พบผลลัพธ์ทั้งหมด 754 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 661/2521
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องแย้งไม่เกี่ยวเนื่องกับคำฟ้องเดิม ศาลไม่รับ
คำฟ้องเดิมของโจทก์เป็นเรื่องฟ้องเรียกร้องให้จำเลยที่ 1 ชดใช้เงินเบิกล่วงหน้าตามเลตเตอร์ออฟเครดิตสัญญาซื้อขายและให้จำเลยที่ 2 ที่ 3 รับผิดชดใช้เงินในฐานะผู้ค้ำประกันอันเป็นมูลกรณีฐานผิดสัญญาแม้ฟ้องแย้งของจำเลยจะกล่าวอ้างว่าเจ้าหน้าที่ของโจทก์สมคบกับคนของบริษัทจำเลยที่ 1 ร่วมกันแก้ไขและปลอมเอกสารสัญญาต่าง ๆ ที่โจทก์นำมาฟ้องในคดีนี้ แต่ก็หาได้มีคำขอบังคับให้เพิกถอนทำลายเอกสารสัญญาที่อ้างว่ามีการแก้ไขและปลอมนั้นเลย กลับมีคำขอบังคับให้โจทก์รับผิดต่อการกระทำของเจ้าหน้าที่ของโจทก์อันเป็นการขอให้โจทก์ชดใช้ค่าเสียหายในมูลฐานละเมิดที่บุคคลภายนอกคดีกระทำต่อจำเลย ฟ้องแย้งของจำเลยจึงเป็นเรื่องอื่นไม่เกี่ยวกับคำฟ้องเดิมของโจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 609/2521 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิจำเลยฟ้องแย้งหักกลบลบหนี้ในคดีแพ่งเมื่อมีหนี้เงินถึงกำหนดชำระทั้งสองฝ่าย
ในคดีแพ่งนั้นเมื่อจำเลยถูกฟ้องแล้ว นอกจากจำเลยจะให้การปฏิเสธแล้วจำเลยย่อมมีสิทธิหักกลบลบหนี้และฟ้องแย้งได้หากหนี้นั้นมีวัตถุเป็นอย่างเดียวกันและถึงกำหนดชำระแล้ว และเมื่อฟังว่าหนี้ที่ขอหักกลบลบหนี้มิใช่เป็นหนี้ที่มีข้อต่อสู้อยู่ จำเลยก็ย่อมได้ประโยชน์และศาลจะต้องพิพากษาให้ในจำนวนที่เหลือจากหักกลบลบหนี้กันแล้ว
โจทก์ฟ้องให้จำเลยใช้เงินตามเช็ค จำเลยฟ้องแย้งว่าภายหลังออกเช็คให้โจทก์แล้ว โจทก์ได้มาซื้อสินค้าจากจำเลยไป เมื่อคิดหักหนี้กันแล้วโจทก์ยังเป็นลูกหนี้จำเลยอยู่ ดังนี้ หนี้สองรายนี้ต่างเป็นหนี้เงินด้วยกัน และถึงกำหนดชำระแล้วทั้งสองฝ่าย เมื่อฟังเป็นจริงด้วยกันแล้วก็ย่อมหักกลบลบหนี้ด้วยกันได้ และจำนวนเงินที่เหลือที่โจทก์จะต้องชำระให้จำเลยนั้นก็เกิดจากนำยอดเงินตามเช็คที่โจทก์ฟ้องมาหัก จึงถือได้ว่าฟ้องแย้งของจำเลยเกี่ยวกับฟ้องเดิมของโจทก์ และเกี่ยวข้องกันพอที่จะรวมการพิจารณาและชี้ขาดตัดสินเข้าด้วยกันได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 177, 179 วรรคท้าย จำเลยจึงมีสิทธิฟ้องแย้ง
โจทก์ฟ้องให้จำเลยใช้เงินตามเช็ค จำเลยฟ้องแย้งว่าภายหลังออกเช็คให้โจทก์แล้ว โจทก์ได้มาซื้อสินค้าจากจำเลยไป เมื่อคิดหักหนี้กันแล้วโจทก์ยังเป็นลูกหนี้จำเลยอยู่ ดังนี้ หนี้สองรายนี้ต่างเป็นหนี้เงินด้วยกัน และถึงกำหนดชำระแล้วทั้งสองฝ่าย เมื่อฟังเป็นจริงด้วยกันแล้วก็ย่อมหักกลบลบหนี้ด้วยกันได้ และจำนวนเงินที่เหลือที่โจทก์จะต้องชำระให้จำเลยนั้นก็เกิดจากนำยอดเงินตามเช็คที่โจทก์ฟ้องมาหัก จึงถือได้ว่าฟ้องแย้งของจำเลยเกี่ยวกับฟ้องเดิมของโจทก์ และเกี่ยวข้องกันพอที่จะรวมการพิจารณาและชี้ขาดตัดสินเข้าด้วยกันได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 177, 179 วรรคท้าย จำเลยจึงมีสิทธิฟ้องแย้ง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 609/2521
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิจำเลยในการหักกลบลบหนี้และฟ้องแย้งเมื่อถูกฟ้องร้อง
ในคดีแพ่งนั้นเมื่อจำเลยถูกฟ้องแล้ว นอกจากจำเลยจะให้การปฏิเสธแล้ว จำเลยย่อมมีสิทธิหักกลบลบหนี้และฟ้องแย้งได้หากหนี้นั้นมีวัตถุเป็นอย่างเดียวกันและถึงกำหนดชำระแล้วและเมื่อฟังว่าหนี้ที่ขอหักกลบลบหนี้มิใช่เป็นหนี้ที่มีข้อต่อสู้อยู่ จำเลยก็ย่อมได้ประโยชน์และศาลจะต้องพิพากษาให้ในจำนวนที่เหลือจากหักกลบลบหนี้กันแล้ว
โจทก์ฟ้องให้จำเลยใช้เงินตามเช็ค จำเลยฟ้องแย้งว่าภายหลังออกเช็คให้โจทก์แล้ว โจทก์ได้มาซื้อสินค้าจากจำเลยไปเมื่อคิดหักหนี้กันแล้วโจทก์ยังเป็นลูกหนี้จำเลยอยู่ ดังนี้ หนี้สองรายนี้ต่างเป็นหนี้เงินด้วยกันและถึงกำหนดชำระแล้วทั้งสองฝ่ายเมื่อฟังเป็นจริงด้วยกัน แล้วก็ย่อมหักกลบลบหนี้ด้วยกันได้ และจำนวนเงินที่เหลือที่โจทก์จะต้องชำระให้จำเลยนั้นก็เกิดจากนำยอดเงินตามเช็คที่โจทก์ฟ้องมาหักจึงถือได้ว่าฟ้องแย้งของจำเลยเกี่ยวกับฟ้องเดิมของโจทก์ และเกี่ยวข้องกันพอที่จะรวมการพิจารณาและชี้ขาดตัดสินเข้าด้วยกันได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 177, 179 วรรคท้าย จำเลยจึงมีสิทธิฟ้องแย้ง
โจทก์ฟ้องให้จำเลยใช้เงินตามเช็ค จำเลยฟ้องแย้งว่าภายหลังออกเช็คให้โจทก์แล้ว โจทก์ได้มาซื้อสินค้าจากจำเลยไปเมื่อคิดหักหนี้กันแล้วโจทก์ยังเป็นลูกหนี้จำเลยอยู่ ดังนี้ หนี้สองรายนี้ต่างเป็นหนี้เงินด้วยกันและถึงกำหนดชำระแล้วทั้งสองฝ่ายเมื่อฟังเป็นจริงด้วยกัน แล้วก็ย่อมหักกลบลบหนี้ด้วยกันได้ และจำนวนเงินที่เหลือที่โจทก์จะต้องชำระให้จำเลยนั้นก็เกิดจากนำยอดเงินตามเช็คที่โจทก์ฟ้องมาหักจึงถือได้ว่าฟ้องแย้งของจำเลยเกี่ยวกับฟ้องเดิมของโจทก์ และเกี่ยวข้องกันพอที่จะรวมการพิจารณาและชี้ขาดตัดสินเข้าด้วยกันได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 177, 179 วรรคท้าย จำเลยจึงมีสิทธิฟ้องแย้ง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1194/2521
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขอบเขตการฟ้องแย้งในคดีสัญญาประกันตัว ผู้ต้องหา: ฟ้องแย้งต้องเกี่ยวข้องกับฟ้องเดิม
โจทก์ฟ้องให้จำเลยรับผิดตามสัญญาประกันตัวผู้ต้องหาโจทก์ไม่ได้ฟ้องจำเลยเกี่ยวกับการทำละเมิด ฉะนั้นเรื่องค่าเสียหายฐานละเมิดที่จำเลยฟ้องแย้งขึ้นมา จึงเป็นเรื่องอื่นไม่เกี่ยวกับคำฟ้องเดิมของโจทก์ จำเลยจึงฟ้องแย้งไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 350/2520
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับฟ้องแย้งที่มีเงื่อนไขในคดีขับไล่และค่ารื้อถอน
โจทก์ฟ้องขอให้ขับไล่จำเลยจากที่เช่าจำเลยให้การว่าโจทก์ไม่มีสิทธิเลิกสัญญาเช่าและฟ้องแย้งว่าหากศาลพิพากษาขับไล่ขอให้โจทก์ใช้เงินค่ารื้อถอนห้องแถวดังนี้ เป็นฟ้องแย้งที่มีเงื่อนไขศาลรับคำให้การแต่ไม่รับฟ้องแย้ง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2632/2520 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
จำกัดสิทธิฎีกาในคดีฟ้องแย้งที่มีทุนทรัพย์ไม่เกินห้าหมื่นบาทตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248
ฟ้องแย้งของจำเลยมีทุนทรัพย์ที่พิพาทไม่เกินห้าหมื่นบาท ดังนั้น เมื่อคดีตามฟ้องแย้งศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น จำเลยจึงต้องห้ามฎีกาในข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2632/2520
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฎีกาห้ามฟ้องในข้อเท็จจริงเนื่องจากทุนทรัพย์ฟ้องแย้งไม่เกินห้าหมื่นบาท แม้ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น
ฟ้องแย้งของจำเลยมีทุนทรัพย์ที่พิพาทไม่เกินห้าหมื่นบาทดังนั้น เมื่อคดีตามฟ้องแย้งศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น จำเลยจึงต้องห้ามฎีกาในข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2013/2520
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องแย้งต้องมีสิทธิและหน้าที่พร้อมบริบูรณ์ขณะฟ้อง หากสิทธิและหน้าที่ยังไม่เกิด ศาลไม่รับฟ้อง
โจทก์ฟ้องขับไล่จากห้องเช่า เรียกค่าเสียหาย จำเลยให้การปฏิเสธว่าไม่ผิดสัญญาเช่า และฟ้องแย้งเรียกค่าเสียหายที่ถูกฟ้องขับไล่ ดังนี้ ฟ้องแย้งไม่ใช่สิทธิและหน้าที่พร้อมบริบูรณ์ในขณะที่ฟ้อง แต่จะมีขึ้นเมื่อปรากฏผลแห่งคดีนี้แล้ว ไม่เกี่ยวกับฟ้องเดิมศาลไม่รับฟ้องแย้ง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 137/2520
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การต่อเติมอาคารเช่าเป็นเหตุฟ้องแย้งไม่ได้ หากศาลชั้นต้นพิพากษาถึงที่สุดแล้ว
ฟ้องขับไล่จากบ้านเช่า ค่าเช่าเดือนละ 1,000 บาท จำเลยต่อสู้ว่ามีสัญญาต่างตอบแทนเพิ่มเติมอีกยอมให้จำเลยต่อเติมเป็นโรงแรมเป็นเช่า 10 ปี และฟ้องแย้งเรียกเงินคืน 45,000 บาท ดังนี้ ไม่ใช่คดีที่จำเลยยกข้อโต้เถียงในเรื่องแปลความหมายแห่งสัญญาเช่าศาลชั้นต้นพิพากษาขับไล่จึงต้องห้ามอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงฎีกาต่อมาไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 817/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องซ้อนและอายุความครอบครองที่ดิน: จำเลยฟ้องโจทก์ได้ แม้โจทก์ฟ้องก่อน
ในเรื่องฟ้องซ้อน ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 173 วรรคสอง (1) นั้น กฎหมายห้ามแต่โจทก์มิให้ฟ้องจำเลย หาได้ห้ามจำเลยมิให้กลับมาฟ้องโจทก์ด้วยไม่ ไม่เหมือนกับเรื่องฟ้องซ้ำตามมาตรา 148 ซึงห้ามทั้งโจทก์และจำเลยมิให้ฟ้องคดีขึ้นใหม่
การที่จำเลยครอบครองที่พิพาทในระหว่างที่ศาลพิจารณาคดีที่จำเลยฟ้องโจทก์ ขอให้ห้ามเกี่ยวข้องกับที่พิพาทโดยอ้างว่าเป็นของจำเลยนั้น จำเลยจะยกเอาสิทธิแห่งการครอบครองมายันโจทก์ซึ่งเป็นคู่ความในคดีนั้นหาได้ไม่ (อ้างฎีกาที่ 1273/2500)
การที่จำเลยครอบครองที่พิพาทในระหว่างที่ศาลพิจารณาคดีที่จำเลยฟ้องโจทก์ ขอให้ห้ามเกี่ยวข้องกับที่พิพาทโดยอ้างว่าเป็นของจำเลยนั้น จำเลยจะยกเอาสิทธิแห่งการครอบครองมายันโจทก์ซึ่งเป็นคู่ความในคดีนั้นหาได้ไม่ (อ้างฎีกาที่ 1273/2500)