คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ศาลอุทธรณ์

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 2,244 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1009/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หนังสือมอบอำนาจ & การฟ้องละเมิด: ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยประเด็นหนังสือมอบอำนาจแล้ว การบรรยายฟ้องไม่ขัดแย้ง
ที่จำเลยฎีกาว่า จำเลยให้การว่าหนังสือมอบอำนาจกระทำขึ้นโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย และลายมือชื่อของผู้มอบอำนาจไม่ใช่ลายมือชื่อของโจทก์ที่ 1ศาลต้องหยิบยกประเด็นเรื่องหนังสือมอบอำนาจของโจทก์ที่ 1 กระทำขึ้นโดยชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ขึ้นวินิจฉัยนั้น เมื่อศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าโจทก์มีตัวโจทก์ที่ 1 มาเบิกความยืนยันว่าได้มอบอำนาจให้โจทก์ที่ 2 ฟ้องคดีแทน โดยยืนยันว่าลายมือชื่อในช่องผู้มอบอำนาจในหนังสือมอบอำนาจเป็นลายมือชื่อของโจทก์ที่ 1 จริง โดยจำเลยไม่นำสืบให้เห็นเป็นอย่างอื่น จึงฟังได้ว่าโจทก์ที่ 1 มอบอำนาจให้โจทก์ที่ 2ฟ้องคดีแทน เช่นนี้ถือได้ว่าศาลอุทธรณ์ได้ยกประเด็นดังกล่าวขึ้นวินิจฉัยให้แล้ว
โจทก์บรรยายฟ้องว่าโจทก์ขับรถยนต์ไปรับประทานอาหารที่ร้านอาหารของจำเลย ลูกจ้างของจำเลยรับรถยนต์ของโจทก์ไปจอดยังที่จำเลยจัดไว้เป็นการบรรยายว่าจำเลยได้รับฝากรถยนต์ของโจทก์ และบรรยายฟ้องต่อไปว่าลูกจ้างของจำเลยได้ย้ายรถยนต์ของโจทก์จากบริเวณหน้าห้องอาหารซึ่งมีพนักงานของจำเลยเฝ้าดูแลไปจอดยังริมถนนฝั่งตรงข้าม ไม่มีพนักงานของจำเลยเฝ้าดูแลรถยนต์ของโจทก์จึงหายไป อันเป็นการกระทำละเมิดต่อโจทก์ ฟ้องของโจทก์จึงไม่ขัดกัน ไม่เป็นฟ้องเคลือบคลุม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 991/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อจำกัดการฎีกาในคดีที่มีทุนทรัพย์ไม่เกิน 200,000 บาท
ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้จำเลยชำระเงิน 170,000 บาทพร้อมดอกเบี้ยถึงวันฟ้อง รวมเป็นเงิน 199,761.64 บาท จึงมีทุนทรัพย์ชั้นฎีกาไม่เกิน 200,000 บาท ต้องห้ามฎีกาในข้อเท็จจริงตาม ป.วิ.พ. มาตรา 248

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7571/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจศาลอุทธรณ์วินิจฉัยข้อเท็จจริงใหม่ แม้จำเลยไม่ได้อุทธรณ์
แม้จำเลยจะไม่ได้อุทธรณ์ว่าจำเลยมิได้กระทำผิดตามฟ้อง แต่คดีขึ้นมาสู่การพิจารณาพิพากษาคดีของศาลอุทธรณ์ภาค 3 โดยโจทก์เป็นฝ่ายอุทธรณ์ เมื่อศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิจารณาพยานหลักฐานในสำนวนเห็นว่าจำเลยมิได้กระทำผิด ศาลอุทธรณ์ภาค 3 ก็มีอำนาจหยิบยกพยานหลักฐานในสำนวนขึ้นมาวินิจฉัยและฟังข้อเท็จจริงใหม่ว่าจำเลยไม่ได้กระทำผิดดังฟ้องแล้วพิพากษายกฟ้องโจทก์ได้ตาม ป.วิ.อ.มาตรา 185 วรรคหนึ่ง ประกอบมาตรา 215

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7571/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจศาลอุทธรณ์พิจารณาข้อเท็จจริงใหม่ แม้จำเลยไม่ได้อุทธรณ์เรื่องความผิด
แม้จำเลยจะไม่ได้อุทธรณ์ว่าจำเลยมิได้กระทำผิดตามฟ้องแต่คดีขึ้นมาสู่การพิจารณาพิพากษาคดีของศาลอุทธรณ์ภาค 3โดยโจทก์เป็นฝ่ายอุทธรณ์ เมื่อศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิจารณาพยานหลักฐานในสำนวนเห็นว่าจำเลยมิได้กระทำผิด ศาลอุทธรณ์ภาค 3 ก็มีอำนาจหยิบยกพยานหลักฐานในสำนวนขึ้นมาวินิจฉัยและฟังข้อเท็จจริงใหม่ว่าจำเลยไม่ได้กระทำผิดดังฟ้องแล้วพิพากษายกฟ้องโจทก์ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 185 วรรคหนึ่ง ประกอบมาตรา 215

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7495/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจศาลอุทธรณ์ในการวินิจฉัยประเด็นเฉพาะตามอุทธรณ์ แม้มีประเด็นอื่นที่ไม่ได้วินิจฉัยในศาลชั้นต้น
จำเลยให้การต่อสู้คดีว่าโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง ฟ้องโจทก์เคลือบคลุมจำเลยไม่ได้เป็นหนี้โจทก์ตามฟ้อง โจทก์คิดดอกเบี้ยไม่ชอบด้วยกฎหมาย จำเลยไม่เคยได้รับหนังสือบอกกล่าวทวงถามหนี้จากโจทก์ และจำเลยมิได้เป็นผู้มีหนี้สินล้นพ้นตัวก็ตามแต่ที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยในประเด็นว่า จำเลยเป็นหนี้โจทก์เกินกว่า500,000 บาท หรือไม่และจำเลยมีหนี้สินล้นพ้นตัวหรือไม่ ก็ได้วินิจฉัยรวมถึงประเด็นที่จำเลยได้ให้การต่อสู้ไว้แล้ว ยกเว้นในประเด็นว่า โจทก์มีอำนาจฟ้องหรือไม่ และฟ้องโจทก์เคลือบคลุมหรือไม่ที่มิได้วินิจฉัย แต่เมื่อจำเลยมิได้อุทธรณ์โต้แย้งว่าการที่ศาลชั้นต้นมิได้วินิจฉัยในประเด็นดังกล่าวเป็นการไม่ชอบก็ถือได้ว่าจำเลยไม่ติดใจในข้อนี้แล้ว ดังนี้ แม้เป็นปัญหาเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ก็ไม่มีเหตุอันสมควรที่ศาลอุทธรณ์จะยกขึ้นวินิจฉัยและย้อนสำนวนไปให้ศาลชั้นต้นพิจารณาคดีใหม่ ชอบที่ศาลอุทธรณ์จะวินิจฉัยคดีไปตามประเด็นที่จำเลยอุทธรณ์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7495/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจศาลอุทธรณ์ในการวินิจฉัยคดีตามประเด็นที่จำเลยอุทธรณ์ แม้ศาลชั้นต้นมิได้วินิจฉัยประเด็นอื่น
จำเลยให้การต่อสู้คดีว่าโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องฟ้องโจทก์เคลือบคลุมจำเลยไม่ได้เป็นหนี้โจทก์ตามฟ้องโจทก์คิดดอกเบี้ยไม่ชอบด้วยกฎหมายจำเลยไม่เคยได้รับหนังสือบอกกล่าวทวงถามหนี้จากโจทก์และจำเลยมิได้เป็นผู้มีหนี้สินล้นพ้นตัวก็ตามแต่ที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยในประเด็นว่าจำเลยเป็นหนี้โจทก์เกินกว่า500,000บาทหรือไม่และจำเลยมีหนี้สินล้นพ้นตัวหรือไม่ก็ได้วินิจฉัยรวมถึงประเด็นที่จำเลยได้ให้การต่อสู้ไว้แล้วยกเว้นในประเด็นว่าโจทก์มีอำนาจฟ้องหรือไม่และฟ้องโจทก์เคลือบคลุมหรือไม่ที่มิได้วินิจฉัยแต่เมื่อจำเลยมิได้อุทธรณ์โต้แย้งว่าการที่ศาลชั้นต้นมิได้วินิจฉัยในประเด็นดังกล่าวเป็นการไม่ชอบก็ถือได้ว่าจำเลยไม่ติดใจในข้อนี้แล้วดังนี้แม้เป็นปัญหาเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชนก็ไม่มีเหตุอันสมควรที่ศาลอุทธรณ์จะยกขึ้นวินิจฉัยและย้อนสำนวนไปให้ศาลชั้นต้นพิจารณาคดีใหม่ชอบที่ศาลอุทธรณ์จะวินิจฉัยคดีไปตามประเด็นที่จำเลยอุทธรณ์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 738/2537 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องแย้งต้องเกี่ยวกับคำฟ้องเดิม ศาลอุทธรณ์ยกขึ้นวินิจฉัยได้แม้โจทก์ไม่อุทธรณ์
ป.วิ.พ. มาตรา 177 วรรคสาม บัญญัติบังคับไว้ว่าฟ้องแย้งนั้นจะต้องเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับคำฟ้องเดิม หากเป็นเรื่องอื่นที่ไม่เกี่ยวกับคำฟ้องเดิมให้ศาลสั่งให้จำเลยฟ้องเป็นคดีต่างหาก จากบทบัญญัติดังกล่าว หากคำฟ้องแย้งไม่เกี่ยวกับคำฟ้องเดิม แม้ศาลชั้นต้นรับคำฟ้องนั้นไว้เป็นฟ้องแย้งก็เป็นฟ้องแย้งที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย อันเป็นปัญหาข้อกฎหมายเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลอุทธรณ์ชอบที่จะยกขึ้นวินิจฉัยได้เอง แม้โจทก์จะไม่ได้อุทธรณ์โต้แย้งขึ้นมาก็ตาม
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยกระทำละเมิดต่อโจทก์ด้วยการสร้างประตูเหล็ก 2 บาน ปิดกั้นซอยทางเข้าออกระหว่างซอยกับโกดังเก็บสินค้าของโจทก์ ขอให้บังคับจำเลยรื้อถอนประตูเหล็กทั้งสองบานและให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ จำเลยให้การและฟ้องแย้งว่า จำเลยมีสิทธิปิดกั้นประตูเหล็กทั้งสองบานตามที่โจทก์ฟ้อง โจทก์เองเป็นฝ่ายผิดสัญญาเช่าด้วยการปลูกสร้างอาคารในที่ดินที่เช่าจากจำเลยไม่ตรงตามสัญญา ขอให้ขับไล่โจทก์และบริการกับเรียกค่าเสียหายเอาแก่โจทก์ ดังนี้คำฟ้องแย้งของจำเลยที่ว่าโจทก์ประพฤติผิดสัญญาเช่าหรือไม่ไม่ได้เกี่ยวกับคำฟ้องเดิม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7335/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การทิ้งฟ้องอุทธรณ์เฉพาะส่วนฟ้องแย้ง และผลกระทบต่อการพิจารณาคดี
จำเลยอุทธรณ์คัดค้านคำพิพากษาศาลชั้นต้นทั้งในส่วนของฟ้องเดิมและส่วนของฟ้องแย้ง จำเลยเสียค่าขึ้นศาลชั้นอุทธรณ์ในส่วนของฟ้องเดิมครบแล้ว แต่ไม่ได้เสียค่าขึ้นศาลในส่วนของฟ้องแย้ง ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งให้จำเลยเสียค่าขึ้นศาลชั้นอุทธรณ์ในส่วนของฟ้องแย้งให้ครบ จำเลยเพิกเฉยไม่ดำเนินการภายในเวลาที่ศาลกำหนด ถือว่าจำเลยทิ้งฟ้องอุทธรณ์ในส่วนของฟ้องแย้ง ซึ่งศาลอุทธรณ์จะสั่งจำหน่ายคดีชั้นอุทธรณ์เฉพาะในส่วนฟ้องแย้งเท่านั้น จะสั่งจำหน่ายคดีทั้งหมดรวมทั้งอุทธรณ์ในส่วนของฟ้องเดิมด้วยไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7263/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ขอบเขตการวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์ต้องอยู่ภายในประเด็นที่จำเลยอุทธรณ์ การวินิจฉัยเกินกว่าอุทธรณ์เป็นกรณีที่มิชอบ
ศาลชั้นต้นกำหนดประเด็นข้อพิพาทว่า จำเลยบุกรุกที่ดินโจทก์หรือไม่ แล้วศาลชั้นต้นฟังว่าจำเลยบุกรุก จำเลยอุทธรณ์ว่าจำเลยไม่ได้ปลูกสร้างโรงเรือนและรั้วรุกล้ำเข้าไปในที่ดินโจทก์ ส่วนข้อความในอุทธรณ์ที่จำเลยกล่าวถึงการจัดทำแผนที่วิวาทว่า โรงเรือนและรั้วของจำเลยรุกล้ำเข้าไปในที่ดินของโจทก์4 ตารางวา เป็นกรณีที่จำเลยกล่าวถึงข้อที่ศาลชั้นต้นอ้างไว้ในคำพิพากษาเท่านั้นมิใช่จำเลยยอมรับข้อเท็จจริงว่าโรงเรือนและรั้วของจำเลยรุกล้ำเข้าไปในที่ดินโจทก์จริง คดียังคงมีประเด็นว่าจำเลยบุกรุกที่ดินของโจทก์หรือไม่ การที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าจำเลยไม่ได้กระทำละเมิดโดยปลูกสร้างบ้านและรั้วรุกล้ำที่ดินของโจทก์ จึงไม่เป็นการวินิจฉัยเกินกว่าอุทธรณ์ของจำเลย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7263/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ขอบเขตการวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์ต้องไม่เกินกรอบอุทธรณ์ของจำเลย แม้จำเลยจะยอมรับการรุกล้ำ แต่ศาลต้องพิจารณาเหตุสุจริต
ศาลชั้นต้นกำหนดประเด็นข้อพิพาทว่า จำเลยบุกรุกที่ดินโจทก์หรือไม่ แล้วศาลชั้นต้นฟังว่าจำเลยบุกรุก จำเลยอุทธรณ์ว่าจำเลยไม่ได้ปลูกสร้างโรงเรือนและรั้วรุกล้ำเข้าไปในที่ดินโจทก์ ส่วนข้อความในอุทธรณ์ที่จำเลยกล่าวถึงการจัดทำแผนที่วิวาทว่า โรงเรือนและรั้วของจำเลยรุกล้ำเข้าไปในที่ดินของโจทก์ 4 ตารางวา เป็นกรณีที่จำเลยกล่าวถึงข้อที่ศาลชั้นต้นอ้างไว้ในคำพิพากษาเท่านั้น มิใช่จำเลยยอมรับข้อเท็จจริงว่าโรงเรือนและรั้วของจำเลยรุกล้ำเข้าไปในที่ดินโจทก์จริง คดียังคงมีประเด็นว่าจำเลยบุกรุกที่ดินของโจทก์หรือไม่ การที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าจำเลยไม่ได้กระทำละเมิดโดยปลูกสร้างบ้านและรั้วรุกล้ำที่ดินของโจทก์จึงไม่เป็นการวินิจฉัยเกินกว่าอุทธรณ์ของจำเลย
of 225