คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
คำพิพากษา

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,887 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2690/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจเจ้าพนักงานบังคับคดีในการบังคับคดีจากผู้สู้ราคาที่ไม่วางเงินมัดจำ ต้องอาศัยคำพิพากษา
แม้ ส. ผู้สู้ราคาเดิมจะต้องรับผิดในราคาส่วนที่ขาดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 516 ซึ่งเมื่อเจ้าพนักงานบังคับคดีได้แจ้งให้ ส. นำเงินจำนวนดังกล่าวไปชำระแล้วแต่ ส. เพิกเฉยก็ถือว่าเป็นการโต้แย้งสิทธิของโจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 55หาใช่เป็นการโต้แย้งสิทธิหรืออำนาจของเจ้าพนักงานบังคับคดีไม่เพราะเจ้าพนักงานบังคับคดีเป็นแต่เพียงเจ้าพนักงานของศาลในการที่จะบังคับคดีเท่านั้น ไม่มีอำนาจหน้าที่ที่จะเข้าเป็นผู้มีส่วนได้เสียหรือเป็นคู่ความ และจะร้องขอให้บังคับคดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 271 ได้ก็ต่อเมื่อมีคำพิพากษาของศาลให้ ส. ตกเป็นลูกหนี้ตามคำพิพากษาของโจทก์เสียก่อน เจ้าพนักงานบังคับคดีจึงไม่มีอำนาจขอให้ออกหมายบังคับคดียึดอายัดทรัพย์สินของ ส.โดยไม่ต้องฟ้องส. เป็นคดีใหม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 252/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ โกงเจ้าหนี้จากการโอนทรัพย์สินหลังมีคำพิพากษาถึงที่สุด พฤติการณ์ส่อเจตนาหลีกเลี่ยงชำระหนี้
จำเลยโอนโทรศัพท์ภายหลังที่ศาลได้มีคำพิพากษาให้ชำระหนี้และคดีถึงที่สุดแล้ว ซึ่งการโอนสิทธิการเช่าโทรศัพท์บุคคลทั่วไปย่อมทราบดีว่าสามารถจะโอนขายเป็นเงินได้ ตามพฤติการณ์ส่อให้เห็นว่าการที่จำเลยที่ 1 โอนโทรศัพท์ก็เพื่อมิให้โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ได้รับชำระหนี้ทั้งหมดหรือบางส่วน ซึ่งได้ใช้สิทธิเรียกร้องทางศาลให้ชำระหนี้แล้ว จึงมีความผิดฐานโกงเจ้าหนี้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2458/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การโต้แย้งข้อเท็จจริงเรื่องการต่อสู้ในคดีชิงทรัพย์ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยหากเป็นการคัดค้านคำพิพากษาเดิม
ศาลอุทธรณ์พิพากษาว่า การกระทำของจำเลยเป็นความผิดฐานชิงทรัพย์โดยวินิจฉัยว่า ขณะไต่ลงมาตามท่อน้ำทิ้งจำเลยได้ชักมีดออกมาชูขึ้นในลักษณะข่มขู่ ป.เพื่อนผู้เสียหายซึ่งตามลงมาร้องบอกให้จำเลยมอบตัว จำเลยฎีกาว่าผู้เสียหายไม่ได้เบิกความให้ชัดแจ้งว่าจำเลยต่อสู้กับผู้เสียหายอย่างไร จึงฟังไม่ได้ว่าจำเลยใช้กำลังทำร้ายผู้เสียหาย ฎีกาจำเลยดังกล่าวไม่เป็นการคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 216 ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2419/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบังคับคดีตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ต้องออกคำบังคับแจ้งจำเลยก่อน เพื่อให้โอกาสปฏิบัติตาม
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้โจทก์ชนะคดี และออกคำบังคับให้จำเลยทราบจำเลยอุทธรณ์และได้รับอนุญาตให้ทุเลาการบังคับไว้ในระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ เมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษาแล้วศาลชั้นต้นต้องออกคำบังคับให้จำเลยทราบเพื่อปฏิบัติตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ก่อน หากจำเลยไม่ยอมปฏิบัติตามจึงจะมีการออกหมายบังคับคดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 276วรรคแรก ต่อไป

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2419/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบังคับคดีตามคำพิพากษา ต้องออกคำบังคับแจ้งหนี้ก่อน จึงจะออกหมายบังคับคดีได้
ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 272 วรรคหนึ่งและมาตรา 276 วรรคหนึ่ง หากจะมีการบังคับคดีตามคำพิพากษาหรือคำสั่งของศาลจะต้องมีการออกคำบังคับเพื่อให้โอกาสจำเลยปฏิบัติตามคำพิพากษาหรือคำสั่งภายในกำหนดเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนดก่อนหากจำเลยยอมปฏิบัติตามคำบังคับก็ไม่จำต้องออกหมายบังคับคดีเพื่อบังคับคดี แต่หากจำเลยไม่ยอมปฏิบัติ จึงจะมีการออกหมายบังคับคดีเพื่อบังคับคดีแก่จำเลยต่อไป คดีนี้เมื่อศาลชั้นต้นพิพากษาให้โจทก์ชนะคดี โจทก์ขอออกคำบังคับและส่งให้จำเลยทราบแล้วแต่จำเลยยื่นอุทธรณ์และได้รับอนุญาตให้ทุเลาการบังคับไว้ในระหว่างพิจารณาของศาลอุทธรณ์ หลังจากศาลอุทธรณ์พิพากษาแล้วไม่ปรากฏว่าได้มีการออกคำบังคับเพื่อแจ้งให้จำเลยปฏิบัติตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์เมื่อยังไม่ได้ออกคำบังคับแจ้งให้จำเลยทราบเพื่อให้โอกาสจำเลยปฏิบัติตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ก่อน ย่อมจะออกหมายบังคับคดีเพื่อบังคับคดีแก่จำเลยอันเป็นการขัดต่อบทบัญญัติของกฎหมายดังกล่าวไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2387/2537 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิจำนองย่อมตามติดทรัพย์ แม้มีคำพิพากษาถึงที่สุดแล้ว เจ้าหนี้จำนองยังบังคับคดีได้
ผู้ร้องทั้งสี่ยื่นคำร้องขอให้งดการขายทอดตลาดที่ดินของจำเลยทั้งสามจำนวน 3 แปลง ที่โจทก์ในฐานะเจ้าหนี้จำนองตามคำพิพากษาได้ดำเนินการบังคับคดีไว้แล้ว แม้ต่อมาคดีของผู้ร้องทั้งสี่จะถึงที่สุดตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้นที่พิพากษาให้จำเลยทั้งสามกับพวกจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินดังกล่าวพร้อมสิ่งปลูกสร้างอันเป็นทรัพย์ที่จำเลยทั้งสามจำนองไว้แก่โจทก์ให้แก่ผู้ร้องทั้งสี่ก็ตาม แต่โจทก์ก็ยังคงมีสิทธิบังคับคดีเอาแก่ทรัพย์จำนองนั้นได้ เพราะสิทธิจำนองย่อมตกติดอยู่กับตัวทรัพย์ดังนั้น การงดการบังคับคดีไว้ตามคำร้องของผู้ร้องทั้งสี่จึงไม่เป็นประโยชน์แก่ฝ่ายใดอีกทั้งผู้ร้องทั้งสี่ก็สามารถที่จะใช้สิทธิตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นชำระหนี้ไถ่ถอนจำนองได้อยู่แล้ว แต่ผู้ร้องทั้งสี่หาได้ใช้สิทธิดังกล่าวไม่ กรณีจึงไม่มีเหตุที่จะให้งดการบังคับคดีไว้ก่อนจนกว่าคดีของผู้ร้องทั้งสี่และจำเลยทั้งสามกับพวกจะถึงที่สุด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2185/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาไม่ชัดแจ้ง: การไม่ระบุประเด็นคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์อย่างชัดเจน ทำให้ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
โจทก์ฎีกาว่า ไม่เห็นพ้องด้วยกับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 1แต่มิได้กล่าวให้แจ้งชัดว่าไม่เห็นด้วยในปัญหาข้อไหน อย่างไรเป็นสาระแก่คดีอันควรได้รับการวินิจฉัยหรือไม่ เพียงแต่กล่าวอ้างความเป็นมาของที่ดินพิพาทและโต้แย้งการรับฟังเอกสารซึ่งซ้ำกับที่กล่าวในอุทธรณ์อันเป็นการคัดค้านคำพิพากษาศาลชั้นต้นเท่านั้นจึงเป็นฎีกาที่ไม่ชัดแจ้ง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 249 วรรคแรก ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 160/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบังคับบุคคลนอกคดีและการโอนมรดก: ศาลฎีกาแก้ไขคำพิพากษาให้จำกัดขอบเขตการโอนเฉพาะส่วนของจำเลย
โจทก์ฟ้องว่าที่ดินพิพาท ร. สามีจำเลยเป็นผู้ไปแจ้งการครอบครอง และ ร. ได้นำที่ดินไปขอออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ ทั้งปรากฏตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ดังกล่าวว่ามีชื่อ ร.เป็นผู้มีสิทธิครอบครอง ต่อมา ร. ตาย จำเลย และบุตรได้จดทะเบียนรับโอนมรดกที่ดินแปลงนี้ต่อมาตั้งแต่ก่อนโจทก์ฟ้องคดี เมื่อโจทก์มิได้ฟ้องผู้มีชื่อในหนังสือรับรองการทำประโยชน์ทั้งหมดมาด้วย คำพิพากษาอุทธรณ์ที่พิพากษาให้จำเลยจดทะเบียนโอนที่พิพาทให้แก่โจทก์ด้วยนั้น จึงมีผลเป็นการบังคับบุคคลนอกคดี ศาลฎีกาเห็นสมควรแก้ไขเสียใหม่ให้ถูกต้องโดยพิพากษาให้จำเลยจดทะเบียนโอนที่ดินพิพาทเฉพาะส่วนของจำเลยเท่านั้นแก่โจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1599/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อัตราดอกเบี้ยตามคำพิพากษาคงเดิม แม้ธปท. เปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ย และประเด็นหนี้สินล้นพ้นตัวไม่จำเป็นวินิจฉัย
การคิดอัตราดอกเบี้ยตามคำพิพากษาอันถึงที่สุดแล้ว แม้ธนาคารแห่งประเทศไทยจะประกาศกำหนดอัตราดอกเบี้ยให้สูงหรือต่ำกว่าอัตราดอกเบี้ยตามคำพิพากษาดังกล่าวในภายหลัง ก็ไม่ทำให้อัตราดอกเบี้ยตามคำ-พิพากษานั้นมีผลเปลี่ยนแปลงไป โจทก์คิดอัตราดอกเบี้ยจากจำเลยได้ตามคำพิพากษา
เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้แล้วว่าจำเลยเป็นผู้มีหนี้สินล้นพ้นตัวปัญหาที่ว่าจำเลยจะได้รับหนังสือทวงถามครั้งที่ 2 ของโจทก์หรือไม่ จึงไม่เป็นสาระแก่คดีอันควรได้รับการวินิจฉัย เพราะไม่อาจทำให้ข้อเท็จจริงที่ฟังได้ว่าจำเลยเป็นผู้มีหนี้สินล้นพ้นตัวมีผลเปลี่ยนแปลงไป ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1599/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ดอกเบี้ยตามคำพิพากษาถึงที่สุด และการพิสูจน์ภาวะหนี้สินล้นพ้นตัว
การคิดอัตราดอกเบี้ยตามคำพิพากษาอันถึงที่สุดแล้ว แม้ธนาคารแห่งประเทศไทยจะประกาศกำหนดอัตราดอกเบี้ยให้สูงหรือต่ำกว่าอัตราดอกเบี้ยตามคำพิพากษาดังกล่าวในภายหลัง ก็ไม่ทำให้อัตราดอกเบี้ยตามคำพิพากษานั้นมีผลเปลี่ยนแปลงไป โจทก์คิดอัตราดอกเบี้ยจากจำเลยได้ตามคำพิพากษา เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้แล้วว่าจำเลยเป็นผู้มีหนี้สินล้นพ้นตัวปัญหาที่ว่าจำเลยจะได้รับหนังสือทวงถามครั้งที่ 2 ของโจทก์หรือไม่จึงไม่เป็นสาระแก่คดีอันควรได้รับการวินิจฉัย เพราะไม่อาจทำให้ข้อเท็จจริงที่ฟังได้ว่าจำเลยเป็นผู้มีหนี้สินล้นพ้นตัวมีผลเปลี่ยนแปลงไป ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
of 189