พบผลลัพธ์ทั้งหมด 886 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 36/2522 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลงโทษจำเลยเกินคำฟ้องและขอบเขตการพิจารณาโทษในศาลฎีกา
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยกับพวกบังอาจร่วมกันใช้ด้ามปืนยาวเป็นอาวุธตีทำร้ายร่างกายนายเจ๊ก นายพวง และนายจันทร์หลายครั้งโดยเจตนาจะฆ่าคนทั้งสามให้ตาย ฯลฯ ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 80, 288, 83 เป็นฟ้องที่ขอให้ลงโทษจำเลยกรรมเดียวแต่ผิดกฎหมายหลายบทเท่านั้น ศาลจะลงโทษจำเลยทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไม่ได้ เพราะเกินคำฟ้อง
ปัญหาเรื่องลงโทษเกินคำฟ้องเป็นปัญหาข้อกฎหมายเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยแม้คู่ความมิได้ยกขึ้นว่ากล่าวในชั้นฎีกา ศาลฎีกาก็มีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยเองได้
ศาลอุทธรณ์พิพากษาว่าจำเลยกระทำความผิด 3 กระทง ให้ลงโทษจำคุกกระทงละ 15 ปี 2 กระทง ส่วนอีกกระทงหนึ่งจำคุก 10 ปี รวมจำคุก 40 ปี ศาลฎีกาเห็นว่าตามคำฟ้องของโจทก์เป็นฟ้องที่ขอให้ลงโทษจำเลยกรรมเดียวแต่ผิดกฎหมายหลายบทเท่านั้น ดังนี้ แม้โจทก์จะมิได้ฎีกาขอให้เพิ่มเติมโทษจำเลย ศาลฎีกาจะพิพากษาให้ลงโทษจำเลยตามกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุดให้จำคุกจำเลยมีกำหนด 20 ปีได้ โดยไม่ถือว่าเป็นการพิพากษาเพิ่มเติมโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 212
ปัญหาเรื่องลงโทษเกินคำฟ้องเป็นปัญหาข้อกฎหมายเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยแม้คู่ความมิได้ยกขึ้นว่ากล่าวในชั้นฎีกา ศาลฎีกาก็มีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยเองได้
ศาลอุทธรณ์พิพากษาว่าจำเลยกระทำความผิด 3 กระทง ให้ลงโทษจำคุกกระทงละ 15 ปี 2 กระทง ส่วนอีกกระทงหนึ่งจำคุก 10 ปี รวมจำคุก 40 ปี ศาลฎีกาเห็นว่าตามคำฟ้องของโจทก์เป็นฟ้องที่ขอให้ลงโทษจำเลยกรรมเดียวแต่ผิดกฎหมายหลายบทเท่านั้น ดังนี้ แม้โจทก์จะมิได้ฎีกาขอให้เพิ่มเติมโทษจำเลย ศาลฎีกาจะพิพากษาให้ลงโทษจำเลยตามกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุดให้จำคุกจำเลยมีกำหนด 20 ปีได้ โดยไม่ถือว่าเป็นการพิพากษาเพิ่มเติมโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 212
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 36/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขอบเขตคำฟ้องอาญา: การลงโทษกรรมเดียวแต่ผิดหลายบท vs. ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทง
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยกับพวกบังอาจร่วมกันใช้ด้ามปืนยาวเป็นอาวุธ ตีทำร้ายร่างกายนายเจ๊กนายพวง และนายจันทร์หลายครั้งโดยเจตนาจะฆ่าคนทั้งสามให้ตาย ฯลฯ ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288,80,288,83 เป็นฟ้องที่ขอให้ลงโทษจำเลยกรรมเดียวแต่ผิดกฎหมายหลายบทเท่านั้น ศาลจะลงโทษจำเลยทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไม่ได้ เพราะเกินคำฟ้อง
ปัญหาเรื่องลงโทษเกินคำฟ้องเป็นปัญหาข้อกฎหมายเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย แม้คู่ความมิได้ยกขึ้นว่ากล่าวในชั้นฎีกา ศาลฎีกาก็มีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยเองได้
ศาลอุทธรณ์พิพากษาว่าจำเลยกระทำความผิด 3 กระทง ให้ลงโทษจำคุกกระทงละ 15 ปี 2 กระทง ส่วนอีกกระทงหนึ่งจำคุก 10 ปี รวมจำคุก 40 ปี ศาลฎีกาเห็นว่าตามคำฟ้องของโจทก์เป็นฟ้องที่ขอให้ลงโทษจำเลยกรรมเดียวแต่ผิดกฎหมายหลายบทเท่านั้น ดังนี้ แม้โจทก์จะมิได้ฎีกาขอให้เพิ่มเติมโทษจำเลย ศาลฎีกาจะพิพากษาให้ลงโทษจำเลยตามกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุดให้จำคุกจำเลยมีกำหนด20 ปีได้ โดยไม่ถือว่าเป็นการพิพากษาเพิ่มเติมโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 212
ปัญหาเรื่องลงโทษเกินคำฟ้องเป็นปัญหาข้อกฎหมายเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย แม้คู่ความมิได้ยกขึ้นว่ากล่าวในชั้นฎีกา ศาลฎีกาก็มีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยเองได้
ศาลอุทธรณ์พิพากษาว่าจำเลยกระทำความผิด 3 กระทง ให้ลงโทษจำคุกกระทงละ 15 ปี 2 กระทง ส่วนอีกกระทงหนึ่งจำคุก 10 ปี รวมจำคุก 40 ปี ศาลฎีกาเห็นว่าตามคำฟ้องของโจทก์เป็นฟ้องที่ขอให้ลงโทษจำเลยกรรมเดียวแต่ผิดกฎหมายหลายบทเท่านั้น ดังนี้ แม้โจทก์จะมิได้ฎีกาขอให้เพิ่มเติมโทษจำเลย ศาลฎีกาจะพิพากษาให้ลงโทษจำเลยตามกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุดให้จำคุกจำเลยมีกำหนด20 ปีได้ โดยไม่ถือว่าเป็นการพิพากษาเพิ่มเติมโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 212
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3324/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขอบเขตคำฟ้องอาญา: การพิจารณาโทษจำเลยต้องอ้างอิงตามข้อเท็จจริงที่ระบุในคำฟ้องเท่านั้น แม้จะมีข้อเท็จจริงใหม่จากการพิจารณา
ฟ้องว่าจำเลยมีแอมเฟตามีนไฮโดรคลอไรด์ไว้ในครอบครอง6 เม็ด และขายแก่ผู้มีชื่อไป หมายความชัดเจนว่าจำเลยขายไปหมด เป็นความผิดกรรมเดียว ข้อที่ว่าจำเลยจำหน่าย 1 เม็ด เหลือ 5 เม็ด ไม่ได้กล่าวในฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2708/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำร้องคุ้มครองสิทธิชั่วคราวต้องสอดคล้องกับคำฟ้องและตัวทรัพย์ที่พิพาท หากไม่สอดคล้องศาลไม่จำเป็นต้องรับคำร้อง
โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยทำหนังสือมอบอำนาจให้แก่โจทก์เพื่อให้โจทก์มีสิทธิและอำนาจดำเนินการขุดแร่หรือโอนขายประทานบัตรและอื่น ๆ ได้ทั้งสิ้นตามสัญญาขายสิทธิการทำเหมืองแร่เช่นดังที่จำเลยได้เคยทำหนังสือมอบอำนาจให้โจทก์ไว้แต่เดิมและขอให้เพิกถอนหนังสือมอบอำนาจที่จำเลยมอบอำนาจให้ ว. มาเปิดทำการขุดหาแร่ในที่ประทานบัตรที่ขายให้โจทก์ อันเป็นคดีที่มีคำขอให้ปลดเปลื้องทุกข์อันไม่อาจคำนวณเป็นราคาเงินได้แล้วโจทก์มีคำขอให้ศาลสั่งห้ามชั่วคราวมิให้จำเลยและ ว. เข้าทำเหมืองแร่ดังนี้ คำฟ้องของโจทก์มิใช่เรื่องขอให้บังคับเอาแก่ตัวทรัพย์หรือเหมืองแร่ที่โจทก์ขอให้ศาลมีคำสั่งคุ้มครองสิทธิของโจทก์เลยและโจทก์มิได้ฟ้องเรียกค่าเสียหายมาด้วยเหมืองแร่ที่ ว. เข้าไปทำจึงมิใช่ตัวทรัพย์ที่พิพาทในคดีนี้การที่โจทก์มายื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งคุ้มครองสิทธิของโจทก์ดังกล่าว จึงไม่ตรงกับการกระทำที่จำเลยถูกฟ้อง ซึ่งไม่เกี่ยวกับตัวทรัพย์หรือเหมืองแร่หากการกระทำของ ว. และจำเลยอาจเกิดความเสียหายแก่โจทก์ในเวลาต่อมาก็เป็นเรื่องนอกคำขอท้ายฟ้องคดีนี้ และศาลจะมีคำสั่งคุ้มครองสิทธิของโจทก์ให้กระทบกระเทือนถึง ว. ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกและไม่มีโอกาสต่อสู้คดีหาได้ไม่ ศาลจึงไม่จำต้องรับคำร้องของโจทก์ไว้พิจารณา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2691/2522 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การวินิจฉัยนอกคำฟ้องในคดีละเมิด: ศาลต้องวินิจฉัยเฉพาะประเด็นที่ถูกฟ้องเท่านั้น
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยร่วมกันทำละเมิด โดยบรรยายฟ้องว่า จำเลยที่ 2 ร่วมทุจริตกับจำเลยที่ 1 ทำให้โจทก์เสียหาย ข้อเท็จจริงได้ความว่าจำเลยที่ 2 ไม่ได้ร่วมทุจริตกับจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 2 ก็ไม่ต้องรับผิดตามฟ้อง การที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยเกินเลยไปว่า จำเลยที่ 2 ประมาทเลินเล่อทำให้โจทก์เสียหาย จึงเป็นการพิพากาเกินไปกว่าหรือนอกจากที่ปรากฏในคำฟ้อง ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 142
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2691/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การวินิจฉัยนอกคำฟ้องในคดีละเมิด การที่ศาลวินิจฉัยประเด็นนอกเหนือจากที่ฟ้องห้ามตามกฎหมาย
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยร่วมกันทำละเมิดโดยบรรยายฟ้องว่าจำเลยที่ 2 ร่วมทุจริตกับจำเลยที่ 1 ทำให้โจทก์เสียหาย ข้อเท็จจริงได้ความว่าจำเลยที่ 2 ไม่ได้ร่วมทุจริตกับจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 2 ก็ไม่ต้องรับผิดตามฟ้องการที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยเกินเลยไปว่าจำเลยที่ 2 ประมาทเลินเล่อทำให้โจทก์เสียหาย จึงเป็นการพิพากษาเกินไปกว่าหรือนอกจากที่ปรากฏในคำฟ้อง ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 142
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2546/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การจ่ายสินบนนำจับในคดีป่าไม้ แม้ใช้ถ้อยคำผิดเพี้ยนในคำฟ้อง ศาลยังคงมีอำนาจสั่งจ่ายได้ตามกฎหมาย
อัยการร้องขอต่อศาลว่ามีผู้นำจับจำเลย ประสงค์ขอรับเงินสินบนนำจับ โดยอ้างบทกฎหมายที่เกี่ยวข้องและมีคำขอให้จ่ายเงินสินบนนำจับมาท้ายฟ้องแล้ว แม้จะใช้ถ้อยคำผิดเพี้ยนไปว่า ให้จำเลยจ่ายสินบนนำจับตามกฎหมาย ก็ไม่ทำให้คำขอเกี่ยวกับการจ่ายเงินสินบนนำจับเสียไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2460/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิพากษาคดีนอกเหนือคำฟ้อง: สัญญาเช่าผิดนัด vs. สัญญาเช่าหมดอายุ
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยโดยอ้างเหตุว่า สัญญาเช่าระหว่างโจทก์จำเลยเลิกกันแล้วเนื่องจากจำเลยผิดสัญญาเช่า มิได้อ้างเหตุว่า สัญญาเช่าครบกำหนดแล้ว การที่ศาลล่างพิพากษาขับไล่จำเลยโดยอาศัยเหตุที่ว่าขณะศาลตัดสิน สัญญาเช่าครบกำหนดแล้ว จำเลยไม่มีสิทธิอยู่นั้นเป็นการพิพากษานอกจากที่ปรากฏในคำฟ้อง ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 142
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2337/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขับไล่และการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างในที่ดินของผู้อื่น แม้มิได้ขอในคำฟ้อง ศาลสั่งได้ตามความจำเป็น
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากบ้านและที่ดินของโจทก์ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าที่ดินเป็นของโจทก์ แต่บ้านเป็นของจำเลย แม้คำขอท้ายฟ้องโจทก์มิได้ขอให้ศาลบังคับให้จำเลยรื้อบ้านออกไปจากที่พิพาท แต่การที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาให้จำเลยรื้อบ้านของจำเลยออกไปจากที่พิพาทนั้นก็ไม่เกินไปกว่าคำขอท้ายฟ้องตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 142 เพราะเมื่อโจทก์ไม่ประสงค์จะให้จำเลยอยู่ในที่พิพาทต่อไปแล้วจำเลยจะเข้ามาเกี่ยวข้องกับที่พิพาทอีกไม่ได้ทรัพย์สินใด ๆ ของจำเลยซึ่งอยู่ในที่พิพาทจำเลยต้องเอาออกไปให้พ้นที่พิพาทด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2085/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
จำกัดขอบเขตฟ้องหมิ่นประมาท - การพิสูจน์คำพูดที่จำเลยกล่าวต่อบุคคลที่สามต้องสอดคล้องกับคำฟ้อง
ฟ้องว่าจำเลยให้ข่าวหนังสือพิมพ์หมิ่นประมาทโจทก์ ได้ความว่าจำเลยกล่าวแก่นักข่าวของหนังสือพิมพ์พาดพิงถึงโจทก์ โจทก์มิได้บรรยายฟ้องว่าจำเลยกล่าวแก่นักข่าวถึงโจทก์ด้วยถ้อยคำว่าอย่างไร จึงเอาคำที่โจทก์นำสืบว่าจำเลยกล่าวแก่นักข่าวมาลงโทษจำเลยเกินฟ้องไม่ได้ ข้อความที่หนังสือพิมพ์ลงหมิ่นประมาทโจทก์ตามที่นักข่าวนำไปลงพิมพ์นั้นฟังไม่ได้ว่าจำเลยสมคบร่วมด้วย ข้อความพาดหัวก็ไม่ใช่ถ้อยคำของจำเลย จำเลยมิใช่ผู้โฆษณาหนังสือพิมพ์ ไม่มีความผิดตาม มาตรา 328