พบผลลัพธ์ทั้งหมด 831 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 73-74/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิในการฟ้องคดีแบ่งที่ดิน แม้ขาดนัดยื่นคำให้การในคดีเดิม การใช้สิทธิโดยสุจริต
ฮ. ฟ้อง อ. และ บ. เป็นจำเลยว่า ฮ. อ. บ. เป็นเจ้าของที่พิพาทร่วมกัน ขอให้บังคับให้ อ. และ บ. แบ่งที่ดินส่วนของ ฮ. ให้แก่ ฮ. บ. จำเลยให้การต่อสู้ว่าที่พิพาทเป็นของ บ. แต่ผู้เดียว ส่วน อ. จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การแล้วกลับเป็นโจทก์ฟ้อง บ. เป็นคดีอีกสำนวนหนึ่งว่า อ. บ. และ ฮ. ได้ครอบครองที่พิพาทร่วมกันมา ที่ บ. ให้การในคดีแรกว่าที่พิพาทเป็นของบ. แต่ผู้เดียวนั้น เป็นการรบกวนสิทธิของ อ. อ. จึงขอให้พิพากษาแบ่งที่พิพาทให้แก่ อ. หนึ่งในสามส่วน ดังนี้ บ. จะหาว่าการที่ อ. ฟ้องตนนั้นเป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริตไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 417/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมสิทธิ์สิ่งปลูกสร้างบนที่ดินเช่า และสิทธิของเจ้าของรวมในการฟ้องคดี
เช่าที่ดินปลูกตึกโดยมีข้อสัญญาว่าให้ตึกเป็นของเจ้าของที่ดินเมื่อครบกำหนดสัญญาเช่าแล้ว ฉะนั้น เมื่อครบกำหนดการเช่า ตึกย่อมตกเป็นกรรมสิทธิ์ของเจ้าของที่ดินตามสัญญาในฐานะเป็นส่วนควบของที่ดินโดยไม่ต้องการโอนต่อกัน
ทรัพย์ที่มีบุคคลหลายคนเป็นเจ้าของร่วมกันนั้น การที่เจ้าของรวมคนหนึ่งใช้สิทธิบอกเลิกสัญญาและฟ้องคดีเกี่ยวกับทรัพย์สินนั้น ย่อมเป็นการใช้สิทธิอันเกิดแต่กรรมสิทธิ์ครอบไปถึงทรัพย์สินทั้งหมด เพื่อต่อสู้บุคคลภายนอกด้วย
ทรัพย์ที่มีบุคคลหลายคนเป็นเจ้าของร่วมกันนั้น การที่เจ้าของรวมคนหนึ่งใช้สิทธิบอกเลิกสัญญาและฟ้องคดีเกี่ยวกับทรัพย์สินนั้น ย่อมเป็นการใช้สิทธิอันเกิดแต่กรรมสิทธิ์ครอบไปถึงทรัพย์สินทั้งหมด เพื่อต่อสู้บุคคลภายนอกด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 417/2506
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมสิทธิ์ตึกหลังครบกำหนดเช่า และสิทธิเจ้าของร่วมในการฟ้องคดี
เช่าที่ดินปลูกตึกโดยมีข้อสัญญาว่าให้ตึกเป็นของเจ้าของที่ดินเมื่อครบกำหนดเช่าแล้วฉะนั้น เมื่อครบกำหนดการเช่า ตึกย่อมตกเป็นกรรมสิทธิ์ของเจ้าของที่ดินตามสัญญาในฐานะเป็นส่วนควบของที่ดินโดยไม่ต้องทำการโอนต่อกัน
ทรัพย์สินซึ่งมีบุคคลหลายคนเป็นเจ้าของร่วมกันนั้นการที่เจ้าของร่วมคนหนึ่งใช้สิทธิบอกเลิกสัญญาและฟ้องคดีเกี่ยวกับทรัพย์สินนั้นย่อมเป็นการใช้สิทธิอันเกิดแต่กรรมสิทธิ์ครอบไปถึงทรัพย์สินทั้งหมดเพื่อต่อสู้บุคคลภายนอกด้วย
ทรัพย์สินซึ่งมีบุคคลหลายคนเป็นเจ้าของร่วมกันนั้นการที่เจ้าของร่วมคนหนึ่งใช้สิทธิบอกเลิกสัญญาและฟ้องคดีเกี่ยวกับทรัพย์สินนั้นย่อมเป็นการใช้สิทธิอันเกิดแต่กรรมสิทธิ์ครอบไปถึงทรัพย์สินทั้งหมดเพื่อต่อสู้บุคคลภายนอกด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1962/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การถอนคำร้องทุกข์ไม่ทำให้คดีอาญาหยุดดำเนินการ หากผู้เสียหายฟ้องคดีเอง
การถอนคำร้องทุกข์ที่จะทำให้คดีระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 34(2) นั้นเป็นเรื่องเจตนาถอนเพื่อยกเลิกไม่เอาความแก่จำเลยต่อไป แต่การถอนคำร้องทุกข์โดยเหตุที่ผู้เสียหายได้ นำคดีมาฟ้องศาลเสียเอง หาทำให้คดีระงับไปไม่ คงระงับไปแต่เฉพาะเรื่องการร้องทุกข์ โดยศาลย่อมดำเนินคดีเสมือนว่าผู้เสียหายฟ้องคดีต่อศาลโดยไม่มีการร้องทุกข์มาก่อนเท่านั้นเอง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1962/2506
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การถอนคำร้องทุกข์ไม่กระทบสิทธิฟ้องคดี หากผู้เสียหายนำคดีขึ้นสู่ศาล
การถอนคำร้องทุกข์ที่จะทำให้คดีระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39(2) นั้น เป็นเรื่องเจตนาถอนเพื่อยกเลิกไม่เอาความแก่จำเลยต่อไป แต่การถอนคำร้องทุกข์โดยเหตุที่ผู้เสียหายได้นำคดีมาฟ้องศาลเสียเอง หาทำให้คดีระงับไปไม่ คงระงับไปแต่เฉพาะเรื่องการร้องทุกข์โดยศาลย่อมดำเนินคดีเสมือนว่าผู้เสียหายฟ้องคดีต่อศาลโดยไม่มีการร้องทุกข์มาก่อนเท่านั้นเอง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1668/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องคดีหมิ่นประมาทหลังควบคุมตัวผู้ต้องหาตามประกาศคณะปฏิวัติ การขอผัดฟ้อง/อนุญาตฟ้อง
เจ้าพนักงานจับจำเลยฐานดูหมิ่นเจ้าพนักงานซึ่งกระทำการตามหน้าที่ แล้วจำเลยถูกควบคุมตัวในฐานเป็นบุคคลอันธพาลประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ 21 ได้ 24 วัน โจกท์นำจำเลยมาฟ้องศาลแขวงอุดรธานีในความผิดฐานหมิ่น เจ้าพนักงานได้โดยไม่ต้องขอผัดฟ้องหรือขออนุญาตฟ้องจากอธิบดีกรมอัยการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 139/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบอกกล่าวเลิกสัญญาเช่าต้องแจ้งล่วงหน้าอย่างน้อยหนึ่งเดือนก่อนฟ้องคดีจึงมีผล
จำเลยเช่าห้องของโจทก์โดยไม่มีหนังสือสัญญาเช่า ค่าเช่าคิดกันรายเดือนโดยถือเอาวันที่ 1 ของทุก ๆเดือนเป็นเกณฑ์ชำระ โจทก์บอกกล่าวเลิกสัญญาเช่ากับจำเลยในวันที่ 19 ตุลาคม 2502 แม้จะได้แจ้งไปในหนังสือบอกกล่าวด้วยว่าให้จำเลยขนย้ายออกไปภายในวันที่ 31 ตุลาคม 2502 น้อยกว่าเวลาที่กฎหมายกำหนดไว้ เมื่อจำเลยไม่ยอมออกจนเกินระยะเวลาที่กฎหมายกำหนดไว้แล้ว และโจทก์เพิ่งฟ้องจำเลยเมื่อวันที่ 5 มกราคม 2503 คำบอกกล่าวของโจทก์มีผลใช้ด้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชญื มาตรา 566
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1233/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เขตอำนาจศาล: การฟ้องคดีที่มีจำเลยมีถิ่นที่อยู่สองแห่ง ศาลมีอำนาจพิจารณาได้
แม้จำเลยจะอ้างว่าได้ย้ายภูมิลำเนาไปอยู่จังหวัดพระนครแล้วก่อนโจทก์ฟ้อง 8 วันก็ดี หากมีหลักฐานแสดงอยู่ว่าจำเลยยังคงมีบ้านและถิ่นที่อยู่ที่จังหวัดเชียงใหม่ดังเดิม ด้วย ย่อมถือได้ว่าจำเลยมีถิ่นที่อยู่สองแห่ง คือ ทั้งที่เชียงใหม่ และจังหวัดพระนคร ซึ่งโจทก์ย่อมถือเอาแห่งใดแห่งหนึ่งว่าเป็นภูมิลำเนาของจำเลยและยื่นฟ้องจำเลยต่อศาลแขวงเชียงใหม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1233/2506
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ภูมิลำเนาจำเลย - การฟ้องคดีเมื่อจำเลยมีถิ่นที่อยู่สองแห่ง ศาลมีอำนาจพิจารณาได้
แม้จำเลยจะอ้างว่าได้ย้ายภูมิลำเนาไปอยู่จังหวัดพระนครแล้วก่อนโจทก์ฟ้อง 8 วันก็ดี หากมีหลักฐานแสดงอยู่ว่าจำเลยยังคงมีบ้านและถิ่นที่อยู่ที่จังหวัดเชียงใหม่ดังเดิมด้วย ย่อมถือได้ว่าจำเลยมีถิ่นที่อยู่สองแห่งคือ ทั้งที่เชียงใหม่และจังหวัดพระนครซึ่งโจทก์ย่อมถือเอาแห่งใดแห่งหนึ่งว่าเป็นภูมิลำเนาของจำเลยและยื่นฟ้องจำเลยต่อศาลแขวงเชียงใหม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1184/2506
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแก้ไขข้อบกพร่องการฟ้องคดีโดยการแต่งทนายใหม่หลังยื่นฟ้องแล้ว เพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม
ในชั้นยื่นคำฟ้องนั้น แม้กรรมการของบริษัทจำกัดแต่เพียงผู้เดียวลงชื่อแต่งทนายความ เป็นการไม่ถูกต้องตามข้อบังคับของบริษัทก็ดี หากภายหลังได้มีการแต่งทนายใหม่โดยกรรมการของบริษัทจำกัดนั้นลงชื่อประทับตราถูกต้องครบถ้วนตามข้อบังคับแล้ว ศาลก็มีอำนาจอนุญาตให้มีการแก้ไขข้อบกพร่องเพื่อให้ฟ้องนั้นสมบูรณ์ได้ตามที่เห็นสมควร เพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม และอำนาจอนุญาตให้มีการแก้ไขนี้ก็ต้องเป็นเวลาภายหลังที่ได้ยื่นฟ้องแล้วเป็นธรรมดา (ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 12/2506)