คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
คำให้การ

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 713 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 660/2496 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความถูกต้องของวันเกิดเหตุในคำเบิกความและคำให้การชั้นสอบสวนมีผลต่อการพิพากษาคดีอาญา
โจทก์ฟ้องหาว่าจำเลยกระทำผิดฐานลักทรัพย์หรือรับของโจร ในระหว่างวันที่ 26 - 27 มิถุนายน,แต่พยานโจทก์ทุก คนเบิกความว่า การกระทำผิดเกิดขึ้นระหว่างวันที่ 11,12 มิถุนายน ดังนี้ ถือว่าข้อเท็จจริงที่ได้ความตามทางพิจารณา ต่างกับฟ้องต้องพิพากษายกฟ้อง.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 641/2496 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับมรดก: สิทธิการรับมรดกของบุตรนอกกฎหมายและข้อจำกัดในการเปลี่ยนแปลงคำให้การ
โจทก์ฟ้องขอให้ศาลแสดงว่านาและสวนพิพาท ซึ่งเป็นของผู้ตายตกเป็นมรดกแก่โจทก์ ผู้เป็นป้า.
จำเลยให้การว่า จำเลยเป็นผู้รับมรดก เพราะผู้ตายเป็นบุตรจำเลย แต่มารดาผู้ตายซึ่งเป็นภรรยาจำเลยนั้น ไม่ได้ จดทะเบียนสมรสกัน จำเลยจึงขอให้ถือว่าเป็นฟ้องแย้ง ขอให้ศาลพิพากษาแสดงว่าผู้ตายเป็นบุตรจำเลย ดังนี้ วินิจฉัยว่าฟ้องแย้งเป็นคนละส่วนจากฟ้องเดิม ศาลย่อมไม่รับเป็นฟ้องแย้ง.
จำเลยยื่นคำให้การในชั้นแรกว่า นาและสวนพิพาทอันตกเป็นมรดกนั้น เป็นของผู้ตาย ภายหลังยื่นคำให้การเพิ่ม เติมว่า นาและสวนพิพาทเป็นของมารดาผู้ตาย จำเลยครอบครองมาตั้งแต่มารดาผู้ตาย,ตาย ดังนี้ ขัดกับคำให้การ เดิม ศาลย่อมไม่อนุญาตให้เพิ่มเติมคำให้การเช่นนี้./

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 641/2496

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องแย้งและการเปลี่ยนแปลงคำให้การในคดีมรดก: ศาลไม่รับฟ้องแย้งที่ไม่เกี่ยวเนื่องกับฟ้องเดิม และไม่อนุญาตให้เปลี่ยนแปลงคำให้การขัดแย้งกับเดิม
โจทก์ฟ้องขอให้ศาลแสดงว่านาและสวนพิพาท ซึ่งเป็นของผู้ตายตกเป็นมรดกแก่โจทก์ ผู้เป็นป้า
จำเลยให้การว่า จำเลยเป็นผู้รับมรดก เพราะผู้ตายเป็นบุตรจำเลยแต่มารดาผู้ตายซึ่งเป็นภรรยาจำเลยนั้น ไม่ได้จดทะเบียนสมรสกัน จำเลยจึงขอให้ถือว่าเป็นฟ้องแย้ง ขอให้ศาลพิพากษาแสดงว่าผู้ตายเป็นบุตรจำเลยดังนี้วินิจฉัยว่าฟ้องแย้งเป็นคนละส่วนจากฟ้องเดิม ศาลย่อมไม่รับเป็นฟ้องแย้ง
จำเลยยื่นคำให้การในชั้นแรกว่า นาและสวนพิพาทอันตกเป็นมรดกนั้น เป็นของผู้ตาย ภายหลังยื่นคำให้การเพิ่มเติมว่า นาและสวนพิพาทเป็นของมารดาผู้ตาย จำเลยครอบครองมาตั้งแต่มารดาผู้ตายตาย ดังนี้ ขัดกับคำให้การเดิม ศาลย่อมไม่อนุญาตให้เพิ่มเติมคำให้การเช่นนี้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 616/2496 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การส่งคำให้การชั้นสอบสวนต่อหน้าศาล: จำเลยทราบถือว่าชอบแล้ว
โจทก์ส่งคำให้การชั้นสอบสวนของจำเลยต่อศาลในขณะสืบนายอำเภอ ซึ่งเป็นพยานประเด็น และฝ่ายจำเลยไม่ติด ใจตามประเด็นไปนั้น,เมื่อประเด็นตก ศาลเดิมก็ได้ให้จำเลยมาฟังประเด็นแล้ว จึงถือว่าจำเลยได้ทราบคำพยาน และหลักฐานตามประเด็นนั้นดีแล้ว จำเลยจะอ้างว่าไม่ได้ส่งต่อหน้าจำเลย ๆ ไม่ทราบ เป็นการไม่ชอบนั้น ย่อมฟังไม่ ขึ้น. /

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 616/2496

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การส่งคำให้การชั้นสอบสวนของจำเลยต่อศาล การรับทราบหลักฐาน และผลกระทบต่อการอ้างเหตุไม่ทราบ
โจทก์ส่งคำให้การชั้นสอบสวนของจำเลยต่อศาลในขณะสืบนายอำเภอ ซึ่งเป็นพยานประเด็น และฝ่ายจำเลยไม่ติดใจตามประเด็นไปนั้น เมื่อประเด็นตก ศาลเดิมก็ได้ให้จำเลยมาฟังประเด็นแล้วจึงถือว่าจำเลยได้ทราบคำพยาน และหลักฐานตามประเด็นนั้นดีแล้ว จำเลยจะอ้างว่าไม่ได้ส่งต่อหน้าจำเลยจำเลยไม่ทราบ เป็นการไม่ชอบนั้นย่อมฟังไม่ขึ้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1068/2496

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำให้การชั้นสอบสวนเป็นพยานหลักฐานได้หากโจทก์ระบุในบัญชีพยานและศาลให้จำเลยตรวจดู
คำให้การจำเลยชั้นสอบสวนซึ่งโจทก์ได้ระบุเป็นพยานไว้ในบัญชีระบุพยานโจทก์แล้ว และเมื่อโจทก์นำส่งศาล เวลาพยานผู้สอบสวนเบิกความ ศาลก็ได้ให้จำเลยตรวจดูแล้ว ดังนี้ย่อมรับคำให้การชั้นสอบสวนของจำเลยไว้เป็นพยานหลักฐานได้ ไม่จำเป็นต้องคัดสำเนาให้จำเลยก่อนวันพิจารณา เพียงแต่ให้จำเลยดูหรืออ่านให้จำเลยฟัง ก็พอแล้ว เพราะประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 240 อนุญาตไว้เช่นนั้น
พระราชบัญญัติกักกันผู้มีสันดานเป็นผู้ร้าย พ.ศ.2479 ไม่มีข้อความใดขัดแย้งกับรัฐธรรมนูญ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 945/2495

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การปฏิเสธข้อเท็จจริงเรื่องสถานะนิติบุคคลในคำให้การ ถือเป็นประเด็นที่โจทก์ต้องนำสืบ
ฟ้องของโจทก์ระบุมาแจ้งชัดว่าโจทก์เป็นนิติบุคคล จำเลยกล่าวในคำให้การว่า โจทก์จะเป็นนิติบุคคลหรือไม่จำเลยไม่รู้ และไม่รับรอง ดังนี้ ถือว่าคำให้การดังกล่าวนี้ ไม่ใช่เป็นคำให้การปฏิเสธว่าโจทก์ไม่ใช่เป็นนิติบุคคล จึงย่อมถือว่าไม่มีข้อต่อสู้ในคำให้การของจำเลย อันเป็นประเด็นที่โจทก์จะต้องนำสืบ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 660/2495

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หลักฐานค่าเช่าจากคำให้การเดิม & อำนาจฟ้องแทนบุตร
ผู้เช่าเคยฟ้องผู้ให้เช่าหาว่าผู้ให้เช่าขึ้นค่าเช่าผิดกฎหมายแต่ศาลพิพากษายกฟ้องโดยวินิจฉัยว่า การขึ้นค่าเช่าเป็นด้วยความสมัครใจทั้งสองฝ่าย ย่อมทำได้หาเป็นการผิดกฎหมายไม่ และปรากฏในคำให้การของผู้เช่าในคดีนั้นว่า ผู้เช่าได้ให้ค่าเช่าแก่ฝ่ายผู้ให้เช่าไปตามที่เรียกร้องแล้ว ดังนี้ ย่อมถือได้ว่าคำให้การของผู้เช่าในคดีดังกล่าว เป็นหลักฐานเป็นหนังสือที่ลงลายมือชื่อผู้เช่าตามที่กฎหมายต้องการแล้ว ผู้ให้เช่าย่อมใช้เป็นหลักฐานฟ้องเรียกค่าเช่าจากผู้ให้เช่าได้
บิดาผู้แทนโดยชอบธรรมของบุตร มีสิทธิที่จะมอบอำนาจให้ผู้อื่นฟ้องขับไล่ผู้เช่าออกจากห้องเช่าของบุตรได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 428/2495 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความฟ้องหย่า: การยกอายุความต้องเป็นการต่อสู้ทางคำให้การเท่านั้น
โจทก์ฟ้องขอหย่าขาดจากสามีภริยากับจำเลยๆ ต่อสู้ปฏิเสธเหตุหย่า มิได้ยกเอาอายุความขึ้นต่อสู้ไว้ แม้ภายหลังจำเลยจะยื่นคำร้องขอให้ศาลยกฟ้องโจทก์เสียโดยอ้างว่า คดีของโจทก์ขาดอายุความแล้ว ก็ดี คำร้องดังกล่าวก็มิใช่เป็นคำให้การเพิ่มเติม ศาลจึงจะยกเอาเรื่องอายุความขึ้นเป็นเหตุยกฟ้องโจทก์ไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 265/2495 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำให้การที่ไม่ชัดเจน ไม่ระบุรายละเอียดการไม่ปฏิบัติตามสัญญา ทำให้จำเลยไม่มีสิทธิอ้างเหตุนั้นในการต่อสู้คดี
โจทก์ฟ้องเรียกค่าจ้างเหมาทำของจากจำเลยๆให้การปฏิเสธต่อสู้ว่า โจทก์ทำการไม่ถูกต้องครบถ้วนตามข้อสัญยา รายการและแผนผังหลายประการและทำการยังไม่เสร็จสิ้นตามสัญญานั้น เป็นคำกล่าวอ้างที่ไม่อาจรู้ได้ว่า โจทก์ทำการไม่ถูกต้องอย่างไร และทำการยังไม่เสร็จสิ้นอย่างไรบ้าง จึงเป็นคำให้การที่มิได้ต่อสู้คดีให้ชัดแจ้งตามที่กฎหมายบังคับไว้ตาม ป.ม.วิ.แพ่งมาตรา 177 ฉะนั้นจำเลยจึงไม่มีประเด็นจำนำสืบตามคำให้การนั้น
of 72