พบผลลัพธ์ทั้งหมด 691 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 540/2512
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หลอดแก้วบรรจุยาฉีดเป็นสินค้าสำเร็จรูปตามประมวลรัษฎากรมาตรา 77 แม้โรงงานจะนำไปบรรจุยา
หลอดแก้วซึ่งสั่งมาจากต่างประเทศเพื่อให้โรงงานผลิตยาใช้สำหรับบรรจุยาฉีดนั้น. เป็นสินค้าสำเร็จรูปตามความหมายแห่งประมวลรัษฎากร มาตรา 77. เพราะใช้บรรจุยาฉีดได้ทันที.โดยไม่ต้องเปลี่ยนหรือดัดแปลงหรือนำไปผสมกับสิ่งอื่นก่อน.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1690/2512 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สินค้าสำเร็จรูป vs. วัตถุดิบทางภาษี: หัวน้ำมันหอมเป็นสินค้าสำเร็จรูปหรือไม่ และอัตรากำไรมาตรฐานที่ถูกต้องคืออะไร
สินค้าสำเร็จรูปตามความหมายแห่งประมวลรัษฎากร มาตรา 77 หมายถึงสิ่งใด ๆ ซึ่งอาจใช้อุปโภคหรือบริโภคไดทันทีโดยไม่ต้องเอาสิ่งนั้นไปปรุงแต่งเปลี่ยนแปลงหรือผสมกับสิ่งใดอีก การพิจารณาว่าสิ่งใดอาจใช้สอยได้ทันทีหรือไม่ต้องพิจารณาจากการใช้ในสภาพปกติ เพราะวัตถุไม่สำเร็จรูปก็อาจใช้ได้ทันทีเหมือนกัน หากเป็นการใช้ในสภาพของวัตถุไม่สำเร็จรูป โดยต้องมีการเปลี่ยนแปลงหรือผสมกับสิ่งอื่นเสียก่อนจนเปลี่ยนจากสภาพปกติหรือสภาพเดิม ย่อมถือไม่ได้ว่าเป็นสินค้าสำเร็จรูป
หัวน้ำหอม ซึ่งสั่งจากต่างประเทศเพื่อใช้แต่งกลิ่นวัตถุอื่น ตามสภาพไม่อาจใช้อุปโภคบริโภคได้ทันที การใช้ทาผิวหนังเกิดโทษ อาจเป็นผื่นคันระคายแก่ผิวหนัง การใช้อบวัตถุก็มีความระเหยเร็ว ไม่ได้ประโยชน์เท่าที่ควร ดังนี้ย่อมไม่เป็นสินค้าสำเร็จรูป
ชั้นชี้สองสถานศาลชั้นต้นกำหนดประเด็นว่า ในเรื่องอัตรากำไรมาตรฐานโจทก์ได้อุทธรณ์คัดค้านการประเมินต่อคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์หรือไม่ โจทก์มีอำนาจฟ้องในประเด็นข้อนี้หรือไม่ แล้วมีคำสั่งว่าจำเลยให้การรับตามฟ้องของโจทก์แล้ว่า โจทก์ได้อุทธรณ์คดค้านการประเมินแล้ว โจทก์จึงมีอำนาจฟ้อง ยุติไม่ต้องสืบพยานในข้อนี้ คำสั่งศาลชั้นต้นดังกล่าวเป็นคำสั่งระหว่างพิจารณาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 226 เพราะศาลชั้นต้นถือว่า จำเลยรับข้อเท็จจริงตามฟ้องไม่จำต้องสืบพยาน มิใช่คำสั่งชี้ขาดเบื้องต้นในปัญหาข้อกฎหมายตาม มาตรา 24 ซึ่งอยู่ในบังคับแห่งมาตรา 228 ดังนั้นเมื่อจำเลยมิได้แถลงโต้แย้งไว้ย่อมไม่มีสิทธิยกประเด็นข้อนี้ขึ้นอุทธรณ์ฎีกา
หัวน้ำมันหอมผสมโดยสภาพมีกลิ่นหอม นับได้ว่าเป็นเครื่องหอมชนิดหนึ่งจึงต้องใช้อัตรากำไรมาตรฐานคำนวณรายรับเพื่อเสียภาษีการค้าอย่างเดียวกันหัวน้ำหอมหรือเครื่องหอม ตามบัญชีอัตรากำไรมาตรฐาน 9 ท้ายประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีการค้าฉบับที่ 4 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยฉบับที่ 5 ข้อ 12
หัวน้ำหอม ซึ่งสั่งจากต่างประเทศเพื่อใช้แต่งกลิ่นวัตถุอื่น ตามสภาพไม่อาจใช้อุปโภคบริโภคได้ทันที การใช้ทาผิวหนังเกิดโทษ อาจเป็นผื่นคันระคายแก่ผิวหนัง การใช้อบวัตถุก็มีความระเหยเร็ว ไม่ได้ประโยชน์เท่าที่ควร ดังนี้ย่อมไม่เป็นสินค้าสำเร็จรูป
ชั้นชี้สองสถานศาลชั้นต้นกำหนดประเด็นว่า ในเรื่องอัตรากำไรมาตรฐานโจทก์ได้อุทธรณ์คัดค้านการประเมินต่อคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์หรือไม่ โจทก์มีอำนาจฟ้องในประเด็นข้อนี้หรือไม่ แล้วมีคำสั่งว่าจำเลยให้การรับตามฟ้องของโจทก์แล้ว่า โจทก์ได้อุทธรณ์คดค้านการประเมินแล้ว โจทก์จึงมีอำนาจฟ้อง ยุติไม่ต้องสืบพยานในข้อนี้ คำสั่งศาลชั้นต้นดังกล่าวเป็นคำสั่งระหว่างพิจารณาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 226 เพราะศาลชั้นต้นถือว่า จำเลยรับข้อเท็จจริงตามฟ้องไม่จำต้องสืบพยาน มิใช่คำสั่งชี้ขาดเบื้องต้นในปัญหาข้อกฎหมายตาม มาตรา 24 ซึ่งอยู่ในบังคับแห่งมาตรา 228 ดังนั้นเมื่อจำเลยมิได้แถลงโต้แย้งไว้ย่อมไม่มีสิทธิยกประเด็นข้อนี้ขึ้นอุทธรณ์ฎีกา
หัวน้ำมันหอมผสมโดยสภาพมีกลิ่นหอม นับได้ว่าเป็นเครื่องหอมชนิดหนึ่งจึงต้องใช้อัตรากำไรมาตรฐานคำนวณรายรับเพื่อเสียภาษีการค้าอย่างเดียวกันหัวน้ำหอมหรือเครื่องหอม ตามบัญชีอัตรากำไรมาตรฐาน 9 ท้ายประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีการค้าฉบับที่ 4 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยฉบับที่ 5 ข้อ 12
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1295/2512 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลดอัตราภาษีเครื่องจักรทางการเกษตรและส่วนประกอบ: พิจารณาจากสภาพและประโยชน์ใช้สอย
รถแทรกเตอร์และสินค้าเครื่องอะไหล่ที่โจทก์สั่งจากต่างประเทศเข้ามารจำหน่ายในประเทศไทย จะเป็นเครื่องจักร ส่วนประกอบ และอุปกรณ์เครื่องจักรใช้ในการเกษตรและการอุตาหรรมหรือไม่ เป็นปัญหาข้อเท็จจริงซึ่งจะต้องพิจารณาจากสภาพของวัตถุสินค้านั้น ๆ ตลอดจนข้อเท็จจริงที่ว่าโจทก์สั่งรถแทรกเตอร์และสินค้านั้นมาจำหน่ายให้แก่ผู้ใด และผู้ซื้อซื้อไปใช้ในกิจการอย่างใด
รถแทรกเตอร์ขนาดเล็กเหมาะสมแก่งานไร่นาขนาดย่อม ผลิตขึ้นสำหรับใช้ในการทำไร่ไถนา มีที่นั่ง
เดียวสำหรับผู้ขับ ไม่มีสภาพเป็นยานพาหนะ โจทก์สั่งมาจำหน่ายแก่ชาวไร่และเคยขายให้แก่ทางราชการนำไปใช้ในการทำไร่ แสดงว่าเป็นเครื่องจักรที่ผลิตขึ้นสำหรับใช้ในการเกษตรโดยแท้ แต่เพื่อใช้ประโยชน์ได้หลายอย่าง จึงอาจเปลี่ยนอุปกรณ์ที่ใช้ได้ตามความต้องการเช่น จานไถ เครื่องคราดนา หากจะมีผู้นำรถแทรกเตอร์นี้ไปดัดแปลงใช้ในกิจการอื่นบ้าน ก็หาทำให้เปลี่ยนสภาพจากเครื่องจักรที่ใช้ในการเกษตรเป็นอื่นไม่ได้ จึงได้รับการลดอัตรารัษฎากรโดยเสียภาษีการค้าในอัตราเพียงร้อยละ 3 ของรายรับ
่ส่วนประกอบและอุปกรณ์ของเครื่องจักรใช้ในการเกษตรและการอุตสาหกรรมที่โจทก์สั่งเข้ามาสำรองไว้เพื่อจำหน่ายแก่ผู้ซื้อเครื่องจักรของโจทก์ไปใช้ในกรณีที่ส่วนประกอบและอุปกรณ์ซึ่งใช้อยู่เดิมสึกหรอหรือชำรุดเสียหาย อยู่ในข่ายที่จะได้ลดอัตรารัษฎากรเช่นเดียวกับตัวเครื่องจักร
รถแทรกเตอร์ขนาดเล็กเหมาะสมแก่งานไร่นาขนาดย่อม ผลิตขึ้นสำหรับใช้ในการทำไร่ไถนา มีที่นั่ง
เดียวสำหรับผู้ขับ ไม่มีสภาพเป็นยานพาหนะ โจทก์สั่งมาจำหน่ายแก่ชาวไร่และเคยขายให้แก่ทางราชการนำไปใช้ในการทำไร่ แสดงว่าเป็นเครื่องจักรที่ผลิตขึ้นสำหรับใช้ในการเกษตรโดยแท้ แต่เพื่อใช้ประโยชน์ได้หลายอย่าง จึงอาจเปลี่ยนอุปกรณ์ที่ใช้ได้ตามความต้องการเช่น จานไถ เครื่องคราดนา หากจะมีผู้นำรถแทรกเตอร์นี้ไปดัดแปลงใช้ในกิจการอื่นบ้าน ก็หาทำให้เปลี่ยนสภาพจากเครื่องจักรที่ใช้ในการเกษตรเป็นอื่นไม่ได้ จึงได้รับการลดอัตรารัษฎากรโดยเสียภาษีการค้าในอัตราเพียงร้อยละ 3 ของรายรับ
่ส่วนประกอบและอุปกรณ์ของเครื่องจักรใช้ในการเกษตรและการอุตสาหกรรมที่โจทก์สั่งเข้ามาสำรองไว้เพื่อจำหน่ายแก่ผู้ซื้อเครื่องจักรของโจทก์ไปใช้ในกรณีที่ส่วนประกอบและอุปกรณ์ซึ่งใช้อยู่เดิมสึกหรอหรือชำรุดเสียหาย อยู่ในข่ายที่จะได้ลดอัตรารัษฎากรเช่นเดียวกับตัวเครื่องจักร
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1295/2512
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ลดอัตราภาษีเครื่องจักรทางการเกษตรและส่วนประกอบ: ปัญหาการตีความสภาพสินค้าและวัตถุประสงค์การใช้งาน
รถแทรกเตอร์และสินค้าเครื่องอะไหล่ที่โจทก์สั่งจากต่างประเทศเข้ามาจำหน่ายในประเทศไทย จะเป็นเครื่องจักร. ส่วนประกอบและอุปกรณ์เครื่องจักรใช้ในการเกษตรและการอุตสาหกรรมหรือไม่.เป็นปัญหาข้อเท็จจริงซึ่งจะต้องพิจารณาจากสภาพของวัตถุสินค้านั้นๆ ตลอดจนข้อเท็จจริงที่ว่า.โจทก์สั่งรถแทรกเตอร์และสินค้านั้นมาจำหน่ายให้แก่ผู้ใด และผู้ซื้อซื้อไปใช้ในกิจการอย่างใด.
รถแทรกเตอร์ขนาดเล็กเหมาะสมแก่งานไร่นาขนาดย่อม ผลิตขึ้นสำหรับใช้ในการทำไร่ไถนา มีที่นั่งเดียวสำหรับผู้ขับ.ไม่มีสภาพเป็นยานพาหนะ. โจทก์สั่งมาจำหน่ายแก่ชาวไร่ และเคยขายให้แก่ทางราชการนำไปใช้ในการทำไร่. แสดงว่าเป็นเครื่องจักรที่ผลิตขึ้นสำหรับใช้ในการเกษตรโดยแท้ แต่เพื่อใช้ประโยชน์ได้หลายอย่าง. จึงอาจเปลี่ยนอุปกรณ์ที่ใช้ได้ตามความต้องการเช่นจานไถ เครื่องคราดนาหากจะมีผู้นำรถแทรกเตอร์นี้ไปดัดแปลงใช้ในกิจการอื่นบ้าง. ก็หาทำให้เปลี่ยนสภาพจากเครื่องจักรที่ใช้ในการเกษตรเป็นอื่นไปไม่. จึงได้รับการลดอัตรารัษฎากร โดยเสียภาษีการค้าในอัตราเพียงร้อยละ 3 ของรายรับ.
ส่วนประกอบและอุปกรณ์ของเครื่องจักรใช้ในการเกษตรและการอุตสาหกรรม.ที่โจทก์สั่งเข้ามาสำรองไว้เพื่อจำหน่ายแก่ผู้ซื้อเครื่องจักรของโจทก์ไปใช้ในกรณีที่ส่วนประกอบและอุปกรณ์. ซึ่งใช้อยู่เดิมสึกหรอหรือชำรุดเสียหาย อยู่ในข่ายที่จะได้ลดอัตรารัษฎากรเช่นเดียวกับตัวเครื่องจักร.
รถแทรกเตอร์ขนาดเล็กเหมาะสมแก่งานไร่นาขนาดย่อม ผลิตขึ้นสำหรับใช้ในการทำไร่ไถนา มีที่นั่งเดียวสำหรับผู้ขับ.ไม่มีสภาพเป็นยานพาหนะ. โจทก์สั่งมาจำหน่ายแก่ชาวไร่ และเคยขายให้แก่ทางราชการนำไปใช้ในการทำไร่. แสดงว่าเป็นเครื่องจักรที่ผลิตขึ้นสำหรับใช้ในการเกษตรโดยแท้ แต่เพื่อใช้ประโยชน์ได้หลายอย่าง. จึงอาจเปลี่ยนอุปกรณ์ที่ใช้ได้ตามความต้องการเช่นจานไถ เครื่องคราดนาหากจะมีผู้นำรถแทรกเตอร์นี้ไปดัดแปลงใช้ในกิจการอื่นบ้าง. ก็หาทำให้เปลี่ยนสภาพจากเครื่องจักรที่ใช้ในการเกษตรเป็นอื่นไปไม่. จึงได้รับการลดอัตรารัษฎากร โดยเสียภาษีการค้าในอัตราเพียงร้อยละ 3 ของรายรับ.
ส่วนประกอบและอุปกรณ์ของเครื่องจักรใช้ในการเกษตรและการอุตสาหกรรม.ที่โจทก์สั่งเข้ามาสำรองไว้เพื่อจำหน่ายแก่ผู้ซื้อเครื่องจักรของโจทก์ไปใช้ในกรณีที่ส่วนประกอบและอุปกรณ์. ซึ่งใช้อยู่เดิมสึกหรอหรือชำรุดเสียหาย อยู่ในข่ายที่จะได้ลดอัตรารัษฎากรเช่นเดียวกับตัวเครื่องจักร.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1125/2512 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ผู้รับประเมินภาษีต้องชำระค่าภาษีก่อนฟ้องคดี หากไม่พอใจการประเมินตามมาตรา 39
เมื่อเจ้าพนักงานแจ้งรายการประเมินภาษีตามพระราชบัญญัติภาษีโรงเรือนและที่ดิน พ.ศ. 2475 มาตรา 24 ไปยังผู้ใด บุคคลผู้นั้นก็ได้ชื่อว่าเป็นผู้รับประเมินโดยเป็นบุคคลผู้ถึงชำระค่าภาษีตามที่ประเมินมานั้น ถ้าไม่พอใจการประเมินจะโดยอ้างว่าเพราะเจ้าพนักงานประเมินผิดให้เสียภาษีในกรณีไม่ต้องเสียหรือประเมินให้เสียมากกว่าที่ควรต้องเสีย บุคคลนั้นต้องฟ้องคดีต่อศาลว่าการประเมินไม่ถูก จึงต้องอยู่ภายใต้บังคับมาตรา 39 ซึ่งบัญญัติให้ชำระค่าภาษีทั้งสิ้นก่อนศาลประทับฟ้อง หากมิได้ชำระค่าภาษีเสียก่อนศาลย่อมจะรับฟังไว้พิจารณามิได้
(วินิจฉัยโดยที่ประชุมใหญ่ครั้งที่ 12-13/2512)
(วินิจฉัยโดยที่ประชุมใหญ่ครั้งที่ 12-13/2512)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1125/2512
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ผู้รับประเมินภาษีต้องชำระภาษีตามประเมินก่อนฟ้องคดี หากไม่พอใจการประเมิน
เมื่อเจ้าพนักงานแจ้งรายการประเมินภาษีตามพระราชบัญญัติภาษีโรงเรือนและที่ดิน พ.ศ.2475 มาตรา 24 ไปยังผู้ใด.บุคคลผู้นั้นก็ได้ชื่อว่าเป็นผู้รับประเมินโดยเป็นบุคคลผู้พึงชำระค่าภาษีตามที่ประเมินมานั้น. ถ้าไม่พอใจการประเมินจะโดยอ้างว่า.เพราะเจ้าพนักงานประเมินผิดให้เสียภาษี.ในกรณีไม่ต้องเสียหรือประเมินให้เสียมากกว่าที่ควรต้องเสีย. บุคคลนั้นต้องฟ้องคดีต่อศาลว่าว่าการประเมินไม่ถูก. จึงต้องอยู่ภายใต้บังคับมาตรา 39ซึ่งบัญญัติให้ชำระค่าภาษีทั้งสิ้นก่อนศาลประทับฟ้อง. หากมิได้ชำระค่าภาษีเสียก่อน.ศาลย่อมจะรับฟ้องไว้พิจารณามิได้. (วินิจฉัยโดยที่ประชุมใหญ่ครั้งที่ 12-13/2512).
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 630/2511
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจร้องทุกข์ในคดีเจ้าพนักงานยักยอกเงินภาษี เทศบาลมีอำนาจร้องทุกข์ได้ แม้ผู้เสียหายโดยตรงคือผู้ชำระภาษี
เทศบาลประเมินและเรียกเก็บภาษีโรงเรือน. จำเลยรับเงินภาษีโรงเรือนมาแล้วไม่ลงบัญชี. กลับยักยอกเอาไปเสียเช่นนี้. เทศบาลย่อมเป็นผู้เสียหายและมีอำนาจร้องทุกข์ได้.
จำเลยเป็นพนักงานวิสามัญ มีหน้าที่ตรวจควบคุมการเก็บเงินตลาดสดและรับงานด้านภาษีโรงเรือน ขึ้นต่อแผนกคลังของเทศบาลเมือง. จำเลยรับเงินเดือนจากเงินประเภทงบประมาณเงินเดือน. ฉะนั้น การที่จำเลยเก็บหรือรับเงินจากผู้ที่นำเงินมาชำระเป็นค่าภาษีโรงเรือนให้แก่เทศบาลแล้วไม่ลงบัญชี. กลับยักยอกเอาไปเป็นประโยชน์อย่างอื่นเสีย.ดังนี้ ย่อมเป็นการกระทำในหน้าที่พนักงานผู้เก็บเงินตามหน้าที่ที่ได้รับแต่งตั้งและมอบหมาย. เมื่อยักยอกเอาเงินที่ได้รับไว้ตามหน้าที่ของจำเลย. จำเลยย่อมมีความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานกระทำการอันเป็นความผิดต่อหน้าที่ของตน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147.
จำเลยเป็นพนักงานวิสามัญ มีหน้าที่ตรวจควบคุมการเก็บเงินตลาดสดและรับงานด้านภาษีโรงเรือน ขึ้นต่อแผนกคลังของเทศบาลเมือง. จำเลยรับเงินเดือนจากเงินประเภทงบประมาณเงินเดือน. ฉะนั้น การที่จำเลยเก็บหรือรับเงินจากผู้ที่นำเงินมาชำระเป็นค่าภาษีโรงเรือนให้แก่เทศบาลแล้วไม่ลงบัญชี. กลับยักยอกเอาไปเป็นประโยชน์อย่างอื่นเสีย.ดังนี้ ย่อมเป็นการกระทำในหน้าที่พนักงานผู้เก็บเงินตามหน้าที่ที่ได้รับแต่งตั้งและมอบหมาย. เมื่อยักยอกเอาเงินที่ได้รับไว้ตามหน้าที่ของจำเลย. จำเลยย่อมมีความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานกระทำการอันเป็นความผิดต่อหน้าที่ของตน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1799/2511 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขายที่ดินที่ได้รับยกให้โดยเสน่หา ไม่ถือเป็นการค้าหากำไร จึงไม่ต้องเสียภาษี
โจทก์ได้รับยกให้ที่ดินโดยเสน่หาจากน้าและมารดาซึ่งซื้อที่ดินดังกล่าวมาหลายปีแล้วโดยไม่ได้มุ่งหวังหากำไรเป็นทางค้า แล้วโจทก์ขายไปโดยได้ตัดถนนซอยและแบ่งที่ดินเป็นแปลงเล็กๆ เพื่อให้ขายได้ง่ายและได้ราคาดีขึ้นนั้น เป็นการขายที่ดินอันเป็นสมบัติเก่าตามธรรมดาในฐานะเจ้าของกรรมสิทธิ์ ถือไม่ได้ว่าโจทก์ขายที่ดินไปเป็นทางค้าหากำไร อันจะต้องเสียภาษีการค้าตามประมวลรัษฎากรแม้ต่อมาภายหลังโจทก์จะได้ตั้งบริษัทค้าที่ดินขึ้น ก็จะฟังย้อนหลังว่าการขายที่ดินของโจทก์ก่อนตั้งบริษัทค้าที่ดินเป็นทางค้าหากำไรด้วยหาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1799/2511 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขายที่ดินที่ได้รับยกให้โดยเสน่หา ไม่ถือเป็นการค้าหากำไร จึงไม่ต้องเสียภาษี
โจทก์ได้รับยกให้ที่ดินโดยเสน่หาจากน้าและมารดาซึ่งซื้อที่ดินดังกล่าวมาหลายปีแล้วโดยไม่ได้มุ่งหวังหากำไรเป็นทางค้า แล้วโจทก์ขายไปโดยได้ตัดถนนซอยและแบ่งที่ดินเป็นแปลงเล็กๆ เพื่อให้ขายได้ง่ายและได้ราคาดีขึ้นนั้น เป็นการขายที่ดินอันเป็นสมบัติเก่าตามธรรมดาในฐานะเจ้าของกรรมสิทธิ์ ถือไม่ได้ว่าโจทก์ขายที่ดินไปเป็นทางค้าหากำไร อันจะต้องเสียภาษีการค้าตามประมวลรัษฎากรแม้ต่อมาภายหลังโจทก์จะได้ตั้งบริษัทค้าที่ดินขึ้น ก็จะฟังย้อนหลังว่าการขายที่ดินของโจทก์ก่อนตั้งบริษัทค้าที่ดินเป็นทางค้าหากำไรด้วยหาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1799/2511
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขายที่ดินที่ได้รับยกให้โดยเสน่หา ไม่ถือเป็นการค้าหากำไร ไม่ต้องเสียภาษี
โจทก์ได้รับยกให้ที่ดินโดยเสน่หาจากน้าและมารดาซึ่งซื้อที่ดินดังกล่าวมาหลายปีแล้วโดยไม่ได้มุ่งหวังหากำไรเป็นทางค้า. แล้วโจทก์ขายไปโดยได้ตัดถนนซอยและแบ่งที่ดินเป็นแปลงเล็กๆ เพื่อให้ขายได้ง่ายและได้ราคาดีขึ้นนั้น. เป็นการขายที่ดินอันเป็นสมบัติเก่าตามธรรมดาในฐานะเจ้าของกรรมสิทธิ์. ถือไม่ได้ว่าโจทก์ขายที่ดินไปเป็นทางค้าหากำไร อันจะต้องเสียภาษีการค้าตามประมวลรัษฎากร.แม้ต่อมาภายหลังโจทก์จะได้ตั้งบริษัทค้าที่ดินขึ้น. ก็จะฟังย้อนหลังว่าการขายที่ดินของโจทก์ก่อนตั้งบริษัทค้าที่ดินเป็นทางค้าหากำไรด้วยหาได้ไม่.