คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ครอบครองปรปักษ์

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,380 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4515-4516/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองปรปักษ์และการมอบอำนาจฟ้องคดีที่ไม่ชอบ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยประเด็นอำนาจฟ้องที่ไม่เคยยกขึ้นในชั้นอุทธรณ์
ข้อกฎหมายที่โจทก์ยกขึ้นอ้างอิงในชั้นฎีกาว่า การมอบอำนาจให้ฟ้องคดีของจำเลยไม่ชอบเพราะจำเลยอายุเกิน ๗๐ ปีแล้ว แต่ไม่มีผู้รับรองว่าจำเลยยังมีสติรู้ผิดชอบนั้นเป็นข้อกฎหมายที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลอุทธรณ์ แม้จำเลยอาจยกขึ้นฎีกาได้เนื่องจากเป็นปัญหาอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน แต่เมื่อศาลฎีกาเห็นว่าข้อกฎหมายดังกล่าวมิใช่ข้อกฎหมายที่เป็นสาระแก่คดีอันควรได้รับการวินิจฉัยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา ๒๔๙ วรรคแรก ศาลฎีกามีอำนาจไม่รับวินิจฉัย
บิดาโจทก์ขายห้องแถวพิพาทให้แก่จำเลยตั้งแต่ปี พ.ศ.๒๔๘๗ และจำเลยได้ครอบครองโดยความสงบและเปิดเผยด้วยเจตนาเป็นเจ้าของตลอดมาเป็นเวลาเกินกว่าสิบปีแม้การซื้อขายมิได้จดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ ตกเป็นโมฆะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๔๕๖ ห้องแถวพิพาทย่อมตกเป็นกรรมสิทธิ์ของจำเลยด้วยการครอบครองปรปักษ์แล้ว ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๓๘๒ และแม้จำเลยเป็นบุคคลต่างด้าว แต่จำเลยซื้อเฉพาะตัวห้องแถว ไม่มีกฎหมายห้ามบุคคลต่างด้าวเป็นเจ้าของห้องแถว จำเลยย่อมมีสิทธิซื้อห้องแถวดังกล่าว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4515-4516/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองปรปักษ์, อำนาจฟ้อง, และการมอบอำนาจที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย
ข้อกฎหมายที่โจทก์ยกขึ้นอ้างอิงในชั้นฎีกาว่า การมอบอำนาจให้ฟ้องคดีของจำเลยไม่ชอบเพราะจำเลยอายุเกิน 70 ปีแล้ว แต่ไม่มีผู้รับรองว่าจำเลยยังมีสติรู้ผิดชอบนั้นเป็นข้อกฎหมายที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลอุทธรณ์ แม้จำเลยอาจยกขึ้นฎีกาได้เนื่องจากเป็นปัญหาอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน แต่เมื่อศาลฎีกาเห็นว่าข้อกฎหมายดังกล่าวมิใช่ข้อกฎหมายที่เป็นสาระแก่คดีอันควรได้รับการวินิจฉัยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 249 วรรคแรก ศาลฎีกามีอำนาจไม่รับวินิจฉัย
บิดาโจทก์ขายห้องแถวพิพาทให้แก่จำเลยตั้งแต่ปี พ.ศ.2487 และจำเลยได้ครอบครองโดยความสงบและเปิดเผยด้วยเจตนาเป็นเจ้าของตลอดมาเป็นเวลาเกินกว่าสิบปีแม้การซื้อขายมิได้จดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ ตกเป็นโมฆะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 456 ห้องแถวพิพาทย่อมตกเป็นกรรมสิทธิ์ของจำเลยด้วยการครอบครองปรปักษ์แล้ว ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1382 และแม้จำเลยเป็นบุคคลต่างด้าว แต่จำเลยซื้อเฉพาะตัวห้องแถว ไม่มีกฎหมายห้ามบุคคลต่างด้าวเป็นเจ้าของห้องแถว จำเลยย่อมมีสิทธิซื้อห้องแถวดังกล่าว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3022/2533 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเปลี่ยนแปลงลักษณะการยึดถือทรัพย์สินและการครอบครองปรปักษ์ กรณีเจ้าของทรัพย์สินฟ้องขับไล่
ในชั้นอุทธรณ์ จำเลยอ้างแต่เพียงว่า จำเลยได้ครอบครองทรัพย์พิพาทอย่างเป็นเจ้าของมาตั้งแต่วันที่โจทก์ยกทรัพย์พิพาทให้จำเลยไม่ได้อ้างว่าจำเลยเปลี่ยนลักษณะแห่งการยึดถือ การที่จำเลยฎีกาว่าจำเลยเป็นฝ่ายครอบครองทรัพย์พิพาททั้งหมด ต่อมาโจทก์จำเลยทะเลาะกันจำเลยไล่โจทก์ออกจากบ้านซึ่งเป็นทรัพย์พิพาทชิ้น หนึ่ง พฤติการณ์ดังกล่าวถือได้ว่าจำเลยเปลี่ยนลักษณะแห่งการยึดถือทรัพย์พิพาทจำเลยจึงได้กรรมสิทธิ์ในทรัพย์พิพาทโดยการครอบครองนั้น จึงเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากล่าวกันมาแล้วในศาลอุทธรณ์ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย เมื่อกรรมสิทธิ์ในทรัพย์พิพาทยังเป็นของโจทก์อยู่ จำเลยไม่มีสิทธินำทรัพย์นั้นไปจำหน่ายจ่ายโอนได้ คำพิพากษาตามสัญญาประนีประนอมยอมความที่จำเลยนำทรัพย์พิพาทไปตีใช้หนี้ให้แก่บิดาจำเลยไม่ผูกพันโจทก์ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกและเป็นเจ้าของทรัพย์พิพาทโจทก์จึงฟ้องให้จำเลยออกไปจากบ้านพิพาทและส่งมอบทรัพย์พิพาทให้แก่โจทก์ได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2983/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองปรปักษ์ในที่ดินมรดก: ต้องเป็นการครอบครองเพื่อตนเอง และระยะเวลา 10 ปีนับจากวันที่ครอบครอง
ที่ดินมรดกซึ่งมีผู้จัดการมรดกตามคำสั่งของศาลนั้น เมื่อยังรับฟังไม่ได้ว่าได้มีการแบ่งแยกกันครอบครองเป็นสัดส่วน ต้องฟังว่าที่ดินมรดกยังอยู่ในระหว่างจัดการมรดกและถือว่าบรรดาทายาทที่ครอบครองที่ดินแปลงนี้อยู่ซึ่งรวมทั้งผู้ร้องที่ 1 เป็นการครอบครองแทนทายาทอื่นด้วย หาใช่ครอบครองเพื่อตนเองไม่ ดังนั้น ผู้ร้องที่ 1จึงไม่ได้กรรมสิทธิ์ที่ดินมรดกโดยการครอบครองปรปักษ์ แม้ผู้ร้องที่ 2 ได้ซื้อที่ดินมรดกซึ่งรวมทั้งที่ดินพิพาทจากผู้ร้องที่ 1 โดยทำสัญญาซื้อขายกันเอง และผู้ร้องที่ 2 ครอบครองอย่างเป็นเจ้าของตลอดมา แต่นับถึงวันยื่นคำร้องคดีนี้ยังไม่ถึง 10ปี ดังนี้ ผู้ร้องที่ 2 ยังไม่ได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทโดยการครอบครองปรปักษ์.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2978/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองปรปักษ์ - สิทธิในที่ดิน - การซื้อขายจากผู้ไม่มีสิทธิ - เจ้าของที่แท้จริง
จำเลยที่ 1 นำเอาที่พิพาทของโจทก์ไปขอออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส. 3ก.) เป็นชื่อของตน และโอนขายที่พิพาทไป 2 แปลงแก่จำเลยที่ 2 โดยโจทก์มิได้รู้เห็นยินยอม ที่จำเลยที่ 2 ซื้อที่พิพาทดังกล่าวเท่ากับซื้อไปจากผู้ที่ไม่มีสิทธิจะขาย แม้จำเลยที่ 2 จะซื้อด้วยความสุจริตเสียค่าตอบแทนและครอบครองที่พิพาทไว้ ก็ไม่ผูกพันโจทก์ผู้เป็นเจ้าของแท้จริงและจะครอบครองไว้นานสักเพียงใด ก็เป็นการครอบครองแทนโจทก์ผู้เป็นเจ้าของอยู่ตราบนั้นจำเลยที่ 2 ไม่มีสิทธิในที่พิพาทดังกล่าว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2978/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองปรปักษ์: การซื้อที่ดินจากผู้ไม่มีสิทธิ ไม่ทำให้เกิดสิทธิแก่ผู้ซื้อ แม้จะสุจริตและครอบครองต่อเนื่อง
จำเลยที่ 1 นำเอาที่พิพาทของโจทก์ไปขอออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส. 3ก.) เป็นชื่อของตน และโอนขายที่พิพาทไป2 แปลงแก่จำเลยที่ 2 โดยโจทก์มิได้รู้เห็นยินยอม ที่จำเลยที่ 2ซื้อที่พิพาทดังกล่าวเท่ากับซื้อไปจากผู้ที่ไม่มีสิทธิจะขาย แม้จำเลยที่ 2 จะซื้อด้วยความสุจริตเสียค่าตอบแทนและครอบครองที่พิพาทไว้ ก็ไม่ผูกพันโจทก์ผู้เป็นเจ้าของแท้จริงและจะครอบครองไว้นานสัก เพียงใด ก็เป็นการครอบครองแทนโจทก์ผู้เป็นเจ้าของอยู่ตราบนั้นจำเลยที่ 2 ไม่มีสิทธิในที่พิพาทดังกล่าว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 26/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองปรปักษ์ต้องปราศจากสิทธิของเจ้าของที่ดิน แม้ครอบครองเกิน 10 ปีก็ไม่เกิดกรรมสิทธิ์ และการได้รับอนุญาตคนอนาถายังต้องรับผิดค่าฤชาธรรมเนียม
ผู้ร้องเข้าอยู่ในที่ดินพิพาทโดย อาศัยสิทธิของเจ้าของที่ดินแม้ครอบครองเป็นเวลาเกิน 10 ปี ก็หาได้ กรรมสิทธิ์โดย การครอบครองปรปักษ์ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1382 ไม่ การได้ รับอนุญาตให้ดำเนินคดีอย่างคนอนาถาโดย ไม่ ต้องเสียค่าธรรมเนียมในการดำเนินคดีในศาลนั้น เป็นคนละเรื่องกับความรับผิดของคู่ความฝ่ายแพ้คดีที่จะต้อง ชำระค่าฤชาธรรมเนียมแทน คู่ความอีกฝ่ายหนึ่ง แม้ผู้ร้องจะได้ รับอนุญาตให้ดำเนินคดีอย่างคนอนาถา แต่ เมื่อผู้ร้องเป็นฝ่ายแพ้คดี ศาลก็ชอบที่จะพิพากษา ให้ผู้ร้องใช้ ค่าฤชาธรรมเนียมแทนผู้คัดค้านได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2530/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขัดทรัพย์และการครอบครองปรปักษ์: ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยข้อที่ไม่ได้ยกขึ้นในศาลชั้นต้น
ข้อที่ผู้ร้องขัดทรัพย์ฎีกาว่าผู้ร้องครอบครองที่ดินพิพาทอย่างเป็นเจ้าของโดยความสงบเปิดเผยเพื่อตนเป็นเวลากว่า 10 ปีจึงอยู่ในฐานะที่เป็นผู้มีสิทธิจดทะเบียนได้ตลอดเวลาและทายาทอื่นหมดสิทธิไปแล้ว ภายหลังเจ้ามรดกตาย ไปกว่า 1 ปีซึ่งศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์มิได้ยกขึ้นวินิจฉัยนั้น เมื่อผู้ร้องมิได้กล่าวไว้ในคำร้องขัดทรัพย์ จึงเป็นข้อที่มิได้ว่ากล่าวกันมาแล้วในศาลชั้นต้นศาลฎีกาย่อมไม่รับวินิจฉัย.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2371/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การได้กรรมสิทธิ์โดยการครอบครองปรปักษ์หลังสละสิทธิครอบครองและการเข้าครอบครองโดยสงบและเปิดเผย
ผู้คัดค้านได้ทำหนังสือสัญญายกที่ดินมีโฉนดพร้อมทาวน์เฮาส์พิพาท ซึ่งผู้คัดค้านได้จำนองไว้กับธนาคารให้ผู้ร้อง โดยระบุว่าเมื่อผู้ร้องผ่อนชำระหนี้จำนองต่อธนาคารครบ 120 เดือนแล้วผู้คัดค้านจะโอนโฉนดให้แก่ผู้ร้องทันที เมื่อผู้ร้องได้รับสัญญาให้พร้อมกุญแจเข้าบ้านแล้ว วันรุ่งขึ้นผู้ร้องและครอบครัวได้เข้าไปทำความสะอาดและซ่อมแซมทาวน์เฮาส์ พิพาท ต่อมาผู้ร้องได้เข้าไปอยู่เองบ้างให้ผู้อื่นเช่าบ้างตลอดมา โดยผู้คัดค้านมิได้เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ดังนี้แสดงว่าผู้คัดค้านสละสิทธิครอบครองที่ดินและทาวน์เฮาส์ พิพาทให้ผู้ร้องโดยเด็ดขาดแล้วตั้งแต่วันทำสัญญาให้ แม้ปรากฏว่าหลังจากนั้นผู้คัดค้านได้มีหนังสือยอมให้ผู้ร้องเข้าอยู่อาศัยในทาวน์เฮาส์ ไปถึงนายทะเบียนเขตบางเขนก็ไม่เกี่ยวกับสิทธิครอบครองของผู้ร้องที่มีอยู่แล้ว เพราะเมื่อผู้คัดค้านสละสิทธิครอบครองให้ผู้ร้องแล้ว ผู้ร้องยังไม่มีหลักฐานการเป็นเจ้าของที่ดินและทาวน์เฮาส์ จึงจำเป็นต้องมีหนังสือยินยอมเพื่อย้ายทะเบียนบ้านเข้าไปอยู่เท่านั้น เมื่อผู้ร้องได้เข้าครอบครองที่ดินและทาวน์เฮาส์ พิพาทโดยความสงบและโดยเปิดเผยด้วยเจตนาเป็นเจ้าของติดต่อกันมาเป็นเวลาเกิน 10 ปี ผู้ร้องจึงได้กรรมสิทธิ์ ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1382.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2369/2533 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาครอบครองที่ดินสำคัญกว่าระยะเวลา การครอบครองปรปักษ์ต้องมีเจตนาเป็นเจ้าของ
ที่ดินของผู้ร้องและผู้คัดค้านอยู่ติดกัน ที่พิพาทมีเนื้อที่9.6 ตารางเมตร อยู่ในเขตที่ดินของผู้คัดค้าน ในวันที่เจ้าพนักงานที่ดินไปรังวัดที่พิพาท ผู้ร้องกับผู้คัดค้านได้ตกลงกันว่าในขณะนั้นยังไม่ทราบว่าฝ่ายใดรุกล้ำของฝ่ายใด หากเจ้าพนักงานที่ดินรังวัดแล้ว ปรากฏว่าฝ่ายใดรุกล้ำก็ให้คืนให้แก่อีกฝ่ายหนึ่ง แสดงว่าผู้ร้องมีเจตนาจะครอบครองที่ดินเฉพาะที่เป็นของผู้ร้องจริง ๆเท่านั้น หากเป็นของบุคคลอื่นผู้ร้องก็ไม่มีเจตนาที่จะครอบครองและยึดถือเป็นของผู้ร้อง เมื่อผู้ร้องไม่มีเจตนาที่จะครอบครองและยึดถือที่ดินของผู้คัดค้านเป็นของผู้ร้อง แม้ผู้ร้องจะครอบครองโดยความสงบและเปิดเผยเป็นเวลาเกินกว่า 10 ปี ผู้ร้องก็ไม่ได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาท.
of 138