พบผลลัพธ์ทั้งหมด 764 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2587/2518
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ค่าจ้างทนายและค่าขึ้นศาลในคดีเลิกทรัสต์-มรดก: คำนวณตามงานที่ทำและทุนทรัพย์ที่ชนะ
ค่าจ้างทนายความเป็นที่ปรึกษาการเลิกทรัสต์และแบ่งมรดก กับร้องขอเป็นผู้จัดการมรดกซึ่งมิได้ตกลงกำหนดไว้ ศาลกำหนดให้ได้ตามที่เห็นสมควรกับงานที่ทำ ไม่ใช่ตามส่วนของทุนทรัพย์หรือเบี้ยประชุมกรรมการของทางราชการ
โจทก์มีส่วนชนะคดี ศาลให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียม แต่ส่วนค่าขึ้นศาลนั้นศาลให้จำเลยใช้แทนตามทุนทรัพย์ที่ชนะค่าทนายความที่ให้จำเลยใช้แทนคิดตามส่วนของทุนทรัพย์ที่ฟ้อง ไม่ใช่ตามจำนวนทุนทรัพย์ที่โจทก์ชนะคดีก็ได้
โจทก์มีส่วนชนะคดี ศาลให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียม แต่ส่วนค่าขึ้นศาลนั้นศาลให้จำเลยใช้แทนตามทุนทรัพย์ที่ชนะค่าทนายความที่ให้จำเลยใช้แทนคิดตามส่วนของทุนทรัพย์ที่ฟ้อง ไม่ใช่ตามจำนวนทุนทรัพย์ที่โจทก์ชนะคดีก็ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2124/2518 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแก้ไขคำฟ้องเพิ่มเติมทุนทรัพย์นอกประเด็นคดี และผลกระทบต่อการพิจารณาคดี
ที่พิพาทตามคำฟ้องเดิมซึ่งโจทก์อ้างว่าจำเลยบุกรุกทำรั้วล้ำเข้ามาในที่ดินโจทก์ที่ 1 มีราคาเพียง 1,000 บาทเท่านั้น แต่เมื่อทำแผนที่กลางจำเลยนำชี้นอกเหนือออกไปจากที่พิพาทคำฟ้องเดิมคิดเป็นราคา 4,000 บาท และระบุไว้ในแผนที่กลางว่าที่พิพาทตามคำฟ้องเดิมกับที่จำเลยชี้นอกเหนือออกไปนั้น เป็นที่พิพาทในคดีทั้งหมด ดังนี้ย่อมไม่เป็นการถูกต้อง เพราะเป็นการนอกประเด็นในคำฟ้องและข้อต่อสู้ ฉะนั้น การที่โจทก์ขอแก้คำขอท้ายฟ้องเพิ่มเติมทุนทรัพย์จาก 1,000 บาทเป็น 5,000 บาท และขอเสียค่าขึ้นศาลเพิ่ม จึงเป็นการตั้งทุนทรัพย์ขึ้นใหม่ อันเป็นทุนทรัพย์นอกที่พิพาทและนอกคำฟ้อง ไม่ใช่เป็นการขอเพิ่มราคาทรัพย์สินที่พิพาทในฟ้องเดิมตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 179(1) การแก้ไขคำฟ้องของโจทก์จึงไม่ชอบที่จะกระทำได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2124/2518
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแก้ไขคำขอท้ายฟ้องเพิ่มเติมทุนทรัพย์ต้องไม่เป็นการตั้งทุนทรัพย์ใหม่นอกประเด็นฟ้องเดิม
ที่พิพาทตามคำฟ้องเดิมซึ่งโจทก์อ้างว่าจำเลยบุกรุกทำรั้วล้ำเข้ามาในที่ดินโจทก์ที่ 1 มีราคาเพียง 1,000บาทเท่านั้น แต่เมื่อทำแผนที่กลางจำเลยนำชี้นอกเหนือออกไปจากที่พิพาทตามคำฟ้องเดิมคิดเป็นราคา 4,000 บาท และระบุไว้ในแผนที่กลางว่าที่พิพาทตามคำฟ้องเดิมกับที่จำเลยชี้นอกเหนือออกไปนั้น เป็นที่พิพาทในคดีทั้งหมด ดังนี้ย่อมไม่เป็นการถูกต้อง เพราะเป็นการนอกประเด็นในคำฟ้องและข้อต่อสู้ ฉะนั้น การที่โจทก์ขอแก้คำขอท้ายฟ้องเพิ่มเติมทุนทรัพย์จาก 1,000 บาทเป็น 5,000 บาท และขอเสียค่าขึ้นศาลเพิ่ม จึงเป็นการตั้งทุนทรัพย์ขึ้นใหม่ อันเป็นทุนทรัพย์นอกที่พิพาทและนอกคำฟ้อง ไม่ใช่เป็นการขอเพิ่มราคาทรัพย์สินที่พิพาทในฟ้องเดิมตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 179(1) การแก้ไขคำฟ้องของโจทก์จึงไม่ชอบที่จะกระทำได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2086/2518 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฎีกาในข้อเท็จจริงต้องพิจารณาจากทุนทรัพย์ในศาลชั้นต้น และค่าใช้จ่ายในการเตรียมการสมรสตามประมวลกฎหมายแพ่ง
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยผิดสัญญาหมั้น เรียกค่าทดแทนความเสียหายจากจำเลย 26,050 บาท จำเลยปฏิเสธ ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยใช้ค่าทดแทนความเสียหาย 4,320 บาท ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ให้จำเลยใช้ 1,220 บาท โจทก์ฎีกาขอให้จำเลยใช้ค่าทดแทนความเสียหายตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ดังนี้ แม้ในชั้นฎีกา คดีจะมีทุนทรัพย์ 3,100 บาท แต่จำนวนทุนทรัพย์แห่งคดีที่จะพิจารณาว่า โจทก์ฎีกาในข้อเท็จจริงได้หรือไม่ ต้องถือตามทุนทรัพย์ในศาลชั้นต้น มิใช่ถือตามทุนทรัพย์ที่พิพาทกันในชั้นฎีกา เมื่อคดีนี้ทุนทรัพย์ที่พิพาทกันในศาลชั้นต้นจำนวน 26,050 บาท โจทก์จึงฎีกาในข้อเท็จจริงได้
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 12/2518)
ค่าอาหารเลี้ยงพระและแขกในวันแต่งงาน ไม่ใช้ค่าใช้จ่ายเนื่องในการเตรียมการสมรส ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1439(2)
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 12/2518)
ค่าอาหารเลี้ยงพระและแขกในวันแต่งงาน ไม่ใช้ค่าใช้จ่ายเนื่องในการเตรียมการสมรส ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1439(2)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2086/2518
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฎีกาในข้อเท็จจริงต้องพิจารณาจากทุนทรัพย์เดิมที่ฟ้องในศาลชั้นต้น และการพิจารณาค่าใช้จ่ายในการเตรียมสมรส
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยผิดสัญญาหมั้น เรียกค่าทดแทนความเสียหายจากจำเลย 26,050 บาทจำเลยปฏิเสธ ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยใช้ค่าทดแทนความเสียหาย 4,320 บาท ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ให้จำเลยใช้ 1,220 บาท โจทก์ฎีกาขอให้จำเลยใช้ค่าทดแทนความเสียหายตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ดังนี้ แม้ในชั้นฎีกา คดีจะมีทุนทรัพย์ 3,100 บาท แต่จำนวนทุนทรัพย์แห่งคดีที่จะพิจารณาว่าโจทก์ฎีกาในข้อเท็จจริงได้หรือไม่ต้องถือตามทุนทรัพย์ที่พิพาทในศาลชั้นต้น มิใช่ถือตามทุนทรัพย์ที่พิพาทกันในชั้นฎีกา เมื่อคดีนี้ทุนทรัพย์ที่พิพาทกันในศาลชั้นต้นจำนวน 26,050 บาท โจทก์จึงฎีกาในข้อเท็จจริงได้ (ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 12/2518)
ค่าอาหารเลี้ยงพระและแขกในวันแต่งงาน ไม่ใช่ค่าใช้จ่ายเนื่องในการเตรียมการสมรสตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1439(2)
ค่าอาหารเลี้ยงพระและแขกในวันแต่งงาน ไม่ใช่ค่าใช้จ่ายเนื่องในการเตรียมการสมรสตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1439(2)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 542/2516
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรวมฟ้องจำเลยหลายคนในคดีเดียวกัน และข้อจำกัดในการฎีกาเมื่อทุนทรัพย์แต่ละจำเลยไม่ถึงเกณฑ์
โจทก์กล่าวในฟ้องชัดเจนว่า จำเลยแต่ละคนเข้ามาอาศัยที่ดินโจทก์ทำกินเป็นส่วนสัดตามแผนที่ท้ายฟ้องโจทก์ โดยไม่ได้เกี่ยวข้องกันเลย และโจทก์ก็ยังตีราคาที่ดินแต่ละส่วนที่จำเลยอาศัยมาด้วย จำเลยทั้งหมดจึงมิได้มีผลประโยชน์ร่วมกันในมูลความแห่งคดี โจทก์ชอบที่จะยื่นฟ้องจำเลยมาคนละสำนวน การที่โจทก์รวมฟ้องมาในสำนวนเดียวกัน และศาลชั้นต้นยอมรับฟ้องโจทก์ไว้ ไม่ทำให้สิทธิของโจทก์มีมากกว่าที่ยื่นฟ้องแยกกันมาเป็นแต่ละสำนวน
โจทก์ฟ้องจำเลยร่วมกันมา แต่คดีโจทก์สำหรับจำเลยแต่ละคนมีทุนทรัพย์เพียงสำหรับจำเลยที่ 1 จำนวน 1,000 บาท จำเลยที่ 2 จำนวน 2,500 บาท จำเลยที่ 3 จำนวน1,000 บาท และจำเลยที่ 4 จำนวน 1,500 บาทเท่านั้น เมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นโดยฟังข้อเท็จจริงต้องกันว่าจำเลยครอบครองที่พิพาทโดยไม่ได้อาศัยโจทก์ คดีของโจทก์จึงต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248
โจทก์ฟ้องจำเลยร่วมกันมา แต่คดีโจทก์สำหรับจำเลยแต่ละคนมีทุนทรัพย์เพียงสำหรับจำเลยที่ 1 จำนวน 1,000 บาท จำเลยที่ 2 จำนวน 2,500 บาท จำเลยที่ 3 จำนวน1,000 บาท และจำเลยที่ 4 จำนวน 1,500 บาทเท่านั้น เมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นโดยฟังข้อเท็จจริงต้องกันว่าจำเลยครอบครองที่พิพาทโดยไม่ได้อาศัยโจทก์ คดีของโจทก์จึงต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1390/2516 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อจำกัดในการฎีกา: ทุนทรัพย์ไม่เกิน 5,000 บาท และการฎีกาในประเด็นข้อเท็จจริงที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยแล้ว
จำนวนทุนทรัพย์ที่พิพาทต้องถือราคาในขณะเมื่อยื่นคำฟ้องส่วนเนื้อที่ดินของที่พิพาทต้องถือตามจำนวนที่คำนวณได้จากแผนที่วิวาทซึ่งคู่ความได้รับรองความถูกต้องแล้ว
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยรุกล้ำที่ดินของโจทก์ เนื้อที่ 24 ตารางวาคิดเป็นราคาที่ดิน 9,600 บาท ในขณะฟ้องตกตารางวาละ 400 บาทแต่ในขณะเบิกความมีราคาตารางวาละ 700 บาท เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าที่พิพาทตามรูปแผนที่กลางอันเป็นประเด็นโต้เถียงกันในคดีนี้มีเนื้อที่ประมาณ 8 ตารางวา ที่พิพาทจึงมีราคาในขณะเมื่อยื่นคำฟ้องเพียง 3,200 บาท เมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นจึงต้องห้ามมิให้คู่ความฎีกาในข้อเท็จจริง
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยรุกล้ำที่ดินของโจทก์ เนื้อที่ 24 ตารางวาคิดเป็นราคาที่ดิน 9,600 บาท ในขณะฟ้องตกตารางวาละ 400 บาทแต่ในขณะเบิกความมีราคาตารางวาละ 700 บาท เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าที่พิพาทตามรูปแผนที่กลางอันเป็นประเด็นโต้เถียงกันในคดีนี้มีเนื้อที่ประมาณ 8 ตารางวา ที่พิพาทจึงมีราคาในขณะเมื่อยื่นคำฟ้องเพียง 3,200 บาท เมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นจึงต้องห้ามมิให้คู่ความฎีกาในข้อเท็จจริง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 847-849/2515
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การคำนวณทุนทรัพย์ในคดีที่พิจารณารวมกัน และข้อจำกัดการฎีกาในข้อเท็จจริงเมื่อทุนทรัพย์น้อย
โจทก์ฟ้องจำเลย 3 คนเป็นรายสำนวน ถึงแม้รวมการพิจารณาก็ตาม การคำนวณทุนทรัพย์ที่จะฎีกาได้หรือไม่ ต้องพิจารณาเป็นรายสำนวน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2362/2515 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงเมื่อทุนทรัพย์ฟ้องร้องเกิน 5,000 บาท คดีมรดกและการแบ่งทรัพย์
โจทก์ 4 คน ร่วมกันฟ้องขอให้จำเลยแบ่งทรัพย์โดยตั้งทุนทรัพย์รวมกันเป็นเงิน 6,514 บาท ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาให้แบ่งทรัพย์พิพาทออกเป็น 9 ส่วนให้โจทก์ได้คนละ 1 ส่วน ดังนี้ เมื่อโจทก์ทั้ง 4 ฟ้องรวมกันเป็นเงินเกินกว่า 5,000 บาทแล้ว จำเลยย่อมฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงได้
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 5/2515)
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 5/2515)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2362/2515
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง เมื่อโจทก์ฟ้องรวมทุนทรัพย์เกิน 5,000 บาท คดีมรดก
โจทก์ 4 คน ร่วมกันฟ้องขอให้จำเลยแบ่งทรัพย์โดยตั้งทุนทรัพย์รวมกันเป็นเงิน 6,514 บาท ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาให้แบ่งทรัพย์พิพาทออกเป็น 9 ส่วนให้โจทก์ได้คนละ 1 ส่วน ดังนี้ เมื่อโจทก์ทั้ง 4 ฟ้องรวมกันเป็นเงินเกินกว่า 5,000 บาทแล้ว จำเลยย่อมฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงได้
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 5/2515)
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 5/2515)