พบผลลัพธ์ทั้งหมด 877 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2601/2526
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขอบเขตอำนาจศาลแรงงานในการพิพากษาเกินคำขอ, สิทธิโบนัส, และการจ่ายค่าน้ำมันรถเป็นค่าจ้าง
ศาลแรงงานพิพากษาไปตามคำขอบังคับของโจทก์เป็นการปฏิบัติตามที่กฎหมายบังคับแล้ว ส่วนการพิพากษาเกินคำขอนั้น พระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานฯ มาตรา 52 มิได้บังคับให้ศาลแรงงานจำต้องปฏิบัติแต่ให้อยู่ในดุลพินิจที่จะกระทำได้เมื่อเห็นสมควรเท่านั้น
ค่าน้ำมันรถที่ลูกจ้างจะเบิกได้ต้องมีใบเสร็จไปแสดงและเบิกได้ไม่เกินที่นายจ้างกำหนดไว้ เป็นค่าใช้จ่ายในการทำงาน หาใช่จ่ายเพื่อตอบแทนการทำงานไม่ ค่าน้ำมันรถจึงไม่ใช่ส่วนหนึ่งของค่าจ้าง
ระเบียบของนายจ้างกำหนดว่า 'การจ่ายเงินโบนัสจะทำการจ่ายในเดือนธันวาคมของทุก ๆ ปีปฏิทิน ' แสดงว่าลูกจ้างผู้มีสิทธิรับเงินโบนัสจะต้องมีตัวอยู่ในเดือนธันวาคมซึ่งมีการจ่ายโบนัสด้วยโจทก์ถูกเลิกจ้างก่อนเดือนธันวาคมจึงไม่มีสิทธิรับเงินโบนัส
โจทก์ยื่นคำร้องขอแก้ฟ้อง ศาลแรงงานกลางสั่งว่า 'สำเนาให้จำเลยสั่งในวันนัด' แต่จนกระทั่งมีคำพิพากษาศาลแรงงานกลางก็มิได้มีคำสั่งอนุญาตหรือไม่อนุญาตให้โจทก์แก้ไขฟ้อง ทั้งคู่ความก็มิได้แถลงประการใดต่อศาล ดังนี้ จึงมีผลเท่ากับศาลแรงงานกลางมิได้อนุญาตให้โจทก์แก้ไขฟ้อง
ค่าน้ำมันรถที่ลูกจ้างจะเบิกได้ต้องมีใบเสร็จไปแสดงและเบิกได้ไม่เกินที่นายจ้างกำหนดไว้ เป็นค่าใช้จ่ายในการทำงาน หาใช่จ่ายเพื่อตอบแทนการทำงานไม่ ค่าน้ำมันรถจึงไม่ใช่ส่วนหนึ่งของค่าจ้าง
ระเบียบของนายจ้างกำหนดว่า 'การจ่ายเงินโบนัสจะทำการจ่ายในเดือนธันวาคมของทุก ๆ ปีปฏิทิน ' แสดงว่าลูกจ้างผู้มีสิทธิรับเงินโบนัสจะต้องมีตัวอยู่ในเดือนธันวาคมซึ่งมีการจ่ายโบนัสด้วยโจทก์ถูกเลิกจ้างก่อนเดือนธันวาคมจึงไม่มีสิทธิรับเงินโบนัส
โจทก์ยื่นคำร้องขอแก้ฟ้อง ศาลแรงงานกลางสั่งว่า 'สำเนาให้จำเลยสั่งในวันนัด' แต่จนกระทั่งมีคำพิพากษาศาลแรงงานกลางก็มิได้มีคำสั่งอนุญาตหรือไม่อนุญาตให้โจทก์แก้ไขฟ้อง ทั้งคู่ความก็มิได้แถลงประการใดต่อศาล ดังนี้ จึงมีผลเท่ากับศาลแรงงานกลางมิได้อนุญาตให้โจทก์แก้ไขฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2511/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขอบเขตบุริมสิทธิในค่าจ้างและค่าชดเชยแรงงาน: แยกแยะมูลหนี้ตามประมวลกฎหมายแพ่งฯ
หนี้ค่าชดเชยของโจทก์ตามประกาศกระทรวงมหาดไทยเรื่อง การคุ้มครองแรงงาน ไม่เป็นบุริมสิทธิตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 253 ส่วนหนี้ค่าจ้างคนงานที่จำเลยค้างชำระแก่โจทก์เป็นบุริมสิทธิตาม มาตรา 253(4) และมาตรา 257 วรรคสอง ซึ่งโจทก์มีบุริมสิทธิในมูลค่าจ้างนับถอยหลังไปสองเดือนแต่ไม่เกิน 150 บาท
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2511/2526
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขอบเขตบุริมสิทธิในค่าจ้างและค่าชดเชยแรงงาน: การจำกัดวงเงินบุริมสิทธิในค่าจ้างนับถอยหลัง
หนี้ค่าชดเชยของโจทก์ตามประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การคุ้มครองแรงงาน ไม่เป็นบุริมสิทธิตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 253 ส่วนหนี้ค่าจ้างคนงานที่จำเลยค้างชำระแก่โจทก์เป็นบุริมสิทธิตามมาตรา 253(4) และมาตรา 257 วรรคสอง ซึ่งโจทก์มีบุริมสิทธิในมูลค่าจ้างนับถอยหลังไปสองเดือนแต่ไม่เกิน 150 บาท
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2510/2526
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หุ้นส่วนจำกัดความรับผิดไม่ต้องรับผิดในหนี้ค่าจ้างจากความสัมพันธ์นายจ้าง-ลูกจ้าง แม้จะเกี่ยวข้องจัดการงาน
คำวินิจฉัยของอธิบดีผู้พิพากษาศาลแรงงานกลางที่วินิจฉัยว่าคดีใดจะอยู่ในอำนาจของศาลแรงงานหรือไม่ ย่อมถึงที่สุดตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522 มาตรา 9 วรรคสอง ต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 223 หุ้นส่วนจำพวกจำกัดความรับผิดในห้างหุ้นส่วนจำกัด แม้จะสอดเข้าไปเกี่ยวข้องจัดการงานของห้างหุ้นส่วน ก็ไม่ต้องรับผิดในหนี้เกี่ยวกับการจ้างแรงงานของลูกจ้างห้างหุ้นส่วนเพราะหนี้ดังกล่าวเป็นหนี้ที่นายจ้างต้องรับผิดต่อลูกจ้าง หุ้นส่วนจำพวกจำกัดความรับผิดไม่มีความสัมพันธ์ในฐานะนายจ้างและลูกจ้างจึงไม่ต้องรับผิด
บทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1088 เป็นกรณีที่ผู้เป็นหุ้นส่วนจำพวกจำกัดความรับผิดทำผิดหน้าที่ ซึ่งต้องรับผิดในหนี้อันเกี่ยวกับกิจการที่สอดเข้าไปเกี่ยวข้องต่อบุคคลภายนอก มิใช่ต้องรับผิดในหนี้อันเกิดจากความสัมพันธ์ในฐานะนายจ้างและลูกจ้าง
บทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1088 เป็นกรณีที่ผู้เป็นหุ้นส่วนจำพวกจำกัดความรับผิดทำผิดหน้าที่ ซึ่งต้องรับผิดในหนี้อันเกี่ยวกับกิจการที่สอดเข้าไปเกี่ยวข้องต่อบุคคลภายนอก มิใช่ต้องรับผิดในหนี้อันเกิดจากความสัมพันธ์ในฐานะนายจ้างและลูกจ้าง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2502/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำพิพากษาเกินคำขอ: คดีแรงงานเรียกค่าจ้าง ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยเรื่องค่าชดเชยนอกประเด็นฟ้อง
โจทก์ฟ้องเรียกค่าจ้างจากจำเลยโดยอ้างว่าโจทก์ยังมีสิทธิได้รับค่าจ้างนับตั้งแต่จำเลยที่ 2 ในฐานะผู้รับมอบอำนาจจากจำเลยที่ 1 มีคำสั่งให้โจทก์ออกจากงาน เพราะคำสั่งเลิกจ้างมิได้มีกรรมการอื่นของจำเลยที่ 1 ลงชื่อด้วย และมิได้ประทับตราของจำเลยที่ 1 จึงเป็นโมฆะไม่ผูกพันจำเลยที่ 1 และโจทก์ คดีไม่มีประเด็นว่าโจทก์มีสิทธิเรียกค่าชดเชยจากจำเลยตามประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การคุ้มครองแรงงานหรือไม่ ที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าจำเลยที่ 1 เลิกจ้างโจทก์โดยโจทก์ไม่มีความผิดและพิพากษาให้จำเลยที่ 1 จ่ายค่าชดเชยแก่โจทก์ตามประกาศกระทรวงมหาดไทยดังกล่าว จึงเป็นการพิพากษาเกินคำขอนอกฟ้องนอกประเด็น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2327/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิลูกจ้างถูกเลิกจ้าง: ค่าจ้างระหว่างถูกเลิกจ้าง, สวัสดิการ, และการปรับเงินเดือนตามมติคณะรัฐมนตรี
ข้อบังคับองค์การจำเลยมีใจความว่า พนักงานที่ถูกตั้งกรรมการสอบสวนอาจถูกสั่งให้ออกจากงานไว้ก่อนก็ได้ แต่ถ้าการสอบสวนได้ความว่าไม่มีมลทินหรือมัวหมองก็จะสั่งให้กลับเข้าทำงานและมีสิทธิได้รับเงินเดือนในระหว่างที่ถูกสั่งให้ออกจากงานไว้ก่อนนั้นได้ดังนี้ เมื่อโจทก์ถูกตั้งกรรมการสอบสวนแล้วจำเลยมีคำสั่งให้โจทก์ออกจากงานตามความเห็นของคณะกรรมการ ต่อมาจำเลยรับโจทก์กลับเข้าทำงานในตำแหน่งหน้าที่และอัตราค่าจ้างเดิมตามคำพิพากษาของศาล ก็หาทำให้โจทก์มีสิทธิได้รับค่าจ้างในระหว่างถูกเลิกจ้างไม่
สำหรับเงินค่าช่วยเหลือบุตร เงินค่าการศึกษาของบุตร ค่ารักษาพยาบาลและการพิจารณาเลื่อนขั้นเงินเดือนนั้น ผู้ที่จะมีสิทธิรับหรือได้รับการพิจารณาจะต้องมีฐานะเป็นพนักงานของจำเลย เมื่อโจทก์พ้นจากฐานะพนักงานของจำเลยแล้ว แม้ต่อมาศาลจะพิพากษาให้จำเลยรับโจทก์กลับเข้าทำงานโดยนับอายุงานติดต่อกัน ก็หาได้หมายความว่าในระหว่างที่ถูกเลิกจ้างโจทก์ยังคงมีฐานะเป็นพนักงานของจำเลยไม่ โจทก์จึงไม่มีสิทธิได้รับเงินดังกล่าวและไม่มีสิทธิรับการพิจารณาเลื่อนขั้นเงินเดือน
ส่วนมติคณะรัฐมนตรีที่อนุมัติให้รัฐวิสาหกิจปรับเงินเดือนแก่พนักงานก็มีวัตถุประสงค์จะปรับเงินเดือนเป็นการเพิ่มรายได้ให้แก่ผู้ที่ยังมีสภาพเป็นพนักงานอยู่ในวันที่คณะรัฐมนตรีลงมติอนุมัติ เมื่อโจทก์พ้นสภาพการเป็นพนักงานของจำเลยและไม่มีอัตราเงินเดือนประจำในขณะนั้น จึงไม่มีสิทธิได้รับการปรับอัตราเงินเดือนตามมติคณะรัฐมนตรี
สำหรับเงินค่าช่วยเหลือบุตร เงินค่าการศึกษาของบุตร ค่ารักษาพยาบาลและการพิจารณาเลื่อนขั้นเงินเดือนนั้น ผู้ที่จะมีสิทธิรับหรือได้รับการพิจารณาจะต้องมีฐานะเป็นพนักงานของจำเลย เมื่อโจทก์พ้นจากฐานะพนักงานของจำเลยแล้ว แม้ต่อมาศาลจะพิพากษาให้จำเลยรับโจทก์กลับเข้าทำงานโดยนับอายุงานติดต่อกัน ก็หาได้หมายความว่าในระหว่างที่ถูกเลิกจ้างโจทก์ยังคงมีฐานะเป็นพนักงานของจำเลยไม่ โจทก์จึงไม่มีสิทธิได้รับเงินดังกล่าวและไม่มีสิทธิรับการพิจารณาเลื่อนขั้นเงินเดือน
ส่วนมติคณะรัฐมนตรีที่อนุมัติให้รัฐวิสาหกิจปรับเงินเดือนแก่พนักงานก็มีวัตถุประสงค์จะปรับเงินเดือนเป็นการเพิ่มรายได้ให้แก่ผู้ที่ยังมีสภาพเป็นพนักงานอยู่ในวันที่คณะรัฐมนตรีลงมติอนุมัติ เมื่อโจทก์พ้นสภาพการเป็นพนักงานของจำเลยและไม่มีอัตราเงินเดือนประจำในขณะนั้น จึงไม่มีสิทธิได้รับการปรับอัตราเงินเดือนตามมติคณะรัฐมนตรี
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2327/2526
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิลูกจ้างหลังถูกเลิกจ้าง: ค่าจ้างระหว่างถูกเลิกจ้าง, สวัสดิการ, และการปรับเงินเดือนตามมติคณะรัฐมนตรี
ข้อบังคับองค์การจำเลยมีใจความว่า พนักงานที่ถูกตั้งกรรมการสอบสวนอาจถูกสั่งให้ออกจากงานไว้ก่อนก็ได้ แต่ถ้าการสอบสวนได้ความว่าไม่มีมลทินหรือมัวหมองก็จะสั่งให้กลับเข้าทำงานและมีสิทธิได้รับเงินเดือนในระหว่างที่ถูกสั่งให้ออกจากงานไว้ก่อนนั้นได้ดังนี้ เมื่อโจทก์ถูกตั้งกรรมการสอบสวนแล้วจำเลยมีคำสั่งให้โจทก์ออกจากงานตามความเห็นของคณะกรรมการ ต่อมาจำเลยรับโจทก์กลับเข้าทำงานในตำแหน่งหน้าที่และอัตราค่าจ้างเดิมตามคำพิพากษาของศาล ก็หาทำให้โจทก์มีสิทธิได้รับค่าจ้างในระหว่างถูกเลิกจ้างไม่
สำหรับเงินค่าช่วยเหลือบุตร เงินค่าการศึกษาของบุตร ค่ารักษาพยาบาลและการพิจารณาเลื่อนขั้นเงินเดือนนั้น ผู้ที่จะมีสิทธิรับหรือได้รับการพิจารณาจะต้องมีฐานะเป็นพนักงานของจำเลย เมื่อโจทก์พ้นจากฐานะพนักงานของจำเลยแล้ว แม้ต่อมาศาลจะพิพากษาให้จำเลยรับโจทก์กลับเข้าทำงานโดยนับอายุงานติดต่อกัน ก็หาได้หมายความว่าในระหว่างที่ถูกเลิกจ้างโจทก์ยังคงมีฐานะเป็นพนักงานของจำเลยไม่ โจทก์จึงไม่มีสิทธิได้รับเงินดังกล่าวและไม่มีสิทธิรับการพิจารณาเลื่อนขั้นเงินเดือน
ส่วนมติคณะรัฐมนตรีที่อนุมัติให้รัฐวิสาหกิจปรับเงินเดือนแก่พนักงานก็มีวัตถุประสงค์จะปรับเงินเดือนเป็นการเพิ่มรายได้ให้แก่ผู้ที่ยังมีสภาพเป็นพนักงานอยู่ในวันที่คณะรัฐมนตรีลงมติอนุมัติเมื่อโจทก์พ้นสภาพการเป็นพนักงานของจำเลยและไม่มีอัตราเงินเดือนประจำในขณะนั้น จึงไม่มีสิทธิได้รับการปรับอัตราเงินเดือนตามมติคณะรัฐมนตรี
สำหรับเงินค่าช่วยเหลือบุตร เงินค่าการศึกษาของบุตร ค่ารักษาพยาบาลและการพิจารณาเลื่อนขั้นเงินเดือนนั้น ผู้ที่จะมีสิทธิรับหรือได้รับการพิจารณาจะต้องมีฐานะเป็นพนักงานของจำเลย เมื่อโจทก์พ้นจากฐานะพนักงานของจำเลยแล้ว แม้ต่อมาศาลจะพิพากษาให้จำเลยรับโจทก์กลับเข้าทำงานโดยนับอายุงานติดต่อกัน ก็หาได้หมายความว่าในระหว่างที่ถูกเลิกจ้างโจทก์ยังคงมีฐานะเป็นพนักงานของจำเลยไม่ โจทก์จึงไม่มีสิทธิได้รับเงินดังกล่าวและไม่มีสิทธิรับการพิจารณาเลื่อนขั้นเงินเดือน
ส่วนมติคณะรัฐมนตรีที่อนุมัติให้รัฐวิสาหกิจปรับเงินเดือนแก่พนักงานก็มีวัตถุประสงค์จะปรับเงินเดือนเป็นการเพิ่มรายได้ให้แก่ผู้ที่ยังมีสภาพเป็นพนักงานอยู่ในวันที่คณะรัฐมนตรีลงมติอนุมัติเมื่อโจทก์พ้นสภาพการเป็นพนักงานของจำเลยและไม่มีอัตราเงินเดือนประจำในขณะนั้น จึงไม่มีสิทธิได้รับการปรับอัตราเงินเดือนตามมติคณะรัฐมนตรี
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2098/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสละประเด็นข้อพิพาทเรื่องค่าจ้าง: ศาลชอบที่จะไม่วินิจฉัยหากคู่ความไม่โต้แย้ง
เมื่อประเด็นที่ว่าจำเลยค้างชำระค่าจ้างแก่โจทก์ตามฟ้องหรือไม่จำเลยได้ให้การต่อสู้ว่าชำระแล้ว แต่ศาลชั้นต้นมิได้กำหนดปัญหาข้อนี้เป็นประเด็นข้อพิพาทไว้ โดยโจทก์จำเลยมิได้โต้แย้งคัดค้านแต่อย่างใด ถือได้ว่าคู่ความสละเกี่ยวกับปัญหาข้อนี้แล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2098/2526
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสละประเด็นข้อพิพาทเรื่องค่าจ้างค้างชำระ: ศาลฎีกาตัดสินชอบธรรม
เมื่อประเด็นที่ว่าจำเลยค้างชำระค่าจ้างแก่โจทก์ตามฟ้องหรือไม่จำเลยได้ให้การต่อสู้ว่าชำระแล้ว แต่ศาลชั้นต้นมิได้กำหนดปัญหาข้อนี้เป็นประเด็นข้อพิพาทไว้โดยโจทก์จำเลยมิได้โต้แย้งคัดค้านแต่อย่างใดถือได้ว่าคู่ความสละเกี่ยวกับปัญหาข้อนี้แล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1891/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ค่าพาหนะส่วนตัวมิใช่ค่าจ้าง: ไม่ต้องนำมารวมคำนวณค่าชดเชย/สินจ้างบอกกล่าวล่วงหน้า
ค่าพาหนะที่มิได้เหมาจ่ายเป็นจำนวนแน่นอน มิใช่ค่าจ้าง ตามประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การคุ้มครองแรงงาน ฯ ข้อ 2จึงไม่ต้องนำมารวมกับเงินเดือนเพื่อคำนวณเป็นค่าชดเชยหรือ สินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้า