พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,539 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 270/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเพิกถอนนิติกรรมโอนทรัพย์สินเพื่อหลีกเลี่ยงการบังคับคดี เจ้าหนี้มีสิทธิขอเพิกถอนได้
การที่จำเลยที่ 2 จดทะเบียนยกบ้านพิพาทให้ผู้ร้องหลังจากที่จำเลยที่ 1 และที่ 2 นำบ้านพิพาทไปเป็นประกันเงินกู้แก่โจทก์จากนั้นจำเลยที่ 2 ยังคงอยู่ในบ้านพิพาทตามเดิม พฤติการณ์ดังกล่าวแสดงว่าจำเลยที่ 2 จดทะเบียนยกบ้านให้ผู้ร้องเพื่อหลีกเลี่ยงการบังคับคดีเท่านั้น เมื่อจำเลยที่ 2 ไม่มีทรัพย์สินอื่นอีกการกระทำของจำเลยที่ 2 จึงเป็นการกระทำโดยไม่สุจริตเป็นเหตุให้เจ้าหนี้เสียเปรียบ โจทก์ผู้เป็นเจ้าหนี้ย่อมขอให้เพิกถอนนิติกรรมการโอนบ้านพิพาทได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 237 กรณีเป็นการพิจารณาชั้นบังคับคดี ซึ่งเจตนารมณ์ของการบังคับคดียอมให้ว่ากล่าวเรื่องการโอนโดยไม่สุจริตได้ภายหลังการยึดทรัพย์แล้วศาลจึงมีอำนาจชี้ขาดเรื่องเพิกถอนการฉ้อฉลในคดีร้องขัดทรัพย์ได้โดยไม่จำต้องให้โจทก์ไปดำเนินการฟ้องร้องขอให้ทำลายการโอนหรือเพิกถอนการฉ้อฉลก่อน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 270/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเพิกถอนนิติกรรมการโอนทรัพย์เพื่อหลีกเลี่ยงการบังคับคดี เจ้าหนี้มีสิทธิขอเพิกถอนได้
จำเลยที่ 2 ภริยาของจำเลยที่ 1 จดทะเบียนยกบ้านพิพาทให้ผู้ร้องซึ่งเป็นบุตรของจำเลยทั้งสองภายหลังจากที่จำเลยทั้งสองนำบ้านพิพาทไปประกันเงินกู้ให้โจทก์ ระยะเวลาห่างกันประมาณเดือนเศษ หลังจากโอนบ้านพิพาทให้ผู้ร้องแล้ว จำเลยที่ 2 ยังคงอยู่ตามเดิมพฤติการณ์ดังกล่าวแสดงว่าจำเลยที่ 2 จดทะเบียนยกบ้านให้ผู้ร้องเพื่อหลีกเลี่ยงการบังคับคดีเท่านั้น เมื่อปรากฎว่านอกจากบ้านพิพาทแล้ว จำเลยที่ 2 ไม่มีทรัพย์อย่างอื่นอีก การกระทำดังกล่าวจึงเป็นการกระทำโดยไม่สุจริตเป็นเหตุให้เจ้าหนี้ของจำเลยที่ 2 เสียเปรียบ อันเป็นเหตุให้โจทก์ผู้เป็นเจ้าหนี้ขอให้เพิกถอนนิติกรรมการโอนรายนี้ได้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 237 คดีนี้เป็นการพิจารณาชั้นบังคับคดีเจตนารมณ์ของการบังคับคดียอมให้ว่ากล่าวเรื่องดังกล่าวได้ภายหลังการยึดทรัพย์แล้วศาลจึงมีอำนาจชี้ขาดตามความในบทบัญญัติมาตราดังกล่าวได้โดยมิพักต้องให้โจทก์ไปดำเนินการฟ้องร้องขอให้เพิกถอนการฉ้อฉลเสียก่อน การที่โจทก์มิได้ส่งสำเนาเอกสารสัญญากู้ระหว่างจำเลยทั้งสองกับโจทก์ให้ผู้ร้องก่อนวันสืบพยาน 3 วัน เป็นเพราะผู้ร้องเป็นบุตรของจำเลยทั้งสอง และเป็นผู้รับโอนบ้านพิพาทจากจำเลยที่ 2โจทก์จึงเข้าใจว่าผู้ร้องคงทราบเรื่องที่จำเลยทั้งสองกู้เงินโจทก์ตามฟ้องแล้ว ถือไม่ได้ว่าเป็นการเอาเปรียบผู้ร้อง เมื่อศาลชั้นต้นเห็นว่าเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม จำเป็นจะต้องสืบพยานหลักฐานอันสำคัญซึ่งเกี่ยวกับประเด็นแห่งคดี สมควรรับฟังสัญญากู้ดังกล่าว การรับฟังพยานหลักฐานของศาลชั้นต้นโดยอาศัยอำนาจตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 87(2) จึงชอบแล้ว.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 269/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจ้าหนี้มีอำนาจใช้สิทธิเรียกร้องของลูกหนี้เพื่อเรียกค่าหุ้นค้างชำระจากผู้ถือหุ้นได้ หากลูกหนี้ไม่ดำเนินการ
บริษัทจำเลยที่ 1 ไม่สามารถชำระหนี้แก่โจทก์ และกรรมการของจำเลยที่ 1 ก็ไม่เรียกร้องผู้ถือหุ้นให้ชำระค่าหุ้นที่ยังค้างชำระเพื่อนำเงินมาชำระหนี้ให้โจทก์ย่อมเห็นได้ว่าโจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ของจำเลยที่ 1 ต้องเสียประโยชน์ โจทก์จึงมีอำนาจใช้สิทธิเรียกร้องของจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นลูกหนี้ในอันที่จะเรียกร้องให้จำเลยที่ 2 ที่ 3 ส่งชำระค่าหุ้นที่ค้างชำระได้ จำเลยที่ 1 ที่ 2 ให้การเพียงว่ากรรมการของจำเลยที่ 1เท่านั้นที่มีสิทธิเรียกร้องให้ผู้ถือหุ้นชำระค่าหุ้นที่ค้างโดยกรรมการต้องปฏิบัติตามขั้นตอนที่บัญญัติไว้ใน ป.พ.พ. มาตรา1120 และมาตรา 1121 บุคคลอื่นแม้จะเป็นเจ้าหนี้ของจำเลยที่ 1ก็ไม่อาจใช้สิทธิเรียกร้องของจำเลยที่ 1 ได้ จำเลยที่ 2 ที่ 3หาได้ให้การต่อสู้ว่าโจทก์ยังมิได้ปฏิบัติตามขั้นตอนในมาตราดังกล่าว โจทก์จึงยังหามีสิทธิเรียกร้องไม่ จึงเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลล่าง ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย.ไม่มี สิทธิครอบครอง.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 269/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิของเจ้าหนี้ในการเรียกร้องค่าหุ้นค้างชำระจากผู้ถือหุ้นลูกหนี้ เพื่อนำมาชำระหนี้
บริษัทจำเลยที่ 1 ซื้อก๊าซไนโตรเจนเหลวไปจากโจทก์ แล้วไม่สามารถชำระหนี้แก่โจทก์ได้ และกรรมการของจำเลยที่ 1 ก็ไม่เรียกร้องให้ผู้ถือหุ้นของจำเลยที่ 1 ชำระค่าหุ้นที่ค้างชำระเพื่อนำเงินมาชำระหนี้ให้โจทก์ โจทก์ต้องเสียประโยชน์โจทก์จึงมีอำนาจใช้สิทธิเรียกร้องของจำเลยที่ 1 เรียกร้องให้จำเลยที่ 2 ที่ 3 ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นของจำเลยที่ 1 ส่งชำระค่าหุ้นที่ค้างชำระได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 266/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การประวิงคดีโดยไม่สมเหตุผล ศาลไม่อนุญาตเลื่อนคดี แม้เป็นครั้งแรก เพื่อรักษาสิทธิเจ้าหนี้
ศาลชั้นต้นเคยสั่งจำหน่ายคดีผู้ร้องเพราะเหตุทิ้งคำร้องไปครั้งหนึ่งแล้ว แต่ศาลอุทธรณ์ให้ยกคำสั่งของศาลชั้นต้นและให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไป ศาลชั้นต้นนัดสืบพยานผู้ร้องแต่ในวันนัดสืบพยานผู้ร้องทนายความผู้ร้องขอเลื่อนคดีโดยอ้างว่าผู้ร้องไปอบรมราชการที่กรุงเทพมหานคร ทั้งที่ปรากฏว่าผู้ร้องขอลาหยุดราชการต่อผู้บังคับบัญชาเพื่อมาศาลแล้วไม่มาโดยไม่มีพยานอื่นมาสืบ ตามพฤติการณ์แสดงว่าผู้ร้องไม่ได้เอาใจใส่ในการดำเนินคดี มีลักษณะประวิงคดีให้ชักช้า เพื่อมิให้ทรัพย์ที่ถูกยึดถูกนำออกขายทอดตลาดเพื่อเอาเงินไปชำระหนี้แก่โจทก์จึงเป็นกรณีไม่มีเหตุจำเป็นในการขอเลื่อนคดี แม้เป็นการขอเลื่อนคดีครั้งแรกก็ไม่สมควรให้เลื่อนคดีได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 40 วรรคแรก.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2537/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขยายเวลาขอรับชำระหนี้ในคดีล้มละลาย: ดุลพินิจเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์และความเป็นธรรมระหว่างเจ้าหนี้
เมื่อลูกหนี้ถูกศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด เจ้าหนี้ทั้งหลายที่ประสงค์จะขอรับชำระหนี้ ไม่ว่าจะเป็นเจ้าหนี้ที่อยู่ในหรือนอกราชอาณาจักรต้องยื่นคำขอรับชำระหนี้ต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ภายใน 2 เดือน นับแต่วันโฆษณาคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด แต่ถ้าเจ้าหนี้อยู่นอกราชอาณาจักรก็ให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ใช้ดุลพินิจขยายกำหนดเวลาให้อีกได้ไม่เกิน 2 เดือน มิใช่เป็นบทบังคับต้องขยายกำหนดเวลาให้เสมอไปจะขยายให้หรือไม่ต้องคำนึงถึงความเป็นธรรมและเหตุผลอันสมควรดังนี้ แม้ผู้ร้องจะเป็นเจ้าหนี้อยู่นอกราชอาณาจักร แต่ก็มีตัวแทนประกอบธุรกิจอยู่ในราชอาณาจักร หนี้ที่ขอรับชำระก็เป็นหนี้ที่ลูกหนี้ก่อขึ้นกับสำนักงานตัวแทนของผู้ร้องในราชอาณาจักร การที่ตัวแทนของผู้ร้องดำเนินการยื่นคำขอรับชำระหนี้นั้น ก็ได้อาศัยใบมอบอำนาจของผู้ร้องซึ่งมีอยู่แต่เดิมตัวแทนผู้ร้องก็สามารถรับรู้กำหนดเวลายื่นคำขอรับชำระหนี้ได้เท่ากับเจ้าหนี้รายอื่น ๆที่อยู่ในราชอาณาจักร หากจะขยายกำหนดเวลาให้ผู้ร้อง และรับคำขอรับชำระหนี้ของผู้ร้องย่อมไม่เป็นธรรมแก่เจ้าหนี้รายอื่น ๆ.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 229/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแบ่งสินสมรสหลังหย่าและการหลีกเลี่ยงหนี้เจ้าหนี้: ข้อตกลงแบ่งทรัพย์สินเป็นโมฆะ
ผู้ร้องกับจำเลยเป็นสามีภริยากัน ได้ที่ดินพร้อมบ้านพิพาทมาในระหว่างสมรสจึงเป็นสินสมรส ต่อมาจำเลยถูกศาลสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดและโจทก์นำเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ยึดที่ดินพร้อมบ้านพิพาท โดยอ้างว่าเป็นสินสมรสของจำเลย ก่อนถูกยึดทรัพย์สินดังกล่าว ผู้ร้องกับจำเลยจดทะเบียนหย่ากัน โดยตกลงแบ่งที่ดินพร้อมบ้านพิพาทให้เป็นของผู้ร้อง แต่ข้อตกลงแบ่งทรัพย์สินในการหย่านั้นเป็นการแสดงเจตนาลวงด้วยสมรู้กันเพื่อมิให้เจ้าหนี้ได้รับชำระหนี้ หรืออีกนัยหนึ่งเป็นการกระทำขึ้นโดยสมยอมไม่มีผลผูกพันบุคคลภายนอก ที่ดินพร้อมบ้านพิพาทจึงคงเป็นทรัพย์สินอันเป็นกรรมสิทธิ์รวมของผู้ร้องกับจำเลย ผู้ร้องไม่มีอำนาจร้องขอให้ถอนการยึดตาม พ.ร.บ. ล้มละลายฯ มาตรา 158.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2189/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การถอนการบังคับคดีโดยเจ้าหนี้ตามคำพิพากษา และผลกระทบต่อสิทธิของเจ้าหนี้รายอื่นในการเฉลี่ยทรัพย์
เมื่อโจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาไม่ประสงค์จะบังคับคดีแก่จำเลย โจทก์ย่อมขอถอนการบังคับคดีได้โดยแจ้งไปยังเจ้าพนักงานบังคับคดีเป็นหนังสือว่าตนสละสิทธิในการบังคับคดีนั้น ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 295 (2) เมื่อเจ้าพนักงานบังคับคดีได้รับหนังสือนั้นแล้ว การถอนการยึดทรัพย์ของโจทก์ย่อมมีผลทันที และถือว่าการขายทอดตลาดทรัพย์สินของจำเลยที่เจ้าพนักงาน-บังคับคดียึดมาได้เสร็จสิ้นลงตั้งแต่วันดังกล่าว ผู้ร้องยื่นคำร้องและขอเฉลี่ยทรัพย์เข้ามาภายหลังจากสิ้นระยะเวลาสิบสี่วันนับจากวันดังกล่าว คำร้องของผู้ร้องจึงไม่ต้องด้วย ป.วิ.พ. มาตรา 290วรรคสี่ แม้เจ้าพนักงานบังคับคดีจะยังมิได้มีคำสั่งเกี่ยวกับคำขอถอนการยึดของโจทก์ก็ตาม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2189/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การถอนการบังคับคดีโดยเจ้าหนี้ตามคำพิพากษา ส่งผลให้สิทธิเจ้าหนี้รายอื่นขาดอายุตามกฎหมาย
เมื่อโจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาไม่ประสงค์จะบังคับคดีแก่จำเลย โจทก์ย่อมขอถอนการบังคับคดีได้โดยแจ้งไปยังเจ้าพนักงานบังคับคดีเป็นหนังสือว่าตนสละสิทธิในการบังคับคดีนั้นตาม ป.วิ.พ. มาตรา 295(2) เมื่อเจ้าพนักงานบังคับคดีได้รับหนังสือนั้นแล้ว การถอนการยึดทรัพย์ของโจทก์ย่อมมีผลทันที และถือว่าการขายทอดตลาดทรัพย์สินของจำเลยที่เจ้าพนักงานบังคับคดียึดมาได้เสร็จสิ้นลงตั้งแต่วันดังกล่าว ผู้ร้องยื่นคำร้องและขอเฉลี่ยทรัพย์เข้ามาภายหลังจากสิ้นระยะเวลาสิบสี่วันนับจากวันดังกล่าว คำร้องของผู้ร้องจึงไม่ต้องด้วย ป.วิ.พ. มาตรา 290วรรคสี่ แม้เจ้าพนักงานบังคับคดีจะยังมิได้มีคำสั่งเกี่ยวกับคำขอถอนการยึดของโจทก์ก็ตาม.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1684/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ภาระการพิสูจน์หนี้ในคดีล้มละลาย: เจ้าหนี้ต้องเสนอหลักฐาน, เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์มีอำนาจสอบสวนแต่ไม่ผูกพัน
แม้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์มีอำนาจสอบสวนในเรื่องหนี้สินเมื่อยื่นคำขอรับชำระหนี้โดยกล่าวอ้างว่าเป็นเจ้าหนี้ของลูกหนี้หน้าที่ในการพิสูจน์ตามข้ออ้างย่อมตกเป็นของเจ้าหนี้ที่จะต้องนำพยานหลักฐานมาให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์สอบสวนเพื่อแสดงถึงมูลหนี้ตามที่กล่าวอ้าง เมื่อเจ้าหนี้มิได้ส่งหลักฐานการซื้อขายที่ดินตามที่อ้างโดยแถลงอ้างพยานบุคคลเพียงผู้เดียว ดังนี้ เป็นเรื่องอยู่ในความรับผิดชอบของเจ้าหนี้ในการเสนอพยานหลักฐานมิใช่หน้าที่ของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ที่จะต้องมีหมายเรียกพยานหลักฐานดังกล่าวมาด้วยตนเอง การขอรับชำระหนี้ในคดีล้มละลาย เจ้าหนี้ทั้งหลายไม่ว่าจะเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาหรือเจ้าหนี้ผู้เป็นโจทก์ จะต้องยื่นคำขอรับชำระหนี้ต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ ซึ่งเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์มีอำนาจสอบสวนในเรื่องหนี้สินที่ขอรับชำระ แล้วทำความเห็นเสนอศาลและศาลมีอำนาจพิจารณาสั่งตามกฎหมายต่อไป ดังนั้น แม้หนี้ที่เจ้าหนี้ยื่นคำขอรับชำระหนี้จะเป็นหนี้ตามคำพิพากษาหรือหนี้ที่เป็นมูลให้ศาลสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด ก็ไม่ผูกพันเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์หรือศาลให้จำต้องถือตาม