คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ทุนทรัพย์

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 764 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 78/2519

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาต้องห้าม: แก้ไขเล็กน้อยค่าเสียหาย, จงใจขาดนัดยื่นคำให้การ, จำนวนทุนทรัพย์ไม่เกิน 5,000 บาท
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ 2,000 บาทศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้จำนวนค่าเสียหายเป็น 950 บาทเป็นการแก้เฉพาะจำนวนค่าเสียหาย จึงเป็นการแก้ไขเล็กน้อย จำเลยฎีกาว่ามิได้จงใจขาดนัดยื่นคำให้การในปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามตาม มาตรา 248 แก้ไขเพิ่มเติมฉบับที่ 5 พ.ศ.2499 มาตรา 25

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 565/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิฎีกาในคดีที่มีทุนทรัพย์ไม่เกิน 5,000 บาท และผลของกฎหมายที่ใช้บังคับ ณ วันยื่นฎีกา
โจทก์จำเลยพิพาทกันด้วยเรื่องที่ดินราคา 5,000 บาท ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นว่าที่พิพาทเป็นของจำเลย และศาลชั้นต้นอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้คู่ความฟังเมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2518 โจทก์ฎีกาว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์โดยยื่นเมื่อวันที่ 6 มีนาคม 2518 อันเป็นวันก่อนพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง (ฉบับที่ 6) พ.ศ. 2518 มีผลบังคับ การพิจารณาว่าคู่ความมีสิทธิฎีกาได้หรือไม่เพียงไรนั้น ต้องพิจารณาตามบทกฎหมายและสิทธิในวันยื่นฎีกาเป็นสำคัญ ฎีกาโจทก์จึงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 ซึ่งใช้อยู่ในวันยื่นฎีกา
(อ้างตามคำพิพากษาฎีกาที่ 542/2500)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 565/2519

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิฎีกาจำกัดในคดีทุนทรัพย์น้อยกว่า 5,000 บาท ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
โจทก์จำเลยพิพาทกันด้วยเรื่องที่ดินราคา 5,000 บาทศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นว่าที่พิพาทเป็นของจำเลย และศาลชั้นต้นอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้คู่ความฟังเมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2518 โจทก์ฎีกาว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์โดยยื่นเมื่อวันที่ 6 มีนาคม 2518อันเป็นวันก่อนพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง (ฉบับที่ 6) พ.ศ.2518 มีผลบังคับ การพิจารณาว่าคู่ความมีสิทธิฎีกาได้หรือไม่เพียงไรนั้น ต้องพิจารณาตามบทกฎหมายและสิทธิในวันยื่นฎีกาเป็นสำคัญ ฎีกาโจทก์จึงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 ซึ่งใช้อยู่ในวันยื่นฎีกา (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 542/2500)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 364/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฎีกาในข้อเท็จจริงขัดกับข้อจำกัดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง (ฉบับแก้ไข) กรณีทุนทรัพย์เกินกว่าที่กฎหมายกำหนด
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยได้บังอาจกระทำความผิดต่อกฎหมายหลายกรรมต่างกัน คือจำเลยบังอาจร่วมกันมีเฮโรอีนไฮโดรคลอไรด์ และจำเลยบังอาจร่วมกันขายเฮโรอีนไฮโดรคลอไรด์ จำเลยให้การรับสารภาพว่าได้กระทำความผิดจริงตามฟ้องทุกประการ โจทก์นำพยานเข้าสืบประกอบคำรับสารภาพของจำเลยว่า นอกจากเฮโรอีนของกลางบรรจุซองพลาสติกซึ่งพลตำรวจ จ. ปลอมตัวไปซื้อแล้ว ต่อมาเจ้าพนักงานตำรวจยังค้นได้ธนบัตร ฉบับละ 10 บาท 2 ฉบับใช้ห่อเฮโรอีนไว้ 2 ห่อจากจำเลยอีก ดังนี้ การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ต้องลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ซึ่งแก้ไขโดยประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 11 พ.ศ. 2514 ข้อ 2

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 357/2519

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การจำกัดสิทธิในการฎีกาในข้อเท็จจริงตามทุนทรัพย์ภายหลังการแก้ไขประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
จำเลยฎีกาในข้อเท็จจริง และได้ยื่นฎีกาหลังจากพระราชบัญญัติแก้ไขเะพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง (ฉบับที่ 6) พ.ศ. 2518 ใช้บังคับแล้ว การพิจารณาว่าจำเลยจะฎีกาได้หรือไม่ต้องพิจารณาตามบทกฎหมายที่ใช้อยู่ในขณะที่ยื่นฎีกา คดีนี้มีทุนทรัพย์ 48,881 บาท จำเลยจึงฎีกาในข้อเท็จจริงไม่ได้ เพราะต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 ซึ่งได้แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง (ฉบับที่ 6) พ.ศ. 2518 มาตรา 6

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1825/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ทุนทรัพย์คดีละเมิด: ศาลฎีกาวินิจฉัยว่ามูลค่าความเสียหายตามฟ้องเป็นเกณฑ์พิจารณาการอุทธรณ์และฎีกา ไม่ใช่จำนวนที่ศาลชั้นต้นพิพากษา
โจทก์ฟ้องเรียกค่าเสียหายจากจำเลยในมูลละเมิดเป็นเงิน 52,140 บาท คดีจึงมีทุนทรัพย์ 52,140 บาท ไม่ใช่ทุนทรัพย์ 40,000 บาท เท่าที่ศาลล่างพิพากษาให้จำเลยใช้คดีจึงมิต้องห้ามฎีกาในข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1825/2519

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ทุนทรัพย์คดีแพ่ง: การกำหนดมูลค่าที่แท้จริงเพื่อใช้ในการพิจารณาคดีและการฎีกา
โจทก์ฟ้องเรียกค่าเสียหายจากจำเลยในมูลละเมิดเป็นเงิน 52,140 บาท คดีจึงมีทุนทรัพย์ 52,140 บาท ไม่ใช่ทุนทรัพย์ 40,000 บาทเท่าที่ศาลล่างพิพากษาให้จำเลยใช้ คดีจึงมิต้องห้ามฎีกาในข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1618/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ค่าขึ้นศาลกรณีทุนทรัพย์ที่ฟ้องแย้งสูงกว่าจำนวนที่ศาลพิพากษา ชี้เจตนาจำเลยสำคัญ
ในกรณีที่ศาลพิพากษาให้คู่ความฝ่ายแพ้คดีชดใช้เงินหรือแย่งทรัพย์ให้แค่คู่ความที่ชนะคดีน้อยกว่าจำนวนเงิน หรือจำนวนทุนทรัพย์ฝ่ายที่ชนะคดีเรียกร้อง การที่จะพิจารณาให้ฝ่ายที่แพ้คดีชดใช้ค่าขึ้นศาลเต็มตามจำนวนทรัพย์ที่ฝ่ายชนะคดีเรียกร้อง หรือจะให้ชดใช้ตามจำนวนทุนทรัพย์ที่ศาลพิพากษาให้นั้น จะต้องดูเจตนาคู่ความฝ่ายที่ชนะคดีว่าแกล้งตั้งทุนทรัพย์ให้สูงหรือไม่เป็นสำคัญ จำเลยฟ้องแย้งให้โจทก์ชดใช้ค่าเสื่อมราคารถพิพาท 20,000 บาท ศาลชั้นต้นให้ชดใช้ 15,000 บาท ศาลอุทธรณ์ให้ชดใช้ 10,000 บาท เห็นได้ว่าจำเลยไม่มีเจตนาแกล้งตั้งทุนทรัพย์ให้สูง แต่เป็นเพราะยากที่จะเรียกร้องให้ถูกต้องได้ ที่ศาลให้โจทก์เสียค่าขึ้นศาลแทนจำเลยตามจำนวนทุนทรัพย์ที่จำเลยเรียกร้องจึงชอบแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1618/2519

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ค่าขึ้นศาลในคดีฟ้องแย้ง: พิจารณาเจตนาตั้งทุนทรัพย์สูงหรือไม่ เพื่อตัดสินชดใช้ค่าขึ้นศาลตามจำนวนที่พิพากษาหรือไม่
ในกรณีที่ศาลพิพากษาให้คู่ความฝ่ายที่แพ้คดีชดใช้เงินหรือแบ่งทรัพย์ให้แก่คู่ความที่ชนะคดีน้อยกว่าจำนวนเงินหรือจำนวนทุนทรัพย์ฝ่ายที่ชนะคดีเรียกร้อง การที่จะพิจารณาให้ฝ่ายที่แพ้คดีชดใช้ค่าขึ้นศาลเต็มตามจำนวนทุนทรัพย์ที่ฝ่ายชนะคดีเรียกร้องหรือจะให้ชดใช้ตามจำนวนทุนทรัพย์ที่ศาลพิพากษาให้นั้น จะต้องดูเจตนาของคู่ความฝ่ายที่ชนะคดีว่าแกล้งตั้งทุนทรัพย์ให้สูงหรือไม่เป็นสำคัญ จำเลยฟ้องแย้งให้โจทก์ชดใช้ค่าเสื่อมราคารถพิพาท 20,000 บาทศาลชั้นต้นให้ชดใช้ 15,000 บาท ศาลอุทธรณ์ให้ชดใช้ 10,000 บาท เห็นได้ว่าจำเลยไม่มีเจตนาแกล้งตั้งทุนทรัพย์ให้สูง แต่เป็นเพราะยากที่จะเรียกร้องให้ถูกต้องได้ ที่ศาลให้โจทก์เสียค่าขึ้นศาลแทนจำเลยตามจำนวนทุนทรัพย์ที่จำเลยเรียกร้องจึงชอบแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1533/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ จำกัดสิทธิฎีกาในส่วนของโจทก์ที่ทุนทรัพย์ไม่เกิน 50,000 บาท และสิทธิเรียกร้องค่าเสียหายของผู้ถูกละเมิดแม้เบิกค่ารักษาพยาบาลได้
โจทก์หลายคนฟ้องจำเลยให้รับผิดฐานละเมิดมาในฟ้องเดียวกัน โดยแยกทุนทรัพย์ที่โจทก์แต่ละคนเรียกร้องเป็นจำนวนเท่าใดมาชัดเจน เป็นส่วนของแต่ละคนมิได้เรียกร้องเป็นจำนวนรวมกันมา เมื่อทุนทรัพย์ของโจทก์คนใดไม่เกิน 50,000 บาท และศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น จำเลยจะฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงเกี่ยวกับโจทก์คนนั้นมิได้ ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248
แม้ผู้ถูกทำละเมิดเป็นข้าราชการ มิสิทธิเบิกเงินค่ารักษาพยาบาลจากทางราชการได้ ก็ไม่ทำให้สิทธิของผู้ถูกทำละเมิดที่จะเรียกร้องจากผู้ต้องรับผิดในผลแห่งการละเมิดต้องระงับไป
of 77