พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,083 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2904/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สาธารณสมบัติ: สิทธิครอบครองและการเช่าที่ดิน สิทธิครอบครองสิ้นสุดเมื่อให้เช่า
สาธารณสมบัติของแผ่นดิน ประเภททรัพย์สินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1304(2) นั้น ผู้ใดหามีสิทธิครอบครองและมีกรรมสิทธิ์ไม่ คงมีแต่สิทธิดีกว่าผู้อื่น ซึ่งสิทธิดังกล่าวจะมีอยู่ตลอดเวลาที่ครอบครองเท่านั้น เมื่อผู้ครอบครองให้เช่าที่ดินไปแล้ว สิทธิดีกว่าผู้อื่นก็สิ้นไปโดยผู้เช่าย่อมเป็นผู้มีสิทธิดีกว่าผู้อื่นต่อไปดังนั้น การที่โจทก์ให้ บ. เช่าที่สาธารณสมบัติของแผ่นดินที่โจทก์ยึดถือครอบครองไป จึงเป็นการมอบการยึดถือครอบครองให้แก่ บ. โจทก์ย่อมไม่มีอำนาจฟ้องขับไล่จำเลยผู้ยึดถือครอบครองที่ดินดังกล่าวสืบต่อจาก บ. ได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2649-2660/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิครอบครองที่ดินของรัฐ: การเข้าครอบครองหลัง พ.ร.บ.ที่ดินใช้บังคับ และการครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต
ที่พิพาทเป็นที่ดินของรัฐ อันบุคคลอาจได้มาซึ่งกรรมสิทธิ์หรือสิทธิครอบครองตามประมวลกฎหมายที่ดิน โจทก์ได้เข้าครอบครองที่พิพาทภายหลังจากประมวลกฎหมายที่ดินใช้บังคับแล้ว จึงมิใช่ผู้ได้มาซึ่งสิทธิครอบครองในที่พิพาทก่อนวันที่ประมวลกฎหมายที่ดินใช้บังคับ และการยึดถือครอบครองของโจทก์ก็มิได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ จึงเป็นการยึดถือครอบครองโดยมิชอบด้วยกฎหมายแม้โจทก์จะแย่งการครอบครองที่พิพาทจากจำเลยเกินกว่า 1 ปีแล้ว และคงอยู่ตลอดมาจนถึงวันฟ้องก็ เป็นการเข้ายึดถือครอบครองที่ดินของรัฐโดยมิได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่เป็นการต้องห้ามตามประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา 9 โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องและหามีสิทธิที่จะขอห้ามจำเลยและบริวารเข้าเกี่ยวข้องกับที่ดินและขอให้จำเลยถอนคำขอที่ขอให้พนักงานเจ้าหน้าที่ออก น.ส.3 ก ได้ เพราะจำเลยมีสิทธิที่จะกระทำได้โดยชอบ เนื่องจากถือได้ว่าพนักงานเจ้าหน้าที่ได้อนุญาตให้จำเลยครอบครองที่พิพาทได้แล้ว เพียงแต่อยู่ในระหว่างดำเนินการเพื่อออกหลักฐานเกี่ยวกับสิทธิในที่ดินให้จำเลยเท่านั้น.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2649-2660/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิครอบครองที่ดินของรัฐ: การครอบครองก่อน/หลังประมวลกฎหมายที่ดิน และการขอออก น.ส.3ก.
ที่พิพาทเป็นที่ดินของรัฐ อันบุคคลอาจได้มาซึ่งกรรมสิทธิ์หรือสิทธิครอบครองตามประมวลกฎหมายที่ดิน โจทก์ได้เข้าครอบครองที่พิพาทภายหลังจากประมวลกฎหมายที่ดินใช้บังคับแล้ว จึงมิใช่ผู้ได้มาซึ่งสิทธิครอบครองในที่พิพาทก่อนวันที่ประมวลกฎหมายที่ดินใช้บังคับ และการยึดถือครอบครองของโจทก์ก็มิได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ จึงเป็นการยึดถือครอบครองโดยมิชอบด้วยกฎหมายแม้โจทก์จะแย่งการครอบครองที่พิพาทจากจำเลยเกินกว่า 1 ปีแล้ว และคงอยู่ตลอดมาจนถึงวันฟ้องก็เป็นการเข้ายึดถือครอบครองที่ดินของรัฐโดยมิได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่เป็นการต้องห้ามตามประมวลกฎหมายที่ดินมาตรา 9 โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องและหามีสิทธิที่จะขอห้ามจำเลยและบริวารเข้าเกี่ยวข้องกับที่ดินและขอให้จำเลยถอนคำขอที่ขอให้พนักงานเจ้าหน้าที่ออก น.ส.3 ก ได้ เพราะจำเลยมีสิทธิที่จะกระทำได้โดยชอบ เนื่องจากถือได้ว่าพนักงานเจ้าหน้าที่ได้อนุญาตให้จำเลยครอบครองที่พิพาทได้แล้ว เพียงแต่อยู่ในระหว่างดำเนินการเพื่อออกหลักฐานเกี่ยวกับสิทธิในที่ดินให้จำเลยเท่านั้น.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2113-2114/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิครอบครองที่ดินเช่า: การครอบครองโดยอาศัยสิทธิการเช่าของผู้อื่น ไม่ถือเป็นการครอบครองโดยตนเองและไม่สามารถอ้างสิทธิยันเจ้าของที่ดินได้
ที่ดินที่ ส. เช่าและให้จำเลยที่ 2 ผู้เป็นบุตรปลูกบ้านอยู่ เป็นที่ดินซึ่งอยู่ติดกับที่ดินของโจทก์ด้านทิศเหนือ แม้ที่ดินเฉพาะตรงที่จำเลยที่ 2 ปลูกบ้านอยู่นี้จะเป็นที่ดินนอกโฉนดของโจทก์แต่ก็เป็นที่ดินที่โจทก์มีสิทธิครอบครอง และ ส.ก็ยอมรับสิทธิของ ม.ผู้ซึ่งครอบครองที่ดินแทนโจทก์โดยการทำสัญญาเช่าที่ดินดังกล่าวจาก ม.ทั้งการที่จำเลยที่ 2 ปลูกบ้านอยู่ก็โดยอาศัยสิทธิการเช่าของ ส.จึงไม่อาจอ้างสิทธิครอบครองที่ดินพิพาทส่วนนี้ยันโจทก์ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2113-2114/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิครอบครองที่ดินเช่า: การครอบครองโดยอาศัยสิทธิเช่าของผู้อื่น ไม่อาจอ้างสิทธิครอบครองยันเจ้าของที่ดินได้
ที่ดินที่ ส. เช่าและให้จำเลยที่ 2 ผู้เป็นบุตรปลูกบ้านอยู่ เป็นที่ดินซึ่งอยู่ติดกับที่ดินของโจทก์ด้านทิศเหนือแม้ที่ดินเฉพาะตรงที่จำเลยที่ 2 ปลูกบ้านอยู่นี้จะเป็นที่ดินนอกโฉนดของโจทก์แต่ก็เป็นที่ดินที่โจทก์มีสิทธิครอบครอง และ ส.ก็ยอมรับสิทธิของ ม.ผู้ซึ่งครอบครองที่ดินแทนโจทก์โดยการทำสัญญาเช่าที่ดินดังกล่าวจาก ม.ทั้งการที่จำเลยที่ 2 ปลูกบ้านอยู่ก็โดยอาศัยสิทธิการเช่าของ ส.จึงไม่อาจอ้างสิทธิครอบครองที่ดินพิพาทส่วนนี้ยันโจทก์ได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1966/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ที่ดินสาธารณสมบัติ โจทก์ไม่มีสิทธิฟ้องขับไล่ จำเลยผู้ครอบครองมีสิทธิดีกว่า
ที่ดินพิพาทเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินที่ประชาชนใช้ร่วมกันโจทก์จะอ้างความเป็นเจ้าของหรือสิทธิครอบครองเหนือที่ดินพิพาทไม่ได้เมื่อจำเลยที่ 2 เป็นผู้ครอบครองที่ดินพิพาทอยู่ จำเลยที่ 2 ย่อมมีสิทธิในที่ดินนั้นดีกว่าโจทก์ โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องขับไล่จำเลยทั้งสอง.(ที่มา-ส่งเสริม)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1254/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ที่ดินสาธารณะต้องปฏิบัติตามกม.หวงห้าม หากไม่ปฏิบัติตามสิทธิเดิมของผู้ครอบครองยังคงอยู่
คำว่า "ที่ดินรกร้างว่างเปล่า" ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1304(1)ตรงกับคำว่า "ที่ดินรกร้างว่างเปล่าอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน"ตาม พ.ร.บ. ว่าด้วยการหวงห้ามที่ดินรกร้างว่างเปล่าอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน พ.ศ. 2478 การดำเนินการจัดหาที่ดินรกร้างว่างเปล่าอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินทำเป็นที่สาธารณะประจำตำบล และหมู่บ้านตามหนังสือของกระทรวงมหาดไทยถึงคณะกรรมการจังหวัดทุกจังหวัดนั้น จะต้องปฏิบัติตาม พ.ร.บ. ดังกล่าวกล่าวคือต้องออกเป็นพระราชกฤษฎีกาและประกาศในราชกิจจานุเบกษาเมื่อไม่ปรากฏว่า ได้มีการดำเนินการตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการหวงห้ามที่ดินรกร้างว่างเปล่าอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินฯ ซึ่งมีผลบังคับอยู่ในขณะนั้นแม้จะได้มีการขึ้นทะเบียนที่พิพาทเป็นที่สาธารณะประจำหมู่บ้าน ก็ไม่มีผลให้ที่พิพาทเป็นที่สาธารณะประจำหมู่บ้านไปได้ โจทก์เข้าครอบครองที่พิพาทก่อนประกาศใช้ประมวลกฎหมายที่ดิน ทางราชการได้ออกใบเหยียบย่ำให้ เมื่อประกาศใช้ ป.ที่ดินโจทก์ได้แจ้งการครอบครองไว้แล้ว ทั้งยังครอบครองตลอดมา ที่พิพาทจึงเป็นสิทธิของโจทก์.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 976/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การมีชื่อใน ส.ค.1 ไม่ถือเป็นการครอบครองที่ดิน สิทธิครอบครองต้องมาจากการเข้าครอบครองจริง
การที่โจทก์เพียงแต่มีชื่ในแบบแจ้งการครอบครอง (ส.ค.1) นั้น ไม่เป็นเหตุให้โจทก์มีสิทธิครอบครองในที่พิพาทได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 976/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิครอบครองที่ดิน ส.ค.1 การมีชื่อในเอกสารไม่เพียงพอต่อการได้สิทธิ หากไม่ได้ครอบครองร่วมกับผู้ให้
โจทก์ไม่ได้เข้าครอบครองที่พิพาทร่วมกับจำเลยการที่โจทก์มีชื่อในแบบแจ้งการครอบครอง (ส.ค.1)ไม่เป็นเหตุให้โจทก์มีสิทธิครอบครองในที่พิพาทได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 659/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิครอบครองที่ดินสาธารณสมบัติ: สิทธิของผู้ครอบครองดีกว่าผู้สละสิทธิ และขอบเขตการห้ามเกี่ยวข้อง
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์มีสิทธิครอบครองที่พิพาท ขอให้พิพากษาว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ ห้ามจำเลยเกี่ยวข้อง เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่า ที่พิพาทเป็นที่สาธารณสมบัติของแผ่นดินประเภทสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1304 (2) โจทก์เป็นผู้ครอบครองจึงมีสิทธิดีกว่าจำเลย ส่วนที่โจทก์ขอให้ห้ามจำเลยเกี่ยวข้องนั้น ไม่อาจห้ามจำเลยเกี่ยวข้องเสียทั้งหมดได้เพราะจะเป็นการขัดวัตถุประสงค์ของการใช้สาธารณสมบัติของแผ่นดินประเภทนี้จะห้ามได้เฉพาะกรณีที่เข้าไปเกี่ยวข้องโดยที่มิได้เป็นไปเพื่อการใช้ที่ดินตามวัตถุประสงค์ของสาธารณสมบัติของแผ่นดินเท่านั้น