คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ทายาท

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,314 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2454/2533 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การประเมินภาษีหลังผู้เสียภาษีเสียชีวิต: เจ้าพนักงานประเมินมีอำนาจตรวจสอบและประเมินภาษีทายาท/ผู้จัดการมรดกได้
การที่เจ้าพนักงานประเมินออกหมายเรียกไปยัง อ. ซึ่งเป็นผู้ยื่นรายการเสียภาษีเพื่อจะทำการตรวจสอบไต่สวนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาของ อ. แต่ก่อนที่เจ้าพนักงานประเมินจะทำการตรวจสอบไต่สวนเสร็จและแจ้งการประเมินไปให้ อ. ทราบ อ. ได้ถึงแก่ความตายเสียก่อน เจ้าพนักงานประเมินย่อมมีอำนาจที่จะดำเนินการตรวจสอบไต่สวนโจทก์ซึ่งเป็นภรรยาของ อ. ในฐานะทายาทและผู้จัดการมรดกของ อ. เกี่ยวกับภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาของ อ. แล้วแจ้งการประเมินให้โจทก์ทราบ
ในชั้นอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ โจทก์ยอมรับว่าโจทก์มีหน้าที่และความรับผิดที่จะต้องเสียภาษีเงินได้ของ อ. แต่เพื่อความเป็นธรรมให้ปรับปรุงวิธีคำนวณภาษีใหม่ได้ผลประการใดโจทก์ยินยอมชำระภาษีโดยไม่โต้แย้ง คณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์อนุโลมใช้วิธีคำนวณตามที่โจทก์ขอแล้วมีคำวินิจฉัยไปตามนั้น ดังนี้ โจทก์จะอุทธรณ์ต่อศาลว่าคำวินิจฉัยอุทธรณ์ดังกล่าวไม่ชอบขอให้ศาลเพิกถอนอีกไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2454/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การประเมินภาษีหลังผู้เสียภาษีถึงแก่ความตาย: เจ้าพนักงานประเมินมีอำนาจตรวจสอบไต่สวนทายาท/ผู้จัดการมรดกได้
เจ้าพนักงานประเมินของจำเลยได้มีหมายเรียก เพื่อทำการตรวจสอบไต่สวนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาของ อ. สามีโจทก์ประจำปี พ.ศ. 2519 ถึง 2523 ต่อมาเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2524สามีโจทก์ถึงแก่กรรมเสียก่อนทำการไต่สวนเสร็จ เจ้าพนักงานประเมินจึงมีหนังสือแจ้งให้โจทก์ในฐานะทายาทและผู้จัดการมรดกของ อ.ไปพบและทำการไต่สวน เมื่อผู้ถึงแก่ความตายต้องเสียภาษีผู้จัดการมรดกหรือทายาทเป็นผู้มีหน้าที่จัดการแทนผู้ตายตามป.รัษฎากร มาตรา 62 การที่เจ้าพนักงานประเมินดำเนินการตรวจสอบไต่สวนโจทก์แทน อ. ผู้ตาย ดังนี้ เป็นการกระทำที่ชอบด้วยกฎหมาย โจทก์ลงชื่อในเอกสารโดยยอมสละประเด็นข้ออื่นที่ยกขึ้นอุทธรณ์การประเมินต่อคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ เพราะโจทก์เห็นว่าคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ได้ลดภาษีให้โจทก์ถึง 400,000บาทเศษ หาใช่โจทก์ลงชื่อเพราะถูกหลอกลวง อันจะเป็นเหตุให้เพิกถอนการประเมินได้ โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2284/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความฟ้องคดีมรดกและการครอบครองทรัพย์มรดกของทายาท
ที่ดินพิพาทเป็นทรัพย์มรดกของ อ. ตกทอดแก่ทายาทคือโจทก์ทั้งสามและจำเลยทั้งสอง เมื่อ อ. ถึงแก่ความตายแล้ว จำเลยที่ 2 ได้ ครอบครองที่ดินพิพาทต่อมาโดยโจทก์ทั้งสามไม่ได้ครอบครองร่วมด้วย อ. เจ้ามรดกถึงแก่ความตายเมื่อวันที่ 3 เมษายน 2521 โจทก์ทั้งสามทราบแล้ว แต่เพิ่มมาฟ้องคดีมรดกเมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม 2527 พ้น 1 ปี นับแต่เจ้ามรดกถึงแก่ความตาย คดีโจทก์จึงขาดอายุความฟ้องคดีมรดกตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1748, 1754เมื่อคดีของโจทก์ขาดอายุความฟ้องคดีมรดกเสียแล้ว ปัญหาที่โจทก์ทั้งสามอ้างว่าเมื่อวันที่ 2 มิถุนายน 2526 จำเลยทั้งสองไปแจ้งความเท็จต่อเจ้าพนักงานให้ใส่ชื่อ จำเลยทั้งสองในหนังสือรับรองการทำประโยชน์ที่ดินพิพาทเพียงสองคน เป็นการปิดบังทรัพย์มรดก ต้องถูกกำจัดไม่ให้รับมรดกนั้น จึงไม่จำต้องวินิจฉัยให้ต่อไป

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2284/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความฟ้องคดีมรดกและการครอบครองทรัพย์มรดกโดยทายาทอื่น
ที่ดินพิพาทเป็นทรัพย์มรดกของ อ. ตกทอดแก่ทายาทคือโจทก์ทั้งสามและจำเลยทั้งสอง เมื่อ อ. ถึงแก่ความตายแล้ว จำเลยที่ 2ได้ ครอบครองที่ดินพิพาทต่อมาโดยโจทก์ทั้งสามไม่ได้ครอบครองร่วมด้วย อ. เจ้ามรดกถึงแก่ความตายเมื่อวันที่ 3 เมษายน 2521 โจทก์ทั้งสามทราบแล้ว แต่เพิ่มมาฟ้องคดีมรดกเมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม 2527 พ้น1 ปี นับแต่เจ้ามรดกถึงแก่ความตาย คดีโจทก์จึงขาดอายุความฟ้องคดีมรดกตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1748,1754เมื่อคดีของโจทก์ขาดอายุความฟ้องคดีมรดกเสียแล้ว ปัญหาที่โจทก์ทั้งสามอ้างว่าเมื่อวันที่ 2 มิถุนายน 2526 จำเลยทั้งสองไปแจ้งความเท็จต่อเจ้าพนักงานให้ใส่ชื่อ จำเลยทั้งสองในหนังสือรับรองการทำประโยชน์ที่ดินพิพาทเพียงสองคน เป็นการปิดบังทรัพย์มรดกต้อง ถูกกำจัดไม่ให้รับมรดกนั้น จึงไม่จำต้องวินิจฉัยให้ต่อไป.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2231/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เช็คไม่มีมูลหนี้-ฉ้อฉล: โจทก์-ทายาทสมคบกันฟ้องเรียกหนี้จากจำเลยที่ไม่เคยทำสัญญาซื้อขาย
จำเลยสั่งจ่ายเช็คพิพาท 2 ฉบับ กับเช็คอื่นอีก 22 ฉบับ เพื่อเป็นค่ามัดจำในการซื้อที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างจาก ซ.แต่ซ.ถึงแก่กรรมเสียก่อนจึงมิได้ทำสัญญาซื้อขายกับจำเลย เช็คพิพาทตกอยู่ในความครอบครองของ ม. บุตรของ ซ. และ ม. ก็ไม่ยอมขายที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างดังกล่าวให้จำเลย แต่กลับมอบเช็คพิพาทให้โจทก์เพื่อให้โจทก์นำมาฟ้องจำเลยเป็นคดีอาญาและเป็นคดีนี้การกระทำของโจทก์และ ม. จึงเป็นการคบคิดกันฉ้อฉลเพื่อทำให้จำเลยไม่สามารถอ้างข้อต่อสู้ที่มีต่อ ซ. และ ม. มายันโจทก์ในคดีนี้ได้ เมื่อความจริงมูลหนี้ตามเช็คพิพาทมิได้มีอยู่ จำเลยจึงไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์ตาม ป.พ.พ. มาตรา 916 ประกอบมาตรา 989.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2136/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแต่งตั้งผู้จัดการมรดก: ความเป็นธรรมในการแต่งตั้งทายาทร่วมเป็นผู้จัดการมรดก
บุตรของเจ้ามรดกที่ยังมีชีวิตอยู่มีอยู่ด้วยกันเพียง 2 คน คือผู้ร้องและผู้คัดค้านที่ 1 ซึ่งต่างก็ ทราบเรื่องเกี่ยวกับมรดกของผู้ตายดีว่ามีทรัพย์อะไรบ้าง การแต่งตั้งให้บุคคลทั้งสองซึ่งเป็นทายาทที่มีสิทธิ์ รับมรดกของผู้ตายด้วยกันเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตายร่วมกันนั้น ย่อมมีความเป็นธรรมดีกว่าที่จะแต่งตั้งให้คนหนึ่งคนใดจัดการมรดกไปเพียงลำพังคนเดียว.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1424/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การจัดการมรดกโดยผู้จัดการมรดกหลายคน กรณีข้อพิพาทเรื่องยักยอกทรัพย์มรดก
ผู้ร้องและผู้คัดค้านต่าง ขอให้ตั้ง ตน เป็นผู้จัดการมรดกข้อเท็จจริงได้ความว่าทรัพย์สินบางรายการที่ทั้งสองฝ่ายกล่าวหาว่าแต่ ละฝ่ายได้ ยักยอกเอาทรัพย์สินของกองมรดกไปนั้น ยังฟังไม่ได้ว่าฝ่ายใดเป็นผู้กระทำผิด ดังนี้ เพื่อให้ผู้ร้องทั้งสองกับผู้คัดค้าน และทายาทอื่นทุกฝ่ายได้ รับประโยชน์จากกองมรดกด้วย ความเป็นธรรม มากที่สุด จึงสมควรให้ผู้ร้องทั้งสองกับผู้คัดค้านเป็นผู้จัดการมรดกร่วมกัน.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1227/2533 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิภารจำยอมตกทอดแก่ทายาทได้ แม้ยังมิได้จดทะเบียน
สิทธิตาม นิติกรรมเกี่ยวกับภารจำยอมที่สามีโจทก์มีสิทธิที่จะใช้ ทางผ่านที่ดินจำเลยตาม สัญญาที่ทำไว้กับจำเลยและจำเลยได้ รับค่าตอบแทนไปแล้วนั้น แม้จะมิได้จดทะเบียนการได้ มากับพนักงานเจ้าหน้าที่ยังไม่เป็นทรัพยสิทธิที่บริบูรณ์ตาม ป.พ.พ.มาตรา 1299 แต่ ก็เป็นบุคคลสิทธิใช้ บังคับกันได้ ระหว่างคู่สัญญาและมิใช่สิทธิที่ตาม กฎหมายหรือว่าโดย สภาพแล้วเป็นการเฉพาะตัวของสามีโจทก์โดย แท้ เมื่อสามีโจทก์ตาย ไป สิทธิดังกล่าวย่อมตกทอดแก่โจทก์ซึ่ง เป็นทายาทตาม ป.พ.พ. มาตรา 15991600.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1227/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิภารจำยอมตกทอดแก่ทายาทได้ แม้ยังมิได้จดทะเบียน
สิทธิตามนิติกรรมเกี่ยวกับภารจำยอมนั้น แม้จะมิได้จดทะเบียนการได้มากับพนักงานเจ้าหน้าที่ยังไม่เป็นทรัพย์สิทธิที่บริบูรณ์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1299 แต่ก็เป็นบุคคลสิทธิใช้บังคับกันได้ระหว่างคู่สัญญา และมิใช่สิทธิที่ตามกฎหมายหรือโดยสภาพแล้วเป็นการเฉพาะตัวของคู่สัญญาโดยแท้ เมื่อคู่สัญญาตายไป สิทธิดังกล่าวย่อมตกทอดแก่ทายาทตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1599,1600

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1124/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การจ่ายบำเหน็จพนักงานยาสูบ: การประพฤติชั่วร้ายแรงเป็นเหตุให้ทายาทไม่มีสิทธิได้รับเงินบำเหน็จ
ตามระเบียบการจ่ายบำเหน็จแก่พนักงานยาสูบ พ.ศ. 2500ได้กำหนดเงื่อนไขการจ่ายเงินบำเหน็จแก่พนักงานไว้ว่าพนักงานยาสูบมีสิทธิได้รับเงินบำเหน็จเมื่อถึงแก่กรรม และการถึงแก่กรรมนั้นมิได้เกิดขึ้นเนื่องจากการประพฤติชั่วอย่างร้ายแรงตามระเบียบดังกล่าวไม่ได้กำหนดว่าพนักงานที่ถึงแก่กรรมและไม่มีสิทธิได้รับเงินบำเหน็จจะต้องเป็นการถึงแก่กรรมเพราะถูกบุคคลอื่นฆ่าตายเนื่องจากการประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง ดังนั้นไม่ว่าพนักงานจะถึงแก่กรรมเพราะเหตุใดก็ตาม ถ้าเนื่องจากการประพฤติชั่วอย่างร้ายแรงแล้วก็ไม่มีสิทธิได้รับเงินบำเหน็จตามระเบียบนี้ การที่ ท. ใช้อาวุธปืนยิง ย. ในที่ทำงานและในเวลาทำงานล่วงเวลาของโรงงานยาสูบผู้เป็นนายจ้าง ถือได้ว่าเป็นการประพฤติชั่วอย่างร้ายแรงในเวลาต่อเนื่องกันหลังจากประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง ท. ได้ใช้อาวุธปืนยิงตัวเองจนถึงแก่ความตาย การฆ่าตัวตายของ ท. ก็เพื่อหนีความรับผิดจากการประพฤติชั่วอย่างร้ายแรงนั่นเอง การถึงแก่กรรมของ ท.จึงเนื่องจากการประพฤติชั่วอย่างร้ายแรงตามระเบียบดังกล่าวโจทก์ซึ่งเป็นทายาทของ ท. จึงไม่มีสิทธิได้รับเงินบำเหน็จ.
of 132