คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
เพิกถอน

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,035 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3406/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเพิกถอนการจำนำและชำระหนี้ในคดีล้มละลาย โดยมีเจตนาให้เจ้าหนี้รายหนึ่งได้เปรียบ
ลูกหนี้ได้จำนำทรัพย์สินไว้แก่ผู้คัดค้านในวันเดียวกับที่ลูกหนี้ถูกเจ้าหนี้ผู้เป็นโจทก์ฟ้องให้ล้มละลาย และลูกหนี้ได้ชำระหนี้ตามบัญชีกระแสรายวันให้แก่ผู้คัดค้านภายหลังจากลูกหนี้ถูกเจ้าหนี้ผู้เป็นโจทก์ฟ้องให้ล้มละลายแล้ว ซึ่งผู้คัดค้านทราบถึงภาวะการมีหนี้สินล้นพ้นตัวของลูกหนี้เป็นอย่างดีแล้วว่า ไม่อาจชำระหนี้ให้แก่บรรดาเจ้าหนี้ทั้งหลายได้ ฉะนั้น การกระทำของลูกหนี้จึงเป็นการกระทำโดยมุ่งหมายให้ผู้คัดค้านได้เปรียบแก่เจ้าหนี้อื่นเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จึงมีอำนาจร้องขอให้ศาลมีคำสั่งเพิกถอนการจำนำและชำระหนี้นั้นเสียได้ตาม พ.ร.บ. ล้มละลายพ.ศ. 2483 มาตรา 115.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3406/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเพิกถอนการจำนำและชำระหนี้ของบริษัทลูกหนี้ที่เข้าสู่กระบวนการล้มละลาย เพื่อคุ้มครองเจ้าหนี้รายอื่น
บริษัทลูกหนี้ (จำเลย) ได้มอบวัตถุดิบและผลิตภัณฑ์นมข้นหวานจำนำไว้แก่ผู้คัดค้านในวันเดียวกับวันที่บริษัทลูกหนี้ถูกเจ้าหนี้ผู้เป็นโจทก์ฟ้องให้ล้มละลายบริษัทลูกหนี้ย่อมทราบอย่างแน่ชัดแล้วว่าฐานะทางการเงินของบริษัทลูกหนี้ไม่ดีไม่สามารถที่จะชำระหนี้ให้แก่ผู้คัดค้านและบรรดาเจ้าหนี้อื่นได้ เมื่อศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดบริษัทลูกหนี้แล้ว มีเจ้าหนี้มายื่นคำขอรับชำระหนี้ต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์รวม 51 รายเป็นเงินประมาณ 67 ล้านบาท แต่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์รวบรวมทรัพย์สินของบริษัทลูกหนี้ได้เพียงที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง1 แปลง ซึ่งมีราคาประมาณ 14 ล้านบาทเท่านั้น การที่บริษัทลูกหนี้จำนำวัตถุดิบและผลิตภัณฑ์นมข้นหวานไว้แก่ผู้คัดค้าน จึงถือได้ว่าเป็นการกระทำโดยมุ่งหมายให้ผู้คัดค้านได้เปรียบแก่เจ้าหนี้อื่น เมื่อผู้คัดค้านนำเงินที่ได้จากการขายทอดตลาดทรัพย์จำนำมาหักทอนบัญชีลดยอดหนี้และนำเงินเข้าบัญชีกระแสรายวันของบริษัทลูกหนี้รวมเป็นเงิน 5,462,800 บาท อันเป็นการชำระหนี้ให้แก่ผู้คัดค้านแต่ผู้เดียวนั้นย่อมเป็นการกระทำเพื่อให้ผู้คัดค้านได้เปรียบแก่เจ้าหนี้อื่น เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จึงมีอำนาจร้องขอให้ศาลมีคำสั่งเพิกถอนการกระทำนั้นเสียได้ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พุทธศักราช 2483 มาตรา 115 และผู้คัดค้านไม่อาจอ้างได้ว่าผู้คัดค้านมีบุริมสิทธิในทรัพย์จำนำนั้น
การที่บริษัทลูกหนี้นำเงินเข้าบัญชีเป็นการชำระหนี้ให้แก่ผู้คัดค้านภายหลังจากบริษัทลูกหนี้ถูกเจ้าหนี้ผู้เป็นโจทก์ฟ้องให้ล้มละลายแล้วซึ่งผู้คัดค้านก็ทราบถึงภาวะการมีหนี้สินล้นพ้นตัวของบริษัทลูกหนี้เป็นอย่างดีแล้วว่าไม่อาจชำระหนี้ให้แก่บรรดาเจ้าหนี้ทั้งหลายได้ เป็นการกระทำโดยมุ่งหมายให้ผู้คัดค้านได้เปรียบแก่เจ้าหนี้อื่นเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์มีอำนาจร้องขอให้ศาลมีคำสั่งเพิกถอนการชำระหนี้นั้นเสียได้ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พุทธศักราช2483 มาตรา 115.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 276/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การซื้อขายที่ดินโดยเจตนาหลอกลวงและไม่สุจริต ทำให้การซื้อขายเป็นโมฆะ ผู้มีสิทธิรับมรดกมีสิทธิเพิกถอนการโอน
จำเลยทั้งสองสมรู้กันแสดงเจตนาหลอกลวงโจทก์ทั้งสามหรือผู้อื่นโดยจำเลยทั้งสองมิได้ตั้งใจให้ผูกพันกันตามที่ได้จดทะเบียนซื้อขายโอนกรรมสิทธิ์ที่พิพาทกันจริงจัง การแสดงเจตนาลวงด้วยสมรู้กันระหว่างจำเลยทั้งสองเช่นนี้ ย่อมตกเป็นโมฆะ โจทก์ทั้งสามเป็นผู้มีสิทธิรับมรดกที่พิพาทมีสิทธิฟ้องขอให้ศาลเพิกถอนการโอนได้.(ที่มา-เนติ)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2117/2530 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิการร้องสอดเพื่อคุ้มครองสิทธิในที่ดินเมื่อถูกฟ้องให้เพิกถอน น.ส.3ก. และพิพากษาว่าที่ดินเป็นของผู้อื่น
โจทก์ฟ้องว่าที่ดินตามฟ้องเป็นของโจทก์ให้จำเลยทำประโยชน์จำเลยขอออก น.ส.3 ก.ที่ดินดังกล่าวเป็นชื่อของจำเลย ขอให้พิพากษาว่าที่ดินพิพาทเป็นของโจทก์และเพิกถอนชื่อจำเลยออกจาก น.ส.3 ก. ผู้ร้องสอดร้องว่า ผู้ร้องสอดเป็นเจ้าของที่พิพาทบางส่วนขอให้ยกฟ้องเกี่ยวกับที่ดินส่วนของผู้ร้องสอด ดังนี้ หากศาลพิพากษาว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ย่อมกระทบกระทั่งต่อสิทธิของผู้ร้องสอดในที่ดินพิพาท ซึ่งผู้ร้องสอดอ้างว่าเป็นของตน เป็นการโต้แย้งสิทธิทำให้ผู้ร้องสอดได้รับความเสียหาย ผู้ร้องสอดจึงมีสิทธิร้องขอเข้าเป็นคู่ความเพื่อให้ได้รับความรับรองคุ้มครองหรือบังคับตามสิทธิของผู้ร้องสอดที่มีอยู่ในที่ดินพิพาทตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 57 (1)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1550-1551/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเพิกถอนการขายทอดตลาดต้องพิสูจน์การดำเนินการที่ไม่สุจริตหรือขัดกฎหมาย ราคาประเมินเป็นเกณฑ์สำคัญ
การจะขอให้ศาลสั่งเพิกถอนการขายทอดตลาดได้นั้น ต้องปรากฏว่าเจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการขายทอดตลาดโดยไม่สุจริตหรือมิได้ปฏิบัติตามบทบัญญัติและข้อบังคับที่กำหนดไว้ว่าด้วยวิธีการขายทอดตลาดเท่านั้น เมื่อปรากฏว่าราคาที่โจทก์ประมูลได้มิได้ต่ำกว่าราคาประเมินแม้แต่รายเดียวและไม่มีเหตุผลใดที่จะทำให้ระแวงว่าการขายทอดตลาดของเจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการโดยไม่สุจริต ข้อที่อ้างว่าจำเลยมีเวลาจะสามารถหาคนมาประมูลซื้อได้ราคาสูงกว่า และหากขายไปจะทำให้จำเลยเดือดร้อน ไม่ใช่เหตุที่จะเพิกถอนการขายทอดตลาดได้ การขายทอดตลาดจึงเป็นไปโดยชอบ.(ที่มา-ส่งเสริมฯ)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 154/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเพิกถอนจำนองในคดีล้มละลาย: สิทธิลูกหนี้ร่วมและการกระทำโดยสุจริตของเจ้าหนี้
ผู้ร้องกับจำเลยที่ 1 เป็นลูกหนี้ตามคำพิพากษาตามยอมร่วมกันโดยตกลงชำระหนี้ให้แก่ธนาคารให้ครบถ้วนภายใน 6 เดือน ต่อมาจำเลยที่ 1 ได้จดทะเบียนจำนองที่ดินมีโฉนดไว้แก่ธนาคารดังกล่าว เพื่อเป็นประกันหนี้ของห้างหุ้นส่วนจำกัด ส. และบริษัท ย. ตามลำดับ จำเลยที่ 1 ถูกฟ้องล้มละลายและศาลชั้นต้นมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์จำเลยที่ 1 เด็ดขาด ดังนี้ผู้ร้องจะอ้างว่าเป็นเจ้าหนี้ในคดีล้มละลายขอให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ดำเนินการเพิกถอนการจำนองที่ดินดังกล่าวหาได้ไม่ เพราะธนาคารเจ้าหนี้ย่อมมีสิทธิตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 291 ที่จะบังคับเอาแก่จำเลยที่ 1 หรือผู้ร้องซึ่งเป็นลูกหนี้ร่วมได้โดยไม่จำต้องบังคับเอาจากทรัพย์สินของจำเลยที่ 1 ก่อน หากผู้ร้องเห็นว่า จำเลยที่ 1 ยังมีทรัพย์สินที่จะชำระหนี้ได้ ก็ชอบที่จะชำระหนี้ตามคำพิพากษาตามยอมให้แก่ธนาคารแล้วใช้สิทธิไล่เบี้ยเอาจากจำเลยที่ 1 เมื่อผู้ร้องในฐานะลูกหนี้ร่วมยังมิได้ชำระหนี้จึงไม่มีสิทธิไล่เบี้ยเอาจากจำเลยที่ 1 และไม่อยู่ในฐานะเจ้าหนี้ของจำเลยที่ 1 ทั้งการที่จำเลยที่ 1เอาที่ดินไปจำนองก็ไม่เป็นการกระทำทั้งที่รู้ว่าเป็นทางให้ผู้ร้องซึ่งมิใช่เจ้าหนี้เสียเปรียบ ประกอบกับจำเลยที่ 1นำที่ดินไปจำนองเพื่อกิจการค้าของห้าง ฯ และบริษัท ฯ ที่ตนเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการและกรรมการผู้จัดการอยู่ โดยไม่มีเหตุส่อแสดงว่าธนาคารรับจำนองไว้โดยไม่สุจริตและรู้อยู่ว่าเป็นทางทำให้ผู้ร้องเสียเปรียบ กรณีจึงไม่เข้าข่ายที่ผู้ร้องจะขอให้เพิกถอนนิติกรรมจำนองดังกล่าว.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1208/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจสั่งไม่อนุญาตให้คนต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักร และการพิพากษาเพิกถอนคำสั่งที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย
อำนาจที่จะพิจารณาสั่งอนุญาตหรือไม่อนุญาตให้บุคคลต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรเป็นระยะเวลาเพียงใด เป็นอำนาจโดยเฉพาะของกรมตำรวจตาม พ.ร.บ. คนเข้าเมือง พ.ศ. 2522 มาตรา 35 โจทก์อ้างว่าคำสั่งของกรมตำรวจจำเลยที่ 2 ที่ไม่อนุญาตให้โจทก์ซึ่งเป็นบุคคลต่างด้าว อยู่ในราชอาณาจักรต่อไปเป็นคำสั่งที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายขอให้ศาลเพิกถอน แต่คำฟ้องโจทก์ไม่ได้ความว่าคำสั่งดังกล่าวฝ่าฝืนต่อบทกฎหมายใด ศาลไม่อาจพิพากษาเพิกถอนคำสั่งดังกล่าวได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4106/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเพิกถอนโฉนดที่ดินที่ไม่ถูกต้องตามคำพิพากษาเดิม ผู้ได้รับหนังสือหรือคู่กรณีมีอำนาจฟ้องร้องต่อศาลได้
ประเด็นในคดีซึ่งศาลชั้นต้นได้วินิจฉัยไว้แล้วและในชั้นศาลอุทธรณ์จำเลยก็ได้หยิบยกขึ้นโต้แย้งไว้ในคำแก้อุทธรณ์อันเป็นประเด็นที่ศาลอุทธรณ์จะต้องวินิจฉัยให้ เมื่อศาลอุทธรณ์ไม่ได้วินิจฉัยประเด็นข้อนี้ไว้ ศาลฎีกาเห็นสมควรที่จะวินิจฉัยตามข้อเท็จจริงที่ปรากฏอยู่แล้วในสำนวนก็ชอบจะทำได้ โดยไม่จำต้องย้อนสำนวน
ตามบทบัญญัติในประมวลกฎหมายที่ดินมาตรา 61 วรรคท้ายในกรณีที่มีการออกโฉนดที่ดินโดยไม่ถูกต้อง ผู้ได้รับหนังสือหรือคู่กรณีมีอำนาจดำเนินการฟ้องร้องยังศาลให้เพิกถอนได้ ไม่จำเป็นจะต้องให้อธิบดีกรมที่ดินเป็นผู้เพิกถอนทุกกรณี และเมื่อศาลมีคำสั่งหรือคำพิพากษาถึงที่สุดให้เพิกถอนหรือแก้ไขอย่างไรแล้วจึงให้พนักงานเจ้าหน้าที่ตามมาตรา 71 แห่งประมวลกฎหมายที่ดินดำเนินการตามคำพิพากษาหรือคำสั่งนั้นตามวิธีการที่อธิบดีกรมที่ดินกำหนด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4106/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเพิกถอนโฉนดที่ดินที่ไม่ถูกต้องตามคำพิพากษา ผู้รับหนังสือ/คู่กรณีมีอำนาจฟ้องร้องได้โดยตรง
ประเด็นในคดีซึ่งศาลชั้นต้นได้วินิจฉัยไว้แล้วและในชั้นศาลอุทธรณ์จำเลยก็ได้หยิบยกขึ้นโต้แย้งไว้ในคำแก้อุทธรณ์อันเป็นประเด็นที่ศาลอุทธรณ์จะต้องวินิจฉัยให้ เมื่อศาลอุทธรณ์ไม่ได้วินิจฉัยประเด็นข้อนี้ไว้ ศาลฎีกาเห็นสมควรที่จะวินิจฉัยตามข้อเท็จจริงที่ปรากฏอยู่แล้วในสำนวนก็ชอบจะทำได้ โดยไม่จำต้องย้อนสำนวน
ตามบทบัญญัติในประมวลกฎหมายที่ดินมาตรา 61 วรรคท้ายในกรณีที่มีการออกโฉนดที่ดินโดยไม่ถูกต้อง ผู้ได้รับหนังสือหรือคู่กรณีมีอำนาจดำเนินการฟ้องร้องยังศาลให้เพิกถอนได้ ไม่จำเป็นจะต้องให้อธิบดีกรมที่ดินเป็นผู้เพิกถอนทุกกรณี และเมื่อศาลมีคำสั่งหรือคำพิพากษาถึงที่สุดให้เพิกถอนหรือแก้ไขอย่างไรแล้วจึงให้พนักงานเจ้าหน้าที่ตามมาตรา 71 แห่งประมวลกฎหมายที่ดินดำเนินการตามคำพิพากษาหรือคำสั่งนั้นตามวิธีการที่อธิบดีกรมที่ดินกำหนด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4106/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเพิกถอนโฉนดที่ดินที่ออกโดยไม่ถูกต้องตามคำพิพากษาเดิม ผู้มีสิทธิฟ้องร้องต่อศาลได้โดยตรง
ประเด็นในคดีซึ่งศาลชั้นต้นได้วินิจฉัยไว้แล้วและในชั้นศาลอุทธรณ์จำเลยก็ได้หยิบยกขึ้นโต้แย้งไว้ในคำแก้อุทธรณ์อันเป็นประเด็นที่ศาลอุทธรณ์จะต้องวินิจฉัยให้เมื่อศาลอุทธรณ์ไม่ได้วินิจฉัยประเด็นข้อนี้ไว้ศาลฎีกาเห็นสมควรที่จะวินิจฉัยตามข้อเท็จจริงที่ปรากฏอยู่แล้วในสำนวนก็ชอบจะทำได้โดยไม่จำต้องย้อนสำนวน ตามบทบัญญัติในประมวลกฎหมายที่ดินมาตรา61วรรคท้ายในกรณีที่มีการออกโฉนดที่ดินโดยไม่ถูกต้องผู้ได้รับหนังสือหรือคู่กรณีมีอำนาจดำเนินการฟ้องร้องยังศาลให้เพิกถอนได้ไม่จำเป็นจะต้องให้อธิบดีกรมที่ดินเป็นผู้เพิกถอนทุกกรณีและเมื่อศาลมีคำสั่งหรือคำพิพากษาถึงที่สุดให้เพิกถอนหรือแก้ไขอย่างไรแล้วจึงให้พนักงานเจ้าหน้าที่ตามมาตรา71แห่งประมวลกฎหมายที่ดินดำเนินการตามคำพิพากษาหรือคำสั่งนั้นตามวิธีการที่อธิบดีกรมที่ดินกำหนด.
of 104