พบผลลัพธ์ทั้งหมด 858 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 816/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สินสมรส, พินัยกรรม, การครอบครองปรปักษ์ และข้อยกเว้นการเป็นพยานในคดี
สามีภริยาซึ่งทำการสมรสกันก่อนใช้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ สินสมรสของภริยามีอยู่ 1 ใน 3 และของสามีมีอยู่ 2 ใน 3
ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1477 สามีภริยาทำพินัยกรรมยกทรัพย์อันเป็นสินบริคณห์ให้แก่ผู้อื่นได้เฉพาะแต่ที่เป็นส่วนของตนเท่านั้น
ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1653 ผู้เขียนหรือพยานในพินัยกรรมจะเป็นผู้รับทรัพย์ตามพินัยกรรมไม่ได้เท่านั้น มิได้ห้ามศาลไม่ให้รับฟังคำบุคคลเหล่านี้เป็นพยาน
ผู้ที่ครอบครองมิได้มีเจตนาครอบครองที่พิพาทไม่มีทางได้กรรมสิทธิ์
เดิม โจทก์มอบอำนาจให้ไวยาวัจกรดำเนินคดี ต่อมาไวยาวัจกรตาย โจทก์จึงมอบอำนาจให้บุคคลอีกคนหนึ่งดำเนินคดีต่อไปในชั้นฎีกา ผู้รับมอบอำนาจคนหลังจึงมีสิทธิยื่นฎีกาได้
ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1477 สามีภริยาทำพินัยกรรมยกทรัพย์อันเป็นสินบริคณห์ให้แก่ผู้อื่นได้เฉพาะแต่ที่เป็นส่วนของตนเท่านั้น
ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1653 ผู้เขียนหรือพยานในพินัยกรรมจะเป็นผู้รับทรัพย์ตามพินัยกรรมไม่ได้เท่านั้น มิได้ห้ามศาลไม่ให้รับฟังคำบุคคลเหล่านี้เป็นพยาน
ผู้ที่ครอบครองมิได้มีเจตนาครอบครองที่พิพาทไม่มีทางได้กรรมสิทธิ์
เดิม โจทก์มอบอำนาจให้ไวยาวัจกรดำเนินคดี ต่อมาไวยาวัจกรตาย โจทก์จึงมอบอำนาจให้บุคคลอีกคนหนึ่งดำเนินคดีต่อไปในชั้นฎีกา ผู้รับมอบอำนาจคนหลังจึงมีสิทธิยื่นฎีกาได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 816/2508
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สินสมรส, พินัยกรรม, การครอบครอง และการเพิกถอนพินัยกรรม: สิทธิในทรัพย์สินหลังการสมรส
สามีภริยาซึ่งทำการสมรสกันก่อนใช้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ สินสมรสของภริยามีอยู่ 1 ใน3 และของสามีมีอยู่ 2 ใน 3
ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1477 สามีภริยาทำพินัยกรรมยกทรัพย์อันเป็นสินบริคณห์ให้แก่ผู้อื่นได้เฉพาะแต่ที่เป็นส่วนของตนเท่านั้น
ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1653 ผู้เขียนหรือพยานในพินัยกรรมจะเป็นผู้รับทรัพย์ตามพินัยกรรมไม่ได้เท่านั้น มิได้ห้ามศาลไม่ให้รับฟังคำบุคคลเหล่านี้เป็นพยาน
ผู้ที่ครอบครองมิได้มีเจตนาครอบครองที่พิพาท ไม่มีทางได้กรรมสิทธิ์
เดิมโจทก์มอบอำนาจให้ไวยาวัจกรดำเนินคดี ต่อมาไวยาวัจกรตาย โจทก์จึงมอบอำนาจให้บุคคลอีกคนหนึ่งดำเนินคดีต่อไปในชั้นฎีกาผู้รับมอบอำนาจคนหลังจึงมีสิทธิยื่นฎีกาได้
ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1477 สามีภริยาทำพินัยกรรมยกทรัพย์อันเป็นสินบริคณห์ให้แก่ผู้อื่นได้เฉพาะแต่ที่เป็นส่วนของตนเท่านั้น
ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1653 ผู้เขียนหรือพยานในพินัยกรรมจะเป็นผู้รับทรัพย์ตามพินัยกรรมไม่ได้เท่านั้น มิได้ห้ามศาลไม่ให้รับฟังคำบุคคลเหล่านี้เป็นพยาน
ผู้ที่ครอบครองมิได้มีเจตนาครอบครองที่พิพาท ไม่มีทางได้กรรมสิทธิ์
เดิมโจทก์มอบอำนาจให้ไวยาวัจกรดำเนินคดี ต่อมาไวยาวัจกรตาย โจทก์จึงมอบอำนาจให้บุคคลอีกคนหนึ่งดำเนินคดีต่อไปในชั้นฎีกาผู้รับมอบอำนาจคนหลังจึงมีสิทธิยื่นฎีกาได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 620/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบังคับคดีกับสินสมรส: สิทธิของผู้ร้องขัดทรัพย์เมื่ออ้างว่าจำนองไม่ชอบด้วยกฎหมาย
แม้ผู้ร้องขัดทรัพย์จะได้ยอมรับว่าที่ดินที่ถูกยึดเป็นสินสมรสระหว่างผู้ร้องกับจำเลย แต่ผู้ร้องยังได้กล่าวอ้างว่าผู้ร้องมิได้รู้เห็นยินยอมและมิได้จำนองที่ดินนั้นด้วย ทั้งผู้ร้องได้มีหนังสือบอกล้างนิติกรรมจำนองให้โจทก์ทราบแล้ว เช่นนี้ ถ้าหากเป็นความจริง โจทก์จะบังคับคดีเอาแก่ทรัพย์ที่ยังเป็นสินบริคณห์อยู่ไม่ได้ ผู้ร้องมีสิทธิร้องขัดทรัพย์ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 620/2508
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขัดทรัพย์บังคับคดี: สิทธิของคู่สมรสในสินสมรสที่ถูกจำนองโดยไม่ยินยอม
แม้ผู้ร้องขัดทรัพย์จะได้ยอมรับว่าที่ดินที่ถูกยึดเป็นสินสมรสระหว่างผู้ร้องกับจำเลยแต่ผู้ร้องยังได้กล่าวอ้างว่าผู้ร้องมิได้รู้เห็นยินยอมและมิได้จำนองที่ดินนั้นด้วยทั้งผู้ร้องได้มีหนังสือบอกล้างนิติกรรมจำนองให้โจทก์ทราบแล้วเช่นนี้ถ้าหากเป็นความจริงโจทก์จะบังคับคดีเอาแก่ทรัพย์ที่ยังเป็นสินบริคณห์อยู่ไม่ได้ ผู้ร้องมีสิทธิร้องขัดทรัพย์ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขัดทรัพย์ สินสมรส/สินเดิม และหนี้ร่วม: ศาลต้องพิจารณาข้อเท็จจริงเพิ่มเติม
การร้องขัดทรัพย์โดยกล่าวรวม ๆ ว่าทรัพย์ที่ถูกยึดเป็นสินบริคณห์ นั้น จึงอาจเป็นสินสมรสซึ่งจำเลยมีส่วนเป็นเจ้าของร่วมอยู่ด้วย จึงขอให้ปล่อยทรัพย์ที่ยึดไม่ได้ (ตามฎีกาที่ 328/2503) แต่ถ้าผู้ร้อง(ภรรยา) ร้องขัดทรัพย์ว่า ทรัพย์ที่ยึดเป็นสินเดิมของผู้ร้อง และมิใช่หนี้ร่วม มีฎีกาที่ 1250/2493 ว่า หนี้สินซึ่งจำเลยผู้เป็นสามีก่อขึ้นในระหว่างเป็นสามีภรรยากันเมื่อใช้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ 5 แล้ว ภรรยาไม่ต้องรับผิดร่วมด้วย เว้นแต่จะเป็นหนี้ร่วม ดังนี้ เมื่อคู่ความยังโต้เถียงกันอยู่ว่าทรัพย์ที่ยึดเป็นสินเดิมของฝ่ายใด และหนี้เป็นหนี้ร่วมหรือไม่ เช่นนี้ การที่ศาลชั้นต้นสั่งงดสืบพยาน ศาลฎีกาจึงพิพากษายกคำพิพากษาศาลล่าง ให้ศาลชั้นต้นพิจารณาพิพากษาคดีใหม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 251-252/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
พินัยกรรม, ฟ้องซ้ำ, สิทธิรับมรดก, สินสมรส, พยานหลักฐาน
บุตรไม่อาจอ้างว่าบิดานำสินสมรสของบิดามารดามาทำพินัยกรรม ในเมื่อมารดาผู้มีส่วนได้เสียโดยตรงมิได้โต้แย้งคัดค้าน
โจทก์ฟ้องคดีแรกขอให้เพิกถอนหรือทำลายพินัยกรรม แล้วมาฟ้องคดีหลังขอให้สั่งว่าพินัยกรรมไม่ชอบด้วยกฎหมายอีก แม้ฟ้องคดีหลังจะมีประเด็นขอให้กำจัดมิให้รับมรดกและเรียกค่าเสียหายด้วยก็ตาม เฉพาะประเด็นให้เพิกถอนพินัยกรรมนั้นต้องถือว่าเป็นฟ้องซ้ำ
หากพยานฝ่ายที่นำสืบภายหลังเบิกความแตกต่างกับที่เคยเบิกความไว้ในคดีอาญาและฝ่ายที่นำสืบก่อนเพิ่งทราบเช่นนี้ เพื่อประโยชน์แห่งความยุตธรรม ศาลอนุญาตให้ฝ่ายนำสืบก่อนอ้างสำนวนคดีอาญาเป็นพยานได้
โจทก์ฟ้องคดีแรกขอให้เพิกถอนหรือทำลายพินัยกรรม แล้วมาฟ้องคดีหลังขอให้สั่งว่าพินัยกรรมไม่ชอบด้วยกฎหมายอีก แม้ฟ้องคดีหลังจะมีประเด็นขอให้กำจัดมิให้รับมรดกและเรียกค่าเสียหายด้วยก็ตาม เฉพาะประเด็นให้เพิกถอนพินัยกรรมนั้นต้องถือว่าเป็นฟ้องซ้ำ
หากพยานฝ่ายที่นำสืบภายหลังเบิกความแตกต่างกับที่เคยเบิกความไว้ในคดีอาญาและฝ่ายที่นำสืบก่อนเพิ่งทราบเช่นนี้ เพื่อประโยชน์แห่งความยุตธรรม ศาลอนุญาตให้ฝ่ายนำสืบก่อนอ้างสำนวนคดีอาญาเป็นพยานได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2/2508
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขัดทรัพย์สินสมรส/สินเดิม และขอบเขตความรับผิดในหนี้สินของสามีภรรยา
การร้องขัดทรัพย์โดยกล่าวรวมๆ ว่าทรัพย์ที่ถูกยึดเป็นสินบริคณห์นั้นจึงอาจเป็นสินสมรสซึ่งจำเลยมีส่วนเป็นเจ้าของร่วมอยู่ด้วย จึงขอให้ปล่อยทรัพย์ที่ยึดไม่ได้(ตามฎีกาที่ 928/2503) แต่ถ้าผู้ร้อง (ภรรยา)ร้องขัดทรัพย์ว่า ทรัพย์ที่ยึดเป็นสินเดิมของผู้ร้องและมิใช่หนี้ร่วมมีฎีกาที่ 1250/2493 ว่า หนี้สินซึ่งจำเลยผู้เป็นสามีก่อขึ้นในระหว่างเป็นสามีภรรยากันเมื่อใช้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ 5 แล้ว ภรรยาไม่ต้องรับผิดร่วมด้วยเว้นแต่จะเป็นหนี้ร่วมดังนี้ เมื่อคู่ความยังโต้เถียงกันอยู่ว่าทรัพย์ที่ยึดเป็นสินเดิมของฝ่ายใด และหนี้เป็นหนี้ร่วมหรือไม่เช่นนี้ การที่ศาลชั้นต้นสั่งงดสืบพยานศาลฎีกาจึงพิพากษายกคำพิพากษาศาลล่างให้ศาลชั้นต้นพิจารณาพิพากษาคดีใหม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1602/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สินสมรสระหว่างคู่สมรสที่เลิกร้างกัน ทรัพย์ที่ได้มาระหว่างร้างไม่เป็นสินสมรส
โจทก์ฟ้องขอแบ่งสินสมรสของสามีโจทก์จากจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นผู้จัดการมรดก และจากจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นผู้รับมรดกตามพินัยกรรมของสามีโจทก์ ศาลชั้นต้นพิพากษาให้แบ่งทรัพย์ให้ดังนี้ แม้จำเลยที่ 1 จะไม่อุทธรณ์ จำเลยที่ 2 แต่ผู้เดียว็้มีสิทธิอุทธรณ์ได้ เพราะเป็นผู้จะได้รับมรดกตามพินัยกรรม เป็นผู้มีส่วนได้เสียในทรัพย์พิพาทโดยตรง ทั้งถูกฟ้องเป็นจำเลยร่วมกับจำเลยที่ 1 ด้วย
เป็นสามีภริยากันก่อนใช้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ 5 ทรัพย์ที่สามีได้มาระหว่างร้างกันไม่เป็นสินสมรส (อ้างฎีกาที่ 84/2497 และฎีกาที่ 991/2501)
เป็นสามีภริยากันก่อนใช้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ 5 ทรัพย์ที่สามีได้มาระหว่างร้างกันไม่เป็นสินสมรส (อ้างฎีกาที่ 84/2497 และฎีกาที่ 991/2501)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1602/2508
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สินสมรสระหว่างคู่สมรสที่เลิกร้างกัน: ทรัพย์ที่ได้มาระหว่างร้างไม่เป็นสินสมรส
โจทก์ฟ้องขอแบ่งสินสมรสของสามีโจทก์ จากจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นผู้จัดการมรดก และจากจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นผู้รับมรดกตามพินัยกรรมของสามีโจทก์ ศาลชั้นต้นพิพากษาให้แบ่งทรัพย์ให้ ดังนี้ แม้จำเลยที่ 1 จะไม่อุทธรณ์จำเลยที่ 2 แต่ผู้เดียวก็มีสิทธิอุทธรณ์ได้ เพราะเป็นผู้จะได้รับมรดกตามพินัยกรรม เป็นผู้มีส่วนได้เสียในทรัพย์พิพาทโดยตรง ทั้งถูกฟ้องเป็นจำเลยร่วมกับจำเลยที่ 1 ด้วย
เป็นสามีภริยากันก่อนใช้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ 5 ทรัพย์ที่สามีได้มาระหว่างร้างกันไม่เป็นสินสมรส(อ้างฎีกาที่ 84/2497 และฎีกาที่ 991/2501)
เป็นสามีภริยากันก่อนใช้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ 5 ทรัพย์ที่สามีได้มาระหว่างร้างกันไม่เป็นสินสมรส(อ้างฎีกาที่ 84/2497 และฎีกาที่ 991/2501)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1364/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สินสมรสและมรดก: ผู้จัดการมรดกมีสิทธิเรียกร้องทรัพย์สินจากผู้ดูแลรักษา
แม้ภริยาจะมีชื่อในโฉนดถือกรรมสิทธิ์แต่ผู้เดียว ที่ดินก็อาจเป็นสินสมรสระหว่างสามีภริยานั้นได้
ผู้จัดการมารดาย่อมมีสิทธิเรียกร้องให้ผู้ดูแลรักษาทรัพย์มรดกส่งมอบโฉนดที่ดินเพื่อจัดการต่อไปตามหน้าที่
จำเลยทราบดีว่าทรัพย์ที่จำเลยรับมอบให้ดูแลรักษาเป็นทรัพย์มรดก จำเลยกลับไม่ยอมส่งแก่โจทก์ซึ่งเป็นผู้จัดการมรดก จึงควรต้องรับผิดชดใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์
ผู้จัดการมารดาย่อมมีสิทธิเรียกร้องให้ผู้ดูแลรักษาทรัพย์มรดกส่งมอบโฉนดที่ดินเพื่อจัดการต่อไปตามหน้าที่
จำเลยทราบดีว่าทรัพย์ที่จำเลยรับมอบให้ดูแลรักษาเป็นทรัพย์มรดก จำเลยกลับไม่ยอมส่งแก่โจทก์ซึ่งเป็นผู้จัดการมรดก จึงควรต้องรับผิดชดใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์