 1 ถือไม้คุมเชิงอยู่ในที่เกิดเหตุ และจำเลยที่ 2 ได้ชกผู้ตาย 2 ที แม้ผู้ตายจะตายเพราะแผลที่ถูกแทงและถูกตีศีรษะก็ต้องถือว่าจำเลยทั้งสองได้ร่วมกับพวกฆ่าผู้ตายด้วย เพราะจำเลยทั้งสองเป็นพวกของ ล.ไปตามหาเอาเรื่องกับฝ่ายผู้ตายส่อเจตนาว่าร่วมกันมาตั้งแต่ต้นและจำเลยทั้งสองต่างก็ได้ร่วมลงมือในการกระทำผิดด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1923/2521

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความแตกต่างข้อเท็จจริงในฟ้องกับข้อเท็จจริงที่พิสูจน์ได้มีผลต่อการลงโทษจำเลย
ฟ้องว่าจำเลยกับพวกรุมกันชกต่อยและแทง ว.โดยเจตนาว. ตาย ขอให้ลงโทษตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 290พิจารณาได้ความว่าจำเลยชุลมุนชกต่อยกับพวก ว. มีผู้แทง ว. ตายข้อเท็จจริงในทางพิจารณาต่างกับฟ้องในสารสำคัญ ลงโทษจำเลยตาม มาตรา 294 ไม่ได้ เพราะเป็นข้อเท็จจริงที่โจทก์ไม่ประสงค์ให้ลงโทษ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 124/2521

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หนี้ร่วมระหว่างสามีภริยา: การพิสูจน์เจตนาใช้ให้กู้เงินเพื่อเช่าซื้อรถยนต์เป็นสำคัญ
หนี้ที่เกิดระหว่างเป็นสามีภริยากันมีบางอย่างเท่านั้นที่เป็นหนี้ ร่วม ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1482 เดิม โจทก์ฟ้องว่าว่าจำเลยซึ่งเป็นสามีภริยารู้เห็นยินยอมให้ภริยาออกเช็คแก่โจทก์ แล้วสามีกลับปฏิเสธว่าไม่รู้ไม่เห็น โจทก์นำสืบว่าสามีรับรองว่าจะใช้หนี้ เป็นเรื่องนอกฟ้อง ฟังไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 591/2520 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การสิ้นสุดสัญญาเช่านาและการพิสูจน์สถานะผู้เช่าตามกฎหมายควบคุมการเช่านา
ตามพระราชบัญญัติควบคุมการเช่านา พ.ศ. 2517 มาตรา 46 ที่บัญญัติไว้ว่า การเช่านารายใดซึ่งทำไว้ก่อนวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ ถ้าไม่มีกำหนดเวลาหรือมีกำหนดเวลาต่ำกว่าหกปี ให้การเช่านารายนั้นมีกำหนดหกปีนับตั้งแต่วันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ เว้นแต่ผู้เช่าไม่ประสงค์จะเช่านาต่อไป ย่อมหมายความว่าพระราชบัญญัติฉบับนี้ใช้บังคับแก่การเช่าที่ยังคงมีอยู่ในวันที่ 18 ธันวาคม 2517 ซึ่งเป็นวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับเท่านั้น ที่จะมีการยืดการเช่าออกไปได้ แต่ถ้าหากการเช่านาระหว่างผู้เช่าและผู้ให้เช่าสิ้นสุดลงแล้วก่อนวันที่ 18 ธันวาคม 2517 ก็จะนำมาตรา 46 นี้มาใช้บังคับไม่ได้ เพราะในขณะที่พระราชบัญญัติควบคุมการเช่านามีผลใช้บังคับนั้น ไม่มีกำหนดระยะเวลาการเช่านาเหลืออยู่ที่จะยืดออกไปอีกได้
เมื่อโจทก์ฟ้องว่าจำเลยได้กระทำผิดโดยเข้าไปไถทำนาในที่นาที่ผู้เสียหายเช่าจากจำเลย จำเลยให้การปฏิเสธ โจทก์จึงมีหน้าที่นำสืบให้ฟังได้ว่าในวันเวลาที่โจทก์กล่าวหา ผู้เสียหายยังเป็นผู้เช่าทำนาจากจำเลยอยู่ แต่เมื่อจำเลยได้ต่อสู้มาแต่ชั้นสอบสวนว่า สัญญาระหว่างผู้เสียหายกับจำเลยสิ้นสุดโดยความตกลงของคู่สัญญา มิได้รับในประเด็นข้อนี้ เมื่อโจทก์ไม่ติดใจสืบพยานเสียแล้วเช่นนี้ คดีก็ยังไม่พอที่จะรับฟังว่าจำเลยได้กระทำผิดตามพระราชบัญญัติควบคุมการเช่ามา พ.ศ. 2517 มาตรา 28 (4), 45

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 591/2520

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การสิ้นสุดสัญญาเช่านาและการบังคับใช้ พ.ร.บ.ควบคุมการเช่านา พ.ศ.2517 การพิสูจน์สถานะผู้เช่า
ตามพระราชบัญญัติควบคุมการเช่านา พ.ศ. 2517 มาตรา 46 ที่บัญญัติไว้ว่า การเช่านารายใดซึ่งทำไว้ก่อนวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ ถ้าไม่มีกำหนดเวลาหรือมีกำหนดเวลาต่ำกว่าหกปี ให้การเช่านารายนั้นมีกำหนดหกปีนับตั้งแต่วันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับเว้นแต่ผู้เช่าไม่ประสงค์จะเช่านาต่อไป ย่อมหมายความว่าพระราชบัญญัติฉบับนี้ใช้บังคับแก่การเช่าที่ยังคงมีอยู่ในวันที่ 18 ธันวาคม 2517 ซึ่งเป็นวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับเท่านั้น ที่จะมีการยืดการเช่าออกไปได้แต่ถ้าหากการเช่านาระหว่างผู้เช่าและผู้ให้เช่าสิ้นสุดลงแล้วก่อนวันที่ 18 ธันวาคม 2517 ก็จะนำมาตรา 46 นี้มาใช้บังคับไม่ได้เพราะในขณะที่พระราชบัญญัติควบคุมการเช่านามีผลใช้บังคับนั้น ไม่มีกำหนดระยะเวลาการเช่านาเหลืออยู่ที่จะยืดออกไปอีกได้
เมื่อโจทก์ฟ้องว่าจำเลยได้กระทำผิดโดยเข้าไปไถทำนาในที่นาที่ผู้เสียหายเช่าจากจำเลย จำเลยให้การปฏิเสธ โจทก์จึงมีหน้าที่นำสืบให้ฟังได้ว่าในวันเวลาที่โจทก์กล่าวหา ผู้เสียหายยังเป็นผู้เช่าทำนาจากจำเลยอยู่ แต่เมื่อจำเลยได้ต่อสู้มาแต่ชั้นสอบสวนว่า สัญญาระหว่าง ผู้เสียหายกับจำเลยสิ้นสุดโดยความตกลงของคู่สัญญา มิได้รับในประเด็นข้อนี้ เมื่อโจทก์ไม่ติดใจสืบพยานเสียแล้วเช่นนี้ คดีก็ยังไม่พอที่จะรับฟังว่าจำเลยได้กระทำผิดตามพระราชบัญญัติควบคุมการเช่านา พ.ศ. 2517 มาตรา 28(4), 45

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 47/2520

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาขายฝาก: กำหนดเวลาไถ่คืนพิสูจน์ได้จากหลักฐานอื่น แม้ไม่ได้ระบุในช่องสัญญา
สัญญาขายฝากที่จดทะเบียนมิได้พิมพ์ข้อความไว้ในช่องกำหนดเวลา แต่มีบันทึกของเจ้าหน้าที่ว่าหลงลืม กับมีเอกสารอื่นและในสารบัญจดทะเบียนว่า กำหนดเวลาไถ่คืน 10 เดือน คู่ความสืบพยานอื่นประกอบได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 405/2520 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ไม้แปรรูป: การพิสูจน์สภาพเดิมของไม้เพื่ออ้างข้อยกเว้นตามกฎหมายป่าไม้
ไม้ที่มิให้ถือว่าเป็นไม้แปรรูปตามมาตรา 4(4) วรรค 2 นั้น แยกได้เป็นสองอย่าง คือ ไม้ที่อยู่ในสภาพเป็นสิ่งปลูกสร้างหรืออยู่ในสภาพเป็นเครื่องใช้ ทั้งนี้ ตลอดเวลาที่อยู่ในสภาพเช่นนั้นอย่างหนึ่ง กับไม้ที่เคยอยู่ในสภาพดังกล่าว คือ เคยเป็นสิ่งปลูกสร้างหรือเคยเป็นเครื่องใช้มาแล้ว และผู้ครอบครองพิสูจน์ได้ว่าได้เคยมีสภาพเช่นนั้นมาแล้วไม่น้อยกว่าสองปีสำหรับไม้อื่นที่ไม่ใช่ไม้สัก และห้าปีสำหรับไม้สักอีกอย่างหนึ่ง ดังนั้น ตามความหมายในกฎหมายดังกล่าว ผู้ครอบครองจะต้องพิสูจน์แต่เฉพาะกรณีที่ไม้นั้นมิได้อยู่ในสภาพเป็นสิ่งปลูกสร้างหรือมิได้อยู่ในสภาพเป็นเครื่องใช้ แต่กล่าวอ้างว่าเคยมีสภาพเช่นนั้นมาแล้วเท่านั้น ส่วนบานประตูและบานหน้าต่างไม้สักของกลางเป็นไม้ที่ทำขึ้นใหม่ อยู่ในสภาพเป็นเครื่องใช้อยู่แล้วในปัจจุบัน จึงมิใช่ไม้แปรรูป และผู้ครอบครองหาจำต้องพิสูจน์ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 405/2520

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ไม้แปรรูป ไม้ที่อยู่ในสภาพสิ่งปลูกสร้างหรือเครื่องใช้ ไม่ถือเป็นไม้แปรรูปตามกฎหมาย
ไม้ที่มิให้ถือว่าเป็นไม้แปรรูปตามมาตรา 4(4)วรรคสอง นั้น แยกได้เป็นสองอย่างคือ ไม้ที่อยู่ในสภาพเป็นสิ่งปลูกสร้างหรืออยู่ในสภาพเป็นเครื่องใช้ ทั้งนี้ ตลอดเวลาที่อยู่ในสภาพเช่นนั้นอย่างหนึ่งกับไม้ที่เคยอยู่ในสภาพดังกล่าว คือ เคยเป็นสิ่งปลูกสร้างหรือเคยเป็นเครื่องใช้มาแล้ว และผู้ครอบครองพิสูจน์ได้ว่าได้เคยมีสภาพเช่นนั้นมาแล้วไม่น้อยกว่าสองปีสำหรับไม้อื่นที่ไม่ใช่ไม้สักและห้าปีสำหรับไม้สักอีกอย่างหนึ่ง ดังนั้นตามความหมายในกฎหมายดังกล่าว ผู้ครอบครองจะต้องพิสูจน์แต่เฉพาะกรณีที่ไม้นั้นมิได้อยู่ในสภาพเป็นสิ่งปลูกสร้างหรือมิได้อยู่ในสภาพเป็นเครื่องใช้ แต่กล่าวอ้างว่าเคยมีสภาพเช่นนั้นมาแล้วเท่านั้นส่วนบานประตูและบานหน้าต่างไม้สักของกลางเป็นไม้ที่ทำขึ้นใหม่ อยู่ในสภาพเป็นเครื่องใช้อยู่แล้วในปัจจุบัน จึงมิใช่ไม้แปรรูป และผู้ครอบครองหาจำต้องพิสูจน์ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 18/2520

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับเงินและหน้าที่คืนเงิน แม้รายละเอียดการส่งมอบจะต่างกันเล็กน้อย ศาลยังคงบังคับคดีได้หากพิสูจน์ได้ว่าจำเลยได้รับเงินจริง
การที่โจทก์บรรยายฟ้องว่าได้ฝากเงินจำเลยไว้ แต่นำสืบว่าโจทก์ได้ฝากเงินให้จำเลยไปฝากธนาคารนั้น เป็นเรื่องการแตกต่างกันเล็กๆน้อยๆ เท่านั้น ข้อใหญ่ใจความของคดีคงอยู่ที่ว่า โจทก์ได้อ้างว่าเงินของโจทก์อยู่ที่จำเลย และขอให้จำเลยส่งคืนซึ่งข้อนี้จำเลยได้ให้การต่อสู้ว่าจำเลยไม่เคยได้รับฝากเงินจากโจทก์ไว้เลยในวันที่โจทก์อ้างตามฟ้องนั้น จำเลยก็ไม่ได้รับเงินไว้จากโจทก์ ฉะนั้น หากทางพิจารณาคดีฟังได้ว่าจำเลยได้รับเงินของโจทก์ไว้ ศาลก็ชอบที่จะบังคับตามคำขอท้ายฟ้องให้จำเลยคืนเงินให้แก่โจทก์ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1688/2520

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิสูจน์สัญญาประกันภัยและการสืบพยานบุคคลเมื่อไม่มีเอกสารต้นฉบับ
โจทก์อ้างกรมธรรม์ประกันภัย ซึ่งจำเลยร่วมผู้รับเป็นผู้ประกันภัย จำเลยร่วมปฏิเสธว่าไม่ได้รับประกันภัย จึงเป็นกรณีที่โจทก์ไม่สามารถแสดงต้นฉบับต่อศาลได้ ศาลอนุญาตให้โจทก์สืบพยานบุคคลได้ไม่ใช่กรณีตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 123
of 128