พบผลลัพธ์ทั้งหมด 702 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 795/2517
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
โมฆียะกรรมสัญญาประกันภัย การใช้สิทธิบอกล้างต้องภายใน 1 เดือนนับแต่วันทราบมูล
สามีของโจทก์เอาประกันชีวิตกับบริษัทจำเลยโดยปกปิดความจริงและแถลงเท็จว่าไม่เคยให้แพทย์คนใดวินิจฉัยโรคมาก่อน ทั้งที่สามีของโจทก์เป็นโรคตับแข็งและโรคในลำคออยู่ก่อน ทำให้บริษัทจำเลยไม่อาจบอกปัดไม่ยอมรับประกันชีวิตเสียได้ สัญญาประกันชีวิตจึงตกเป็นโมฆียะ แต่บริษัทจำเลยไม่ใช้สิทธิบอกล้างเสียภายในหนึ่งเดือนนับแต่วันทราบมูลอันจะบอกล้างได้จึงหมดสิทธิจะบอกล้าง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2995/2517
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การไม่เปิดเผยข้อความจริงในสัญญาประกันภัย ทำให้สัญญานั้นเป็นโมฆียะ ผู้เอาประกันต้องแจ้งรายได้ที่แท้จริง
โจทก์เอาประกันภัยกับจำเลยสำหรับค่าทดแทนลูกจ้างของโจทก์ในระดับผู้จัดการร้านสาขา ถ้าโจทก์มีความรับผิดต้องจ่ายค่าทดแทน จำเลยจะต้องชดใช้เงินทุกจำนวนที่โจทก์จะต้องรับผิดนั้น กรมธรรม์ประกันภัยฉบับพิพาทข้อ 5 ระบุว่า"ค่าเบี้ยประกันภัยจะต้องคิดตามจำนวนค่าแรงและเงินเดือนตลอดทั้งรายได้อื่นๆที่ผู้เอาประกันจ่ายให้แก่ลูกจ้างในระหว่างระยะเวลาประกันภัยระยะหนึ่งๆ" ดังนั้นการแจ้งจำนวนรายได้ที่แท้จริงที่ผู้เอาประกันภัยจ่ายให้ลูกจ้างจึงเป็น ข้อสารสำคัญ เมื่อโจทก์แจ้งจำนวนเงินผิดไปถึง 10 เท่าตัวเศษเป็นผลทำให้จำเลยไม่อาจเรียกเบี้ยประกันภัยซึ่งตนมีสิทธิเรียกร้องได้ตามกรมธรรม์ประกันภัยถึง 200,000 บาทเศษถือได้ว่าเป็นการไม่เปิดเผยข้อความจริงที่ควรต้องแจ้งให้ผู้รับประกันภัยทราบในเวลาทำสัญญาประกันภัย สัญญาประกันภัยฉบับพิพาทจึงตกเป็นโมฆียะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 865
ในสัญญาประกันภัย ผู้เอาประกันภัยมีหน้าที่สำคัญที่จะต้องเปิดเผยข้อความจริงทุกข้ออันอาจจะทำให้ผู้รับประกันภัยเรียกเบี้ยประกันภัยสูงขึ้นหรือบอกปัดไม่ยอมทำสัญญาด้วย แม้กรมธรรม์ประกันภัยจะระบุให้จำเลยมีสิทธิตรวจดูสมุดบัญชีก็ตาม แต่ก็หาใช่เป็นหน้าที่ตามกฎหมายที่จำเลยจะต้องแสวงหาข้อเท็จจริงนี้เองไม่ และจะถือว่าจำเลยควรจะทราบข้อเท็จจริงนี้ก็ไม่ได้ดุจกัน
เมื่อผู้จัดการร้านสาขาคนหนึ่งของโจทก์ถึงแก่ความตายในขณะปฏิบัติหน้าที่ โจทก์ได้แจ้งรายได้อื่นๆ ของผู้ตายนอกจากเงินเดือนให้จำเลยทราบด้วยแล้ว จำเลยไม่ได้บอกล้างโมฆียะกรรมภายใน 1 เดือนนับแต่นั้น แต่การที่จำเลยจะบอกล้างโมฆียะกรรมรายนี้ได้ จำเลยจะต้องรู้ข้อเท็จจริงมากกว่านั้น คือต้องคำนวณจากรายได้ที่แท้จริงทั้งหมดของผู้จัดการร้านสาขาของโจทก์ทั้งหมด เพื่อจะได้ความว่าโจทก์ปกปิดข้อความจริงใดอันจะทำให้สัญญาประกันภัยตกเป็นโมฆียะหรือไม่ เมื่อจำเลยสอบถามไปโจทก์ก็ไม่ตอบให้จำเลยทราบจนกระทั่งฟ้องจำเลยแล้วและจำเลยก็ได้บอกล้างไปภายใน 1 เดือนนับแต่จำเลยได้สอบถามไปกรณีจึงไม่ต้องด้วยวรรคสอง ของมาตรา 865
ในสัญญาประกันภัย ผู้เอาประกันภัยมีหน้าที่สำคัญที่จะต้องเปิดเผยข้อความจริงทุกข้ออันอาจจะทำให้ผู้รับประกันภัยเรียกเบี้ยประกันภัยสูงขึ้นหรือบอกปัดไม่ยอมทำสัญญาด้วย แม้กรมธรรม์ประกันภัยจะระบุให้จำเลยมีสิทธิตรวจดูสมุดบัญชีก็ตาม แต่ก็หาใช่เป็นหน้าที่ตามกฎหมายที่จำเลยจะต้องแสวงหาข้อเท็จจริงนี้เองไม่ และจะถือว่าจำเลยควรจะทราบข้อเท็จจริงนี้ก็ไม่ได้ดุจกัน
เมื่อผู้จัดการร้านสาขาคนหนึ่งของโจทก์ถึงแก่ความตายในขณะปฏิบัติหน้าที่ โจทก์ได้แจ้งรายได้อื่นๆ ของผู้ตายนอกจากเงินเดือนให้จำเลยทราบด้วยแล้ว จำเลยไม่ได้บอกล้างโมฆียะกรรมภายใน 1 เดือนนับแต่นั้น แต่การที่จำเลยจะบอกล้างโมฆียะกรรมรายนี้ได้ จำเลยจะต้องรู้ข้อเท็จจริงมากกว่านั้น คือต้องคำนวณจากรายได้ที่แท้จริงทั้งหมดของผู้จัดการร้านสาขาของโจทก์ทั้งหมด เพื่อจะได้ความว่าโจทก์ปกปิดข้อความจริงใดอันจะทำให้สัญญาประกันภัยตกเป็นโมฆียะหรือไม่ เมื่อจำเลยสอบถามไปโจทก์ก็ไม่ตอบให้จำเลยทราบจนกระทั่งฟ้องจำเลยแล้วและจำเลยก็ได้บอกล้างไปภายใน 1 เดือนนับแต่จำเลยได้สอบถามไปกรณีจึงไม่ต้องด้วยวรรคสอง ของมาตรา 865
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2664/2517
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
นิติสัมพันธ์สัญญาประกันภัย: โจทก์ผู้ออกเงินค่าประกันภัยไม่มีอำนาจฟ้องผู้รับประกันภัยโดยตรง
โจทก์เช่าซื้อรถยนต์จากจำเลยที่ 1 โดยมีข้อตกลงในสัญญาเช่าซื้อว่า โจทก์เป็นผู้เสียค่าประกันภัยรถยนต์ในนามจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นเจ้าของรถ แล้วจำเลยที่ 1 ได้ไปทำสัญญาประกันภัยรถคันนี้กับจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นผู้รับประกันภัย และโจทก์เป็นผู้ออกเงินในการประกัน ดังนี้ ถือไม่ได้ว่าโจทก์ได้ร่วมกับจำเลยที่ 1 เอาประกันภัยรถคันที่เช่าซื้อ โจทก์จึงไม่มีนิติสัมพันธ์กับจำเลยที่ 2 และไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยที่ 2 ให้รับผิดใช้เงินค่ารถยนต์คันที่เช่าซื้อซึ่งได้หายไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2278/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การปกปิดข้อมูลทางการแพทย์และการบอกล้างนิติกรรมประกันภัย การพิจารณาความสำคัญของข้อมูลที่ถูกปกปิดตามหลักวิญญูชน
ข้อความจริงอย่างไรจะถือว่าอาจจูงใจผู้รับประกันภัยให้เรียกเบี้ยประกันภัยสูงขึ้น หรือบอกปัดไม่ยอมทำสัญญาตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 865 นั้น ต้องถือตามความเห็นของวิญญูชนทั่วไปเป็นหลัก จะถือว่าถ้ามีการปกปิดความจริงไม่ว่าประการใด ๆ แล้ว จะทำให้สัญญาเป็นโมฆียะไปเสียทั้งหมดหาได้ไม่ (อ้างฎีกาที่ 715/2513)
ขณะที่ ถ. ขอเอาประกันชีวิตกับจำเลย ถ. มีสุขภาพดี แพทย์ผู้ตรวจไม่พบโรคไต แสดงว่าโรคไตของ ถ. อาจหายแล้ว หรือไม่อยู่ในขั้นร้ายแรง ถ. ถึงแก่กรรมเพราะเส้นโลหิตแตกในสมอง มิใช่โรคไต ฉะนั้น ที่ ถ. มิได้เปิดเผยเรื่องที่เคยเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลมาก่อนขอเอาประกันภัยให้จำเลยทราบนั้น จึงไม่อาจอนุมานเอาได้ว่าถ้าได้เปิดเผยข้อความจริงเช่นนั้น จะจูงใจจำเลยให้บอกปัดไม่ยอมทำสัญญาอันจะทำให้สัญญาเป็นโมฆียะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 865
ขณะที่ ถ. ขอเอาประกันชีวิตกับจำเลย ถ. มีสุขภาพดี แพทย์ผู้ตรวจไม่พบโรคไต แสดงว่าโรคไตของ ถ. อาจหายแล้ว หรือไม่อยู่ในขั้นร้ายแรง ถ. ถึงแก่กรรมเพราะเส้นโลหิตแตกในสมอง มิใช่โรคไต ฉะนั้น ที่ ถ. มิได้เปิดเผยเรื่องที่เคยเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลมาก่อนขอเอาประกันภัยให้จำเลยทราบนั้น จึงไม่อาจอนุมานเอาได้ว่าถ้าได้เปิดเผยข้อความจริงเช่นนั้น จะจูงใจจำเลยให้บอกปัดไม่ยอมทำสัญญาอันจะทำให้สัญญาเป็นโมฆียะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 865
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1996/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาประกันภัยครอบคลุมความเสียหายจากชิงทรัพย์ขณะเดินทาง
โจทก์นำรถยนต์เอาประกันวินาศภัยไว้กับจำเลยตามสัญญากรมธรรม์ประกันภัยระบุไว้ว่า "การสูญหรือเสียหายแก่ยานพาหนะที่ระบุไว้ในตารางแห่งกรมธรรม์นี้รวมทั้งเครื่องอุปกรณ์ในระหว่างที่ยังติดประจำอยู่อันเกิดจาก (ก) ไฟไหม้ ฯลฯ หรือลักทรัพย์หรือ (ข) การกลั่นแกล้งหรือ (ค) ระหว่างเดินทางโดยทางถนน รถไฟ ฯลฯ" เมื่อรถยนต์ของโจทก์ถูกคนร้ายชิงเอาไปขณะเดินทางโดยทางถนนจึงเป็นกรณีที่โจทก์สูญเสียยานพาหนะที่เอาประกันภัยไว้ในความผิดฐานชิงทรัพย์ ซึ่งมีการกระทำที่เป็นความผิดฐานลักทรัพย์อยู่ในตัวถือได้ว่าโจทก์ต้องสูญเสียรถ เพราะมีการลักรถนั้นไป กรณีต้องตามเงื่อนไขในสัญญากรมธรรม์ประกันภัย จำเลยต้องรับผิดต่อโจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1887/2517
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องแย้งเกี่ยวเนื่องกับฟ้องเดิม: ค่าประกันภัยรถเช่าซื้อ จำเลยมีสิทธิเรียกคืนเงินจากโจทก์ได้
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 2 ในฐานะส่วนตัว ขอซื้อรถยนต์จากโจทก์โดยระบบเช่าซื้อ จำเลยที่ 2 ได้ชำระเงินมัดจำโดยสั่งจ่ายเช็คฉบับละ 5,000 บาทหลายฉบับ ต่อมาได้สั่งจ่ายเช็คอีก 2 ฉบับ มอบให้โจทก์แทนเช็คฉบับก่อน เช็ค 2 ฉบับนี้จำเลยที่ 2 ในฐานะหุ้นส่วนผู้จัดการจำเลยที่ 1 ได้ลงนามเป็นผู้สั่งจ่ายแทนจำเลยที่ 1. ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน ขอให้บังคับจำเลยทั้งสองจ่ายเงินตามเช็ค จำเลยทั้งสองให้การว่า จำเลยที่ 2 ต้องจ่ายเงินค่าประกันรถที่เช่าซื้อจากโจทก์คันละ 5,000 บาทให้โจทก์เป็นผู้ไปประกันแล้วเอาสัญญาประกันภัยมามอบให้จำเลยที่ 2. จำเลยที่ 2 จึงจ่ายเช็คของจำเลยที่ 1 ให้โจทก์ไป 6 ฉบับๆ ละ 5,000 บาท โจทก์นำเช็ค 4 ฉบับเบิกเงินจากธนาคารไปแล้ว แต่ไม่นำสัญญาประกันภัยมาให้จำเลยที่ 2 จำเลยที่ 2 จึงไม่นำเงินเข้าบัญชีจำเลยที่ 1 จึงถูกตำรวจเรียกตัวไป แต่ตกลงกันได้ โดยจำเลยที่ 2 จ่ายเงินให้โจทก์ตามเช็ค 2 ฉบับอีก 6,000 บาทจะจ่ายภายใน 3 วัน โจทก์มิได้ประกันภัยและนำสัญญาประกันภัยรถยนต์มาให้จำเลยที่ 2 จำเลยที่ 2ฟ้องแย้ง ขอให้โจทก์คืนเงิน 24,000 บาท เงิน 24,000 บาทที่จำเลยที่ 2 ฟ้องแย้งเรียกคืนนี้ เป็นเงินที่จำเลยที่ 2 อ้างว่าเนื่องจากจำเลยที่ 2 จ่ายเป็นเช็คให้โจทก์เกี่ยวกับการที่จำเลยที่ 2 เช่าซื้อรถไปจากโจทก์ โดยเป็นเงินที่จำเลยที่ 2 จ่ายเป็นค่าประกันภัยรถที่เช่าซื้อจากโจทก์ คำฟ้องแย้งของจำเลยที่ 2 จึงเกี่ยวข้องกับฟ้องเดิม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1726/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ผลของการโอนกรมธรรม์ประกันภัย: การแสดงเจตนาต้องถึงผู้รับประกันก่อนเกิดเหตุ
จำเลยรับประกันภัยรถยนต์ของโจทก์ไว้ โดยมีข้อสัญญาต่อกันว่าให้โจทก์เปลี่ยนรถคันใหม่เข้าประกันแทนรถคันเดิมได้แต่การโอนนี้จะมีผลเมื่อใดไม่มีข้อตกลงไว้แน่ชัด โจทก์มีหนังสือแจ้งไปยังจำเลยขอโอนกรมธรรม์ไปคุ้มครองรถคันใหม่ ระหว่างที่ยังไม่ได้รับคำตอบจากจำเลย คนขับรถของโจทก์ขับรถคันเดิมชนราวสะพานได้รับความเสียหาย หลังจากนั้นโจทก์จึงได้รับหนังสือสนองตอบจากจำเลยว่าได้สลักหลังกรมธรรม์และลงนามไว้เป็นสำคัญ ณ วันที่ตอบสนอง เห็นได้ว่าจำเลยมิได้ถือว่าการขอโอนกรมธรรม์มีผลก่อนวันที่ระบุไว้ในหนังสือตอบสนอง หรือตั้งแต่วันที่โจทก์มีหนังสือขอโอน การแสดงเจตนายอมรับการโอนการคุ้มครองรถย่อมมีผลเมื่อโจทก์ได้รับหนังสือสนองตอบของจำเลยอันเป็นเวลาหลังจากเกิดเหตุแล้ว จำเลยจึงไม่พ้นความรับผิด เพราะวินาศภัยที่เกิดขึ้นแก่รถคันที่เกิดเหตุ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1726/2517
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ผลของการโอนกรมธรรม์ประกันภัย: การแสดงเจตนาต้องถึงผู้รับประกันก่อนเกิดเหตุ
จำเลยรับประกันภัยรถยนต์ของโจทก์ไว้ โดยมีข้อสัญญาต่อกันว่าให้โจทก์เปลี่ยนรถคันใหม่เข้าประกันแทนรถคันเดิมได้แต่การโอนนี้จะมีผลเมื่อใดไม่มีข้อตกลงไว้แน่ชัด โจทก์มีหนังสือแจ้งไปยังจำเลยขอโอนกรมธรรม์ไปคุ้มครองรถคันใหม่ ระหว่างที่ยังไม่ได้รับคำตอบจากจำเลย คนขับรถของโจทก์ขับรถคันเดิมชนราวสะพานได้รับความเสียหาย หลังจากนั้นโจทก์จึงได้รับหนังสือสนองตอบจากจำเลยว่าได้สลักหลังกรมธรรม์และลงนามไว้เป็นสำคัญณ วันที่ตอบสนอง เห็นได้ว่าจำเลยมิได้ถือว่าการขอโอนกรมธรรม์มีผลก่อนวันที่ระบุไว้ในหนังสือตอบสนอง หรือตั้งแต่วันที่โจทก์มีหนังสือขอโอน การแสดงเจตนายอมรับการโอนการคุ้มครองรถย่อมมีผลเมื่อโจทก์ได้รับหนังสือสนองตอบของจำเลยอันเป็นเวลาหลังจากเกิดเหตุแล้ว จำเลยจึงไม่พ้นความรับผิด เพราะวินาศภัยที่เกิดขึ้นแก่รถคันที่เกิดเหตุ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2705/2516
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิของผู้เช่าซื้อในการทำประกันภัยรถยนต์ และอำนาจฟ้องเรียกค่าเสียหายจากผู้ทำละเมิด
ผู้เช่าซื้อมีสิทธิที่จะเอาประกันความเสียหายอันอาจเกิดขึ้นแก่รถที่เช่าซื้อมากับบริษัทประกันภัยได้ และอยู่ในฐานะผู้เสียหายมีอำนาจฟ้องเรียกค่าสินไหมทดแทนแก่ผู้ทำละเมิดได้ด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 858/2515 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาประกันภัยเป็นโมฆียะ หากผู้เอาประกันปกปิดโรคสำคัญ แม้เบี้ยประกันจะสูงขึ้น
ข้อความจริงซึ่งผู้เอาประกันภัยได้ปกปิดไว้ไม่เปิดเผยให้ผู้รับประกันภัยทราบในเวลาทำสัญญาประกันภัย แม้อาจจูงใจผู้รับประกันภัยให้เรียกเบี้ยประกันภัยสูงขึ้นอีกหากได้ทราบข้อความจริงนั้น ไม่ถึงกับให้บอกปัดไม่ยอมทำสัญญาด้วยก็ตามข้อความจริงในระดับความสำคัญทั้งสองประการนี้ย่อมมีผลให้สัญญาประกันภัยเป็นโมฆียะเช่นเดียวกันตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 865
ผลแห่งโมฆียะกรรมตามบทบัญญัติดังกล่าวขึ้นอยู่กับการพิเคราะห์ความสำคัญของข้อความจริง แต่ในชั้นขณะทำสัญญาประกันภัยเท่านั้น ฉะนั้น แม้จะปรากฏว่าผู้เอาประกันชีวิตมิได้มรณะด้วยโรคที่ตนเคยป่วยมาก่อนทำสัญญาประกันชีวิตและได้ปกปิดไว้ไม่เปิดเผยให้ผู้รับประกันภัยทราบก็ตามก็ไม่ทำให้ผลของสัญญาซึ่งเป็นโมฆียะไปแล้วนั้นเปลี่ยนแปลงไปแต่อย่างใด ผู้รับประกันภัยชอบที่จะบอกล้างสัญญาได้
ผลแห่งโมฆียะกรรมตามบทบัญญัติดังกล่าวขึ้นอยู่กับการพิเคราะห์ความสำคัญของข้อความจริง แต่ในชั้นขณะทำสัญญาประกันภัยเท่านั้น ฉะนั้น แม้จะปรากฏว่าผู้เอาประกันชีวิตมิได้มรณะด้วยโรคที่ตนเคยป่วยมาก่อนทำสัญญาประกันชีวิตและได้ปกปิดไว้ไม่เปิดเผยให้ผู้รับประกันภัยทราบก็ตามก็ไม่ทำให้ผลของสัญญาซึ่งเป็นโมฆียะไปแล้วนั้นเปลี่ยนแปลงไปแต่อย่างใด ผู้รับประกันภัยชอบที่จะบอกล้างสัญญาได้