พบผลลัพธ์ทั้งหมด 713 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 265/2495
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำให้การที่ไม่ชัดเจนในการต่อสู้คดีสัญญาเหมาทำของ ทำให้จำเลยไม่มีประเด็นสืบ
โจทก์ฟ้องเรียกค่าจ้างเหมาทำของจากจำเลย จำเลยให้การปฏิเสธต่อสู้ว่า โจทก์ทำการไม่ถูกต้องครบถ้วนตามข้อสัญญา รายการและแผนผังหลายประการและทำการยังไม่เสร็จสิ้นตามสัญญานั้น เป็นคำกล่าวอ้างที่ไม่อาจรู้ได้ว่าโจทก์ทำการไม่ถูกต้องอย่างไร และทำการยังไม่เสร็จสิ้นอย่างไรบ้าง จึงเป็นคำให้การที่มิได้ต่อสู้คดีให้ชัดแจ้งตามที่กฎหมายบังคับไว้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา177 ฉะนั้นจำเลยจึงไม่มีประเด็นจะนำสืบตามคำให้การนั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1534/2495
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแจ้งคำสั่งยืดเวลายื่นคำให้การ และสิทธิจำเลยที่ทราบฟ้องโดยประกาศ
กรณีที่จำเลยบางคนได้ยื่นแต่บางคนมิได้ยื่นคำให้การภายในกำหนด ศาลจะต้องสั่งยืดเวลายื่นคำให้การไปแล้วแจ้งให้จำเลยที่มิได้ยื่นคำให้การทราบ โดยวิธีส่งหมายธรรมดาหรือโดยวิธีอื่นแทน การที่ศาลออกหมายนัดพิจารณาคดีเสียทีเดียว ยังถือไม่ได้ว่าจำเลยที่มิได้ยื่นคำให้การทราบคำสั่งยืดเวลายื่นคำให้การตามมาตรา 204
จำเลยที่ทราบฟ้องโดยประกาศหนังสือพิมพ์ แต่มิได้ยื่นคำให้การภายในกำหนด ก็ได้รับประโยชน์ตามมาตรา 204 เช่นเดียวกัน
จำเลยที่ทราบฟ้องโดยประกาศหนังสือพิมพ์ แต่มิได้ยื่นคำให้การภายในกำหนด ก็ได้รับประโยชน์ตามมาตรา 204 เช่นเดียวกัน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 571/2494
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยินยอมให้เข้าอยู่อาศัยและสิทธิในการฟ้องขับไล่: คำให้การเคลือบคลุมทำให้จำเลยไม่อาจสืบได้
มติคณะกรรมการควบคุมค่าเช่ามีว่า 'คณะกรรมการควบคุมค่าเช่าได้พิจารณาแล้วเห็นว่าท่านมีความจำเป็นจะต้องเข้าอยู่อาศัยกับทั้งท่านได้ให้คำมั่นว่าจะจัดการให้ผู้เช่าได้เข้าไปอยู่ในเคหะที่บิดามารดาของท่านเช่าอยู่ในปัจจุบันนี้ จึงลงมติให้ความยินยอมแก่ท่านในอันที่จะเข้าอยู่อาศัยในตึกแถวเลขที่ 60-61 ได้ตามขอ' และยังปรากฏในรายงานพิจารณาของศาลอีกว่า โจทก์ได้ยินยอมให้จำเลย(ผู้เช่า) อยู่ในบ้านบิดามารดาหากจำเลยไม่ยอมเข้าอยู่เองโดยอ้างว่าจะต้องอยู่ในฐานะเช่าไม่ใช่ฐานะอาศัยซึ่งโจทก์ได้แถลงต่อไปว่า จะให้เช่าไม่ได้เพราะโจทก์และบิดามารดาไม่ใช่เจ้าของกรรมสิทธิ์สถานที่ และโจทก์จะไม่ขับไล่จำเลยเป็นอันขาด เช่นนี้จะถือว่าโจทก์ปฏิบัติผิดคำสั่งคณะกรรมการมิได้ ฉะนั้นโจทก์จึงมีสิทธิฟ้องขับไล่จำเลยออกจากตึกเช่าที่กล่าวแล้วได้
จำเลยให้การข้อหนึ่งว่าคำสั่งคณะกรรมการจะครบองค์ประชุมตาม กฎหมายหรือไม่ จำเลยไม่ทราบนั้น ถือว่าเป็นคำให้การเคลือบคลุม เพราะมิได้แสดงให้แจ้งชัดว่าจะรับหรือปฏิเสธ ฉะนั้นศาลจึงไม่ยอมให้จำเลยนำสืบได้
จำเลยให้การข้อหนึ่งว่าคำสั่งคณะกรรมการจะครบองค์ประชุมตาม กฎหมายหรือไม่ จำเลยไม่ทราบนั้น ถือว่าเป็นคำให้การเคลือบคลุม เพราะมิได้แสดงให้แจ้งชัดว่าจะรับหรือปฏิเสธ ฉะนั้นศาลจึงไม่ยอมให้จำเลยนำสืบได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 41-42/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การคุ้มครองค่าเช่าตาม พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่าฯ ต้องเป็นการเช่าเคหะเพื่ออยู่อาศัย หากจำเลยไม่ได้ระบุในคำให้การว่าเป็นการเช่าประเภทนี้ จึงไม่ได้รับความคุ้มครอง
พ.ร.บ. ควบคุมค่าเช่า ฯลฯ คุ้มครองการเช่าเคหะที่ใช้เป็นที่อยู่อาศัย ฉะนั้นเมื่อโจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากห้องเช่า จำเลยให้การต่อสุ้เพียงว่าห้องเช่าอยู่ในเขตเทศบาลจำเลยย่อมได้รับความคุ้มครองตาม พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า ฯลฯ มิได้กล่าวในคำให้การเลยว่าห้องเช่าเป็นเคหะอันใช้เป็นที่อยู่อาศัย อันจะเป็นข้อแสดงว่าการเช่าอยู่นความคุ้มครองตาม พ.ร.บ.เมื่อคำให้การของจำเลยไม่แสดงให้เห็นว่าการเช่าของจำเลยอยู่ในข่ายคุ้มครองตาม พ.ร.บ. แล้ว คดีไม่มีทางที่จำเลยจะได้รับความคุ้มครองตาม พ.ร.บ. ควบคุมค่า ฯลฯ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1798/2494
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขาดนัดยื่นคำให้การ: การพิจารณาความสุจริตของผู้ถูกฟ้องและอำนาจศาล
โจทก์ฟ้องจำเลยแต่ส่งหมายเรียกสำเนาฟ้องให้จำเลยไม่ได้ศาลจึงประกาศเรียกจำเลยทางหนังสือพิมพ์ในประกาศมีกำหนดไว้ว่าให้จำเลยยื่นคำให้การในวันที่ 9 พฤษภาคม 2492 แต่จำเลยกลับมาขอรับสำเนาฟ้อง และหมายเรียกไปจากศาลเองในวันที่ 23 เมษายน 2492 แล้วเพิ่งมายื่นคำให้การเมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม 2492 ดังนี้แม้จะเกินกำหนด 8 วัน แต่เมื่อจำเลยยืนยันว่าเข้าใจโดยสุจริตว่ายื่นคำให้การได้ถึง วันที่ 9 พฤษภาคม 2492 ตามกำหนดในประกาศและศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่าจำเลยอาจเข้าใจดังนั้นได้จริง ศาลก็มีอำนาจสั่งว่าจำเลยมิได้จงใจขาดนัดยื่นคำให้การ ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 846/2493
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิสูจน์บาดแผลสาหัส: ศาลต้องรับฟังพยานหลักฐานโจทก์ แม้จำเลยและผู้เสียหายให้การต่างกัน
ฟ้องหาว่าจำเลยใช้มีดแทงผู้เสียหายบาดเจ็บสาหัสประกอบด้วยทุกข์เวทนากล้าเกินกว่า 20 วัน แพทย์ลงความเห็นว่าบาดแผลสาหัสมากน่ากลัวอันตราย รักษาประมาณ 1 เดือนจำเลยรับสารภาพแม้ผู้เสียหายกับจำเลยแถลงต้องกันว่ารักษาตัวอยู่โรงพยาบาล 14 วันก็หาย โจทก์ไม่คัดค้านแต่จะขอสืบพยานว่าเป็นบาดแผลสาหัสดังนี้ ศาลต้องให้โจทก์นำสืบ จะสั่งงดไม่สืบพยานเสียไม่ชอบ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 434/2493
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำให้การ/ฟ้องแย้งเคลือบคลุม: จำเลยต้องแสดงรายการค่าใช้จ่าย/ปี/จำนวนเงินชัดเจน จึงจะสามารถนำสืบได้
คำให้การซึ่งฟ้องแย้งขอให้หักเงินค่าใช้จ่ายหลายประเภทและจำนวนหลายปีนั้น ให้แสดงรายการให้ชัดว่าอย่างไหน ปีไหนเป็นเงินเท่าใดมิฉะนั้นเป็นการเคลือบคลุม ศาลสั่งในวันชี้สองสถานว่าเป็นฟ้องแย้งที่เคลือบคลุม ไม่มีประเด็นสืบ
คำให้การในคดีแพ่งที่เคลือบคลุมนั้น แม้จะไม่มีฟ้องแย้งรวมอยู่ด้วย จำเลยก็ไม่มีประเด็นจะสืบ
คำให้การในคดีแพ่งที่เคลือบคลุมนั้น แม้จะไม่มีฟ้องแย้งรวมอยู่ด้วย จำเลยก็ไม่มีประเด็นจะสืบ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1673-1674/2493
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสอบสวนที่ชอบด้วยกฎหมาย: ตำรวจจับกุมและส่งคำให้การให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดี
พยานโจทก์ซึ่งเป็นตำรวจจับผู้เล่นการพนันแล้ว ต่างก็เขียนคำให้การของตนส่งให้กรมการอำเภอเจ้าของที่ ซึ่งเป็นเจ้าพนักงานผู้ทำการสอบสวน แล้วพนักงานสอบสวนได้ดำเนินการสอบสวนต่อไป มีถาม จดคำให้การของผู้ต้องหาเสร็จแล้วส่งเรื่องให้อัยการ ดังนี้ ถือได้ว่ามีการสอบสวนชอบด้วยกฎหมายแล้ว (อ้างฎีกาที่ 516/2481)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1444/2493
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเบิกความของพยานที่ไม่ยึดถือคำให้การที่ผู้เสียหายจัดทำ ไม่เป็นการขัดต่อกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา
ฝ่ายผู้เสียหายพิมพ์คำให้การและแผนที่เกิดเหตุแจกจ่ายพยานโจทก์เพื่อให้พยานเบิกความตามนั้น แต่เมื่อพยานดังกล่าวมาเบิกความต่อศาล พยานต่างยืนยันว่าได้ให้การตามรู้ตามเห็นโดยสัตย์จริงทั้งนั้น พยานไม่ได้ยึดถือเอาข้อความที่เขาพิมพ์แจกมา ให้การต่อศาล ดังนี้ คำพยานเหล่านี้ถ้าเบิกความประกอบด้วยเหตุผลก็ย่อมฟังได้ ไม่เป็นการฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 226
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1380/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องเรียกค่าเสียหายจากคดีทำร้ายร่างกาย: อำนาจฟ้องและการขัดแย้งในคำให้การ
จำเลยเคยถูกอัยการเป็นโจทก์ฟ้องหาว่าทำร้ายร่างกายผู้เสียหายถึงบาดเจ็บ จำเลยรับสารภาพศาลจึงพิพากษาลงโทษจำเลยว่ามีความผิดตาม ก.ม.ลักษณะอาญา ม. 245 ผู้เสียหายจึงได้มาเป็นโจทก์เรียกค่าเสียหายจากจำเลยในทางแพ่งจำเลยย่อมต่อสู้ว่าที่ผู้เสียหายถูกทำร้ายมีบาดเจ็บนั้นเนื่องจากการวิวาทระหว่างจำเลยกับผู้เสียหาย ผู้เสียหายไม่มีอำนาจฟ้องเรียกค่าเสียหายจากจำเลยดังนี้ได้ (เพราะข้อเท็จจริงทางอาญาในคดีก่อนนั้น ศาลไม่ได้พิจารณาชี้ขาดประเด็นว่าวิวาทหรือไม่ศาลก็ย่อมลงโทษ จำเลยตามมาตรา 254 ได้)