พบผลลัพธ์ทั้งหมด 931 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1159-1160/2504 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การอนุญาตฎีกาในคดีอาญา: ศาลฎีกาพิจารณาจากเหตุผลที่ผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์เห็นว่าเป็นปัญหาสำคัญ
ผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์ซึ่งพิจารณาคดีได้อนุญาตให้จำเลยฎีกาในคดีอาญาโดยใช้คำว่า เป็นคดีมีพฤติการณืซับซ้อนหลายประการอันเป็นปัญหาสำคัญควรขึ้นไปสู่ศาลฎีกาวินิจฉัยชี้ขาดอีกชั้นหนึ่ง จึงอนุญาตให้ฎีกาดังนี้ แม้จะไม่ได้ใช้ถ้อยคำตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 221 แต่ก็เข้าใจได้ว่าผู้อนุญาตให้ฎีกาเห็นว่า ข้อความที่ตัดสินเป็นปัญหาสำคัญอันควรสู่ศาลฎีกาวินิจฉัย จึงชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 221 แล้ว
ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 30/2504
ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 30/2504
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 819/2503
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การทำไม้ในเขตป่าสงวนโดยได้รับอนุญาตตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ และข้อยกเว้นการแปรรูปไม้ที่ตอ
ไม่ของกลางได้ทำตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ.2484 มาตรา 17(1) ซึ่งป่าไม้เขตเป็นเจ้าหน้าที่ทำเพื่อประโยชน์ในการบำรุงป่าโดยทำสัญญาให้บริษัทอุดมวนผล จำกัด รับจ้างตัดฟันชักลากออกจากป่าแล้วจะขายไม้ให้บริษัท การทำไม้รายนี้จึงเป็นการทำและชักลากออกจากป่าโดยไม่อยู่ในบังคับของ มาตรา 11 ที่ว่าต้องรับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่มาตรา 38 ไม่ใช่บทบังคับเรื่องชักลากไม้ออกจากป่า แต่เป็นบทบัญญัติเรื่องการนำไม้เคลื่อนที่หลังจากนำไม้ที่ทำออกตามใบอนุญาตไปถึงที่อันระบุไว้ในใบอนุญาต กับหลังจากนำไม้ที่ทำออกโดยไม่ต้องรับอนุญาตไปถึงด่านป่าไม้ด่านแรกแล้ว ไม่ใช่บทบัญญัติเพียงแต่นำไม้เคลื่อนที่โดยไม่มีใบอนุญาตเท่านั้นเมื่อไม้รายนี้ไม่ใช่ไม้ที่ทำโดยมีใบอนุญาต จึงไม่มีที่ระบุให้นำไปตามใบอนุญาต ทั้งไม่ใช่ไม้อื่นที่ไม่ใช่ไม้หวงห้ามอันจะทำได้โดยไม่ต้องรับอนุญาตตาม มาตรา 25 กับทั้งยังไม่ถึงด่านป่าไม้ด่านแรกกรณีเช่นนี้ไม่ผิดฐานนำไม้เคลื่อนที่ตาม มาตรา 38
การแปรรูปไม้ ถ้าทำที่ตอโดยถูกต้องตามที่ยกเว้นไว้ในมาตรา 50(1) ย่อมไม่อยู่ในความมุ่งหมายของบทบัญญัติที่ควบคุมการแปรรูปไม้
การแปรรูปไม้ ถ้าทำที่ตอโดยถูกต้องตามที่ยกเว้นไว้ในมาตรา 50(1) ย่อมไม่อยู่ในความมุ่งหมายของบทบัญญัติที่ควบคุมการแปรรูปไม้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 759/2503
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองไม้แปรรูปเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด โดยไม่ต้องพิสูจน์การประกาศพระราชกฤษฎีกา
คดีฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตาม พระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ.2484 โจทก์ไม่จำต้องบรรยายฟ้องว่าได้มีการปิดประกาศพระราชกฤษฎีกาดังกำหนดไว้ใน มาตรา 5 พระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ.2484 แต่ประการใด(ฎีกาที่ 1146/2502)
จำเลยมีไม้สักแปรรูปจำนวน 0.53 เมตร ลูกบาศก์ไว้โดยไม่ได้รับอนุญาต นับว่าเป็นการกระทำผิดต่อ พระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ.2484 มาตรา 48,73 พระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ.2484(ฉบับที่ 3) พ.ศ.2494 มาตรา 17 ไม้ที่จำเลยมีทั้งหมดย่อมมีส่วนก่อให้เกิดความผิด จึงต้องถูกริบทั้งจำนวน
จำเลยมีไม้สักแปรรูปจำนวน 0.53 เมตร ลูกบาศก์ไว้โดยไม่ได้รับอนุญาต นับว่าเป็นการกระทำผิดต่อ พระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ.2484 มาตรา 48,73 พระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ.2484(ฉบับที่ 3) พ.ศ.2494 มาตรา 17 ไม้ที่จำเลยมีทั้งหมดย่อมมีส่วนก่อให้เกิดความผิด จึงต้องถูกริบทั้งจำนวน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 536-537/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฉ้อโกงจัดหางาน: สำนักงานส่งเสริมอาชีพเข้าข่ายสำนักงานจัดหางานต้องขออนุญาต
สำนักงานของจำเลยรับจัดหางานให้แก่ผู้มาสมัครเข้ารับการอบรมวิชาชีพโดยรับจะฝากเข้าทำงานในสำนักงาน องค์การหรือห้างร้านบริษัทต่าง ๆ การกระทำเช่นนี้ย่อมได้ชื่อว่า เป็นคนกลางระหว่างนายจ้างผู้ต้องการลูกจ้างผู้ต้องการหางานทำโดยคนกลางจะทำให้เปล่าหรือคิดสินจ้างก็ตาม หรือแม้จำเลยจะตั้งสำนักงานนี้เพี้ยนไปว่า สำนักงานส่งเสริมอาชีพ ก็ตาม หรือแม้ถึงว่าจำเลยจะอ้างว่าสำนักงานนี้เป็นส่วนหนึ่งของบริษัทจำกัด สำนักงานนี้ก็คงเป็นสำนักงานจัดหางาน ตามความหมายใน มาตรา 3 แห่ง พ.ร.บ. ว่าด้วย สำนักงานจัดหางาน พ.ศ. 2475
จำเลยวางแผนหลอกลวงเพื่อฉ้อโกงเอาเงินประชาชนทั่ว ๆ ไป โดยพิมพ์ใบปลิวโฆษณาข้อความอันเป็นเท็จให้ประชาชนหลงเชื่อเพื่อมาสมัครรับการอบรมวิชาชีพ โดยทุกคนต้องส่งมอบเงินให้แก่จำเลยด้วย เมื่อมีผู้หลงเชื่อมาสมัคร จำเลยก็ให้ส่งมอบเงินให้แก่จำเลย แล้วจำเลยก็หาได้ทำการอบรมเป็นกิจลักษณะอย่างใดไม่ จนเป็นที่เห็นว่าผู้สมัครเหล่านั้น จะไม่ได้งานทำตามที่จำเลยโฆษณาไว้ให้หลงเชื่อ ครั้นขอเงินคืน จำเลยก็ไม่มีเงินจะคืนให้ การกระทำของจำเลยก็ไม่มีความผิดฐานฉ้อโกง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341
จำเลยวางแผนหลอกลวงเพื่อฉ้อโกงเอาเงินประชาชนทั่ว ๆ ไป โดยพิมพ์ใบปลิวโฆษณาข้อความอันเป็นเท็จให้ประชาชนหลงเชื่อเพื่อมาสมัครรับการอบรมวิชาชีพ โดยทุกคนต้องส่งมอบเงินให้แก่จำเลยด้วย เมื่อมีผู้หลงเชื่อมาสมัคร จำเลยก็ให้ส่งมอบเงินให้แก่จำเลย แล้วจำเลยก็หาได้ทำการอบรมเป็นกิจลักษณะอย่างใดไม่ จนเป็นที่เห็นว่าผู้สมัครเหล่านั้น จะไม่ได้งานทำตามที่จำเลยโฆษณาไว้ให้หลงเชื่อ ครั้นขอเงินคืน จำเลยก็ไม่มีเงินจะคืนให้ การกระทำของจำเลยก็ไม่มีความผิดฐานฉ้อโกง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 216-220/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อาชญาบัตรอนุญาตเฉพาะผู้ใช้เครื่องมือทำการประมงที่มีชื่อในคำขอ การใช้โดยไม่ได้รับอนุญาตไม่มีสิทธิ
อาชญาบัตรเป็นใบอนุญาตออกให้แก่ผู้ใช้เครื่องมือทำการประมง หาใช่เป็นใบอนุญาตประจำเครื่องมือทำการประมงไม่ จึงเป็นอันว่า อาชญาบัตรคุ้มครองบุคคลผู้ได้ รับอนุญาตให้ใช้เครื่องมือทำการประมงเท่านั้น ผู้ไม่ได้รับอนุญาตหรือไม่มีชื่อในคำขอรับอาชญาบัตรให้ใช้ หามีสิทธิที่จะใช้เครื่องมือของผู้ได้รับอนุญาตทำการประมงได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1631/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจจัดการทรัพย์สินของวัด และอำนาจฟ้องร้อง กรณีการก่อสร้างที่ไม่ได้รับอนุญาต
วัดซึ่งเป็นนิติบุคคลย่อมมีอำนาจจัดการทรัพย์สมบัติของวัดได้ตามพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ. 2484 มาตรา 43 แต่ศาสนสมบัติของวัดก็ต้องเป็นไปตามระเบียบซึ่งกระทรวงศึกษาธิการได้ตราไว้ด้วยความเห็นชอบของคณะสังฆมนตรีตามพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ. 2484 มาตรา 49
ฟ้องว่าวัดโจทก์จ้างผู้รับเหมาปลูกสร้างตึกแถวในที่ดินของวัด ระหว่างก่อสร้างจำเลยเข้าดำเนินงานก่อสร้างเอง โดยโจทก์ไม่ยินยอม เมื่อจำเลยต่อสู้ว่า จำเลยมีอำนาจจัดการได้ตามกฎหมาย ตามระเบียบการจัดประโยชน์ศาสนสมบัติ และต่อสู้ว่า จำเลยทำตามคำสั่งของสังฆายกและสังฆมนตรีว่าการองค์การปกครองซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาของเจ้าอาวาสวัดโจทก์ดังนี้ กรณีเป็นเรื่องที่จะต้องฟังข้อเท็จจริงต่อไปและโจทก์มีอำนาจฟ้องจำเลยโดยลำพังได้
ฟ้องว่าวัดโจทก์จ้างผู้รับเหมาปลูกสร้างตึกแถวในที่ดินของวัด ระหว่างก่อสร้างจำเลยเข้าดำเนินงานก่อสร้างเอง โดยโจทก์ไม่ยินยอม เมื่อจำเลยต่อสู้ว่า จำเลยมีอำนาจจัดการได้ตามกฎหมาย ตามระเบียบการจัดประโยชน์ศาสนสมบัติ และต่อสู้ว่า จำเลยทำตามคำสั่งของสังฆายกและสังฆมนตรีว่าการองค์การปกครองซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาของเจ้าอาวาสวัดโจทก์ดังนี้ กรณีเป็นเรื่องที่จะต้องฟังข้อเท็จจริงต่อไปและโจทก์มีอำนาจฟ้องจำเลยโดยลำพังได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1538/2503
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การประกอบโรคศิลปะเกินขอบเขต แม้ไม่หวังผลประโยชน์ก็ผิดกฎหมาย
ผู้ได้รับอนุญาตประกอบโรคศิลปะในสาขาหนึ่งและในการประกอบโรคศิลปะในสาขาที่ตนได้รับอนุญาตได้เลยไปประกอบโรคศิลปะในสาขาอื่นที่ตนมิได้ขึ้นทะเบียนรับใบอนุญาตแม้ตอนนี้จะกระทำโดยไม่ได้แสวงหาผลประโยชน์หรือสินจ้างรางวัล ก็มีความผิดตามมาตรา 16,21 แห่งพระราชบัญญัติควบคุมการประกอบโรคศิลปะ พ.ศ.2479 (ประชุมใหญ่ ครั้งที่31/2503)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1483/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขอบเขตความผิดฐานมีไม้แปรรูปโดยไม่ได้รับอนุญาตสำหรับผู้ได้รับอนุญาตโรงงานแปรรูปไม้
ผู้ได้รับอนุญาตให้ตั้งโรงงานแปรรูปไม้ นำไม้ที่ไม่ได้เสียหายค่าภาคหลวงเข้ามาในโรงงานมีความผิดตาม พระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484 มาตรา 51 เท่านั้น หามีผิดฐานมีไม้แปรรูปไว้ ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตตามมาตรา อีกไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1241/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแสดงความคิดเห็นโดยได้รับอนุญาตทางราชการ ไม่คุ้มครองการหมิ่นประมาทเจ้าพนักงาน
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานหมิ่นประมาทเจ้าพนักงาน จำเลยให้การว่าจำเลยพูดโดยแสดงความคิดเห็นโดยได้รับอนุญาตจากทางราชการแล้ว การที่ได้รับอนุญาตให้พูดมิได้รับความคุ้มครองตามกฎหมายที่จะให้กล่าวถ้อยคำอันเป็นความผิดอาญา หรือ ทำให้เกิดการเสียหายต่อผู้อื่นได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1241/2503
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแสดงความคิดเห็นโดยได้รับอนุญาตทางราชการ ไม่คุ้มครองการหมิ่นประมาทเจ้าพนักงาน จำเป็นต้องมีการสืบพยานเพื่อพิสูจน์
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานหมิ่นประมาทเจ้าพนักงานจำเลยให้การว่าจำเลยพูดโดยแสดงความคิดเห็นโดยได้รับอนุญาตจากทางราชการแล้ว การที่ได้รับอนุญาตให้พูดมิได้รับความคุ้มครองตามกฎหมายที่จะให้กล่าวถ้อยคำอันเป็นความผิดอาญา หรือทำให้เกิดการเสียหายต่อผู้อื่นได้