คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
อำนาจศาล

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 2,218 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6863/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การใช้กฎหมายวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทที่แก้ไขเพิ่มเติม ศาลมีอำนาจลงโทษตามกฎหมายที่ถูกต้อง แม้โจทก์มิได้อ้าง
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นให้ลงโทษจำคุกจำเลย3ปี4เดือนจำเลยฎีกาขอให้ลดโทษหรือลงโทษสถานเบาและรอการลงโทษจำเลยเป็นฎีกาโต้เถียงดุลพินิจของศาลว่าสมควรลงโทษจำเลยเพียงใดเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงต้องห้ามฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา218วรรคแรก บทบัญญัติในมาตรา13และ89แห่งพระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทพ.ศ.2518ยังมิได้ถูกยกเลิกเด็ดขาดไปเสียทีเดียวเพราะความที่บัญญัติไว้ในมาตรา9และมาตรา13แห่งพระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท(ฉบับที่3)พ.ศ.2535ให้ยกเลิกไปใช้บังคับเพิ่มเติมและบังคับแทนบทบัญญัติในมาตรา13และ89แห่งพระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทพ.ศ.2518ทั้งตามกฎหมายฉบับหลังที่แก้ไขเพิ่มเติมนี้มีเป็นการแก้ไขโทษปรับขึ้นสูงตามมาตรา89ให้ต่ำลงมาจาก500,000บาทเหลือ400,000บาทอันเป็นคุณแก่จำเลยซึ่งจะต้องใช้กฎหมายที่แก้ไขเพิ่มเติมนี้มาปรับแก่คดีตามนัยประมวลกฎหมายอาญามาตรา3อยู่แล้วดังนั้นแม้โจทก์จะไม่ได้กล่าวอ้างกฎหมายที่แก้ไขเพิ่มเติมนี้ศาลก็มีอำนาจลงโทษจำเลยตามบทกฎหมายที่ถูกต้องได้ไม่เป็นการพิพากษาหรือสั่งเกินคำขอหรือที่มิได้กล่าวในฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 669/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องซ้ำ: ศาลมีอำนาจอนุญาตให้ฟ้องซ้ำได้หากคำสั่งเดิมเป็นเพียงคำสั่งไม่รับฟ้อง ไม่ใช่คำพิพากษา
คำว่าไม่ตัดสิทธิโจทก์ที่จะนำคดีมาฟ้องใหม่ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา148(3)เป็นบทบัญญัติให้อำนาจศาลในกรณีที่ศาลมีคำพิพากษาหรือคำสั่งยกฟ้องโจทก์แล้วถ้าโจทก์นำคดีไปฟ้องใหม่จะเป็นการฟ้องซ้ำเพื่อความยุติธรรมก็ให้ศาลมีอำนาจสั่งว่าไม่ตัดสิทธิโจทก์ที่จะนำคดีมาฟ้องใหม่มิใช่ว่าถ้าศาลไม่สั่งไว้แล้วจะเป็นการตัดสิทธิโจทก์ที่จะนำคดีซึ่งฟ้องใหม่ได้อยู่แล้วเพราะไม่เป็นฟ้องซ้ำมาฟ้องใหม่ไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6547/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบังคับคดีและการครอบครองทรัพย์สิน: ศาลฎีกามีอำนาจวินิจฉัยแม้ไม่ได้อุทธรณ์
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยส่งมอบและจดทะเบียนโอนอาคารพาณิชย์ห้องพิพาทให้โจทก์ จำเลยไม่ปฏิบัติตามคำพิพากษา โจทก์จึงดำเนินการบังคับคดีโดยเจ้าพนักงานบังคับคดีได้ไปจัดการให้โจทก์เข้าครอบครองอาคารพาณิชย์ห้องพิพาทและส่งมอบให้โจทก์เข้าครอบครองแล้ว การส่งมอบดังกล่าวถือได้ว่าเป็นการบังคับคดีตาม ป.วิ.พ. มาตรา 296 ตรี เพื่อจัดการให้โจทก์ผู้เป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาเข้าครอบครองทรัพย์ หาใช่เป็นการยึดทรัพย์เพื่อนำออกขายทอดตลาดตามความใน ป.วิ.พ. มาตรา 288 ไม่ กรณีจึงไม่เข้าหลักเกณฑ์ตาม ป.วิ.พ.มาตรา 288 ที่ผู้ร้องจะมาร้องขอให้ปล่อยอาคารพาณิชย์ห้องพิพาทได้
ปัญหาว่าผู้ร้องมีสิทธิยื่นคำร้องขัดทรัพย์หรือไม่ เป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้คู่ความไม่ได้อุทธรณ์ฎีกาขึ้นมา ศาลฎีกาก็มีอำนาจหยิบยกขึ้นวินิจฉัยเองได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6287/2538 เวอร์ชัน 4 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจศาลแพ่งรับฟ้องคดีนอกเขตศาล: การใช้ดุลพินิจตามพระธรรมนูญศาลยุติธรรม
ตามพระธรรมนูญศาลยุติธรรม มาตรา 14 (5) บัญญัติว่าบรรดาคดีที่เกิดขึ้นนอกเขตศาลแพ่งนั้น จะยื่นฟ้องต่อศาลแพ่งก็ได้ ทั้งนี้ให้อยู่ในดุลพินิจของศาลแพ่งที่จะไม่ยอมรับพิจารณาพิพากษาคดีใดคดีหนึ่งที่ยื่นฟ้องเช่นนั้นได้คดีนี้ศาลแพ่งรับฟ้องและดำเนินกระบวนพิจารณาสืบพยานโจทก์จำเลยจนเสร็จแสดงให้เห็นว่า ศาลแพ่งใช้ดุลพินิจยอมรับพิจารณาพิพากษาคดีนี้ตามพระธรรมนูญ-ศาลยุติธรรม มาตรา 14 (5) แล้ว ศาลแพ่งจึงมีอำนาจพิจารณาพิพากษา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6227/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจศาลริบทรัพย์: แม้ พ.ร.บ.จราจรฯ มิได้บัญญัติ แต่ประมวลกฎหมายอาญาเปิดช่องให้ริบรถที่ใช้ในการแข่งรถได้
โจทก์บรรยายไว้ในบันทึกการฟ้องคดีอาญาด้วยวาจาของโจทก์ว่าจำเลยแข่งรถโดยใช้รถจักรยานยนต์ของกลางแข่งกับรถอื่น และเจ้าพนักงานตำรวจจับจำเลยได้ พร้อมรถจักรยานยนต์ดังกล่าว ซึ่งจำเลยได้ใช้ ในการกระทำความผิดเป็นของกลาง โดยโจทก์ได้อ้าง ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33 และมีคำขอให้ริบ รถจักรยานยนต์ของกลางด้วย เมื่อโจทก์ยื่นบันทึกการฟ้องคดีอาญาด้วยวาจาต่อศาลชั้นต้น ศาลชั้นต้นได้บันทึกคำฟ้องคดีอาญาด้วยวาจาในบันทึกคำฟ้อง คำรับสารภาพ คำพิพากษาตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวงฯ มาตรา 20 ซึ่งเป็น แบบพิมพ์ของศาล แม้ศาลชั้นต้นจะมิได้บันทึกข้อที่โจทก์ขอให้ริบทรัพย์ไว้ด้วย ก็เป็นอำนาจของศาลที่จะใช้ดุลพินิจบันทึกไว้เท่าที่เห็นว่าจำเป็น กรณีถือได้ว่าบันทึกการฟ้องคดีอาญาด้วยวาจาที่โจทก์ยื่นต่อศาลชั้นต้นเป็นส่วนหนึ่งแห่งบันทึกคำฟ้องคดีอาญาด้วยวาจาของศาลจึงไม่เป็นเหตุให้ฟ้องบกพร่องถึงกับจะถือว่าโจทก์ไม่ได้ขอให้ริบของกลาง จำเลยแข่งรถโดยใช้รถจักรยานยนต์แข่งกับรถอื่นในทางสาธารณโดยไม่ได้รับอนุญาต รถจักรยานยนต์ จึงเป็นทรัพย์สินที่ใช้ในการกระทำความผิด แม้พระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 จะไม่มีข้อบัญญัติให้ริบทรัพย์ดังกล่าว ศาลก็มีอำนาจริบรถจักรยานยนต์ได้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 17,33(1)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6227/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจริบรถที่ใช้ในการแข่งรถ แม้ พ.ร.บ.จราจรฯ จะไม่ได้บัญญัติไว้ ศาลก็มีอำนาจตามประมวลกฎหมายอาญา
โจทก์บรรยายไว้ในบันทึกการฟ้องคดีอาญาด้วยวาจาของโจทก์ว่าจำเลยแข่งรถโดยใช้รถจักรยานยนต์ของกลางแข่งกับรถอื่นและเจ้าพนักงานตำรวจจับจำเลยได้พร้อมรถจักรยานยนต์ดังกล่าวซึ่งจำเลยได้ใช้ในการกระทำความผิดเป็นของกลางโดยโจทก์ได้อ้างประมวลกฎหมายอาญามาตรา33และมีคำขอให้ริบรถจักรยานยนต์ของกลางด้วยเมื่อโจทก์ยื่นบันทึกการฟ้องคดีอาญาด้วยวาจาต่อศาลชั้นต้นศาลชั้นต้นได้บันทึกคำฟ้องคดีอาญาด้วยวาจาในบันทึกคำฟ้องคำรับสารภาพคำพิพากษาตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวงฯมาตรา20ซึ่งเป็นแบบพิมพ์ของศาลแม้ศาลชั้นต้นจะมิได้บันทึกข้อที่โจทก์ขอให้ริบทรัพย์ไว้ด้วยก็เป็นอำนาจของศาลที่จะใช้ดุลพินิจบันทึกไว้เท่าที่เห็นว่าจำเป็นกรณีถือได้ว่าบันทึกการฟ้องคดีอาญาด้วยวาจาที่โจทก์ยื่นต่อศาลชั้นต้นเป็นส่วนหนึ่งแห่งบันทึกคำฟ้องคดีอาญาด้วยวาจาของศาลจึงไม่เป็นเหตุให้ฟ้องบกพร่องถึงกับจะถือว่าโจทก์ไม่ได้ขอให้ริบของกลาง จำเลยแข่งรถโดยใช้รถจักรยานยนต์แข่งกับรถอื่นในทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาตรถจักรยานยนต์จึงเป็นทรัพย์สินที่ใช้ในการกระทำความผิดแม้รถจักรยานยนต์จราจรทางบกพ.ศ.2522จะไม่มีข้อบัญญัติให้ริบทรัพย์ดังกล่าวศาลก็มีอำนาจริบรถจักรยานยนต์ได้ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา17,33(1).

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6172/2538 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจศาลในการสั่งคืนรถยนต์เช่าซื้อที่ถูกยึด: การฟ้องร้องต้องเป็นคดีมีข้อพิพาท
ผู้ร้องยื่นร้องขอว่า ผู้ร้องเป็นเจ้าของรถยนต์ ซึ่งได้ให้ ว.เช่าซื้อไปแล้วว. ผิดนัดไม่ชำระค่าเช่าซื้อสัญญาเช่าซื้อจึงเลิกกันทันทีตามที่ตกลงกันไว้ในสัญญาและ ว.ต้องส่งมอบรถยนต์คืนให้แก่ผู้ร้องแต่ว.ไม่ส่งคืน ต่อมารถยนต์ได้เกิดอุบัติเหตุถูกพนักงานสอบสวนยึดไว้เพื่อประกอบคดี ผู้ร้องได้ไปติดต่อขอรับรถยนต์คืนแต่พนักงานสอบสวนไม่คืนให้ ขอให้ศาลมีคำสั่งให้พนักงานสอบสวน คืนรถยนต์ให้แก่ผู้ร้อง การยื่นคำร้องขอดังกล่าวไม่มีกฎหมาย สนับสนุนให้ยื่นคำร้องขอฝ่ายเดียวเป็นคดีไม่มีข้อพิพาทได้ หากผู้ร้องถูกโต้แย้งสิทธิหรือหน้าที่เกี่ยวกับรถยนต์ ก็ชอบที่จะเสนอคดีของตนต่อศาลได้ โดยเป็นโจทก์ยื่นฟ้อง อย่างคดีมีข้อพิพาทตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 55 เมื่อผู้ร้องไม่อาจใช้สิทธิทางศาลได้ตามกฎหมาย ผู้ร้องย่อมไม่มีอำนาจยื่นคำร้องขอ ฉะนั้น แม้ผู้คัดค้าน จะยื่นคำคัดค้านเข้ามาในคดีก็ตามก็ไม่สามารถดำเนินคดีต่อไปอย่างคดีที่มีข้อพิพาทได้ และไม่อาจปรับเข้ากับมาตรา 188(4) ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6172/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขอคืนรถยนต์เช่าซื้อที่ถูกยึดหลังเกิดอุบัติเหตุ: ศาลไม่อำนาจพิจารณาคดีไม่มีข้อพิพาท
ผู้ร้องยื่นคำร้องขอว่าผู้ร้องเป็นเจ้าของรถยนต์ซึ่งได้ให้ว.เช่าซื้อไปแล้วว. ผิดนัดไม่ชำระค่าเช่าซื้อสัญญาเช่าซื้อจึงเลิกกันทันทีตามที่ตกลงกันไว้ในสัญญาและว. ต้องส่งมอบรถยนต์คืนให้แก่ผู้ร้องแต่ว. ไม่ส่งคืนต่อมารถยนต์ได้เกิดอุบัติเหตุถูกพนักงานสอบสวนยึดไว้เพื่อประกอบคดีผู้ร้องได้ไปติดต่อขอรับรถยนต์คืนแต่พนักงานสอบสวนไม่คืนให้ขอให้ศาลมีคำสั่งให้พนักงานสอบสวนคืนรถยนต์ให้แก่ผู้ร้องการยื่นคำร้องดังกล่าวไม่มีกฎหมายสนับสนุนให้ยื่นคำร้องขอฝ่ายเดียวเป็นคดีไม่มีข้อพิพาทได้หากผู้ร้องถูกโต้แย้งสิทธิหรือหน้าที่เกี่ยวกับรถยนต์ก็ชอบที่จะเสนอคดีของตนต่อศาลได้โดยเป็นโจทก์ยื่นฟ้องอย่างคดีมีข้อพิพาทตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา55เมื่อผู้ร้องไม่อาจใช้สิทธิทางศาลได้ตามกฎหมายผู้ร้องย่อมไม่มีอำนาจยื่นคำร้องขอฉะนั้นแม้ผู้คัดค้านจะยื่นคำคัดค้านเข้ามาในคดีก็ตามก็ไม่สามารถดำเนินคดีต่อไปอย่างคดีที่มีข้อพิพาทได้และไม่อาจปรับเข้ากับมาตรา188(4)ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6172/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยื่นคำร้องขอคืนรถยนต์ที่ถูกยึดในคดีอุบัติเหตุ ต้องฟ้องเป็นคดีมีข้อพิพาท ไม่ใช่คดีไม่มีข้อพิพาท
บุคคลใดจะยื่นคำร้องขอต่อศาลโดยทำเป็นคำร้องขอฝ่ายเดียวเป็นคดีไม่มีข้อพิพาทตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา188ได้นั้นจะต้องเป็นกรณีที่มีกฎหมายบัญญัติให้อำนาจไว้การยื่นคำร้องขอของผู้ร้องที่ขอให้ศาลมีคำสั่งให้พนักงานสอบสวนคืนรถยนต์พิพาทที่ถูกยึดไว้ในคดีที่รถยนต์พิพาทเกิดอุบัติเหตุเพื่อประกอบคดีนั้นไม่มีกฎหมายใดสนับสนุนให้ผู้ร้องยื่นคำร้องขอฝ่ายเดียวเป็นคดีไม่มีข้อพิพาทได้หากผู้ร้องถูกโต้แย้งสิทธิหรือหน้าที่เกี่ยวกับรถยนต์พิพาทประการใดผู้ร้องก็ชอบที่จะเสนอคดีของตนต่อศาลส่วนแพ่งที่มีเขตอำนาจได้โดยเป็นโจทก์ยื่นฟ้องอย่างคดีมีข้อพิพาทตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา55ผู้ร้องไม่มีสิทธิยื่นคำร้องขอต่อศาลอย่างคดีไม่มีข้อพิพาท เมื่อผู้ร้องไม่อาจใช้สิทธิทางศาลได้ผู้ร้องย่อมไม่มีอำนาจยื่นคำร้องขอแม้ผู้คัดค้านจะยื่นคำคัดค้านเข้ามาในคดีก็ไม่สามารถดำเนินคดีต่อไปอย่างคดีที่มีข้อพิพาทตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา188(4)ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5985/2538 เวอร์ชัน 4 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจศาลในการพิพากษาลงโทษตามข้อเท็จจริงที่ได้ความ แม้ต่างจากข้อกล่าวหาเดิม
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยพยายามลักรถจักรยานยนต์ แต่ในการพิจารณาได้ความว่า จำเลยลักชิ้นส่วนของรถจักรยานยนต์ซึ่งเป็นชิ้นส่วนของรถจักรยานยนต์คันเดียวกับที่โจทก์ฟ้อง มิใช่เป็นข้อแตกต่างในข้อสาระสำคัญ และทั้งจำเลยก็ให้การปฏิเสธว่าไม่ได้กระทำผิด จึงไม่ได้หลงต่อสู้ ศาลมีอำนาจพิพากษาลงโทษจำเลยตามข้อเท็จจริงที่ได้ความนี้ได้ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 192 วรรคสอง
of 222