คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
พยานหลักฐาน

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 2,589 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 659/2539

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความประมาทเลินเล่อจากการเลี้ยวรถตัดหน้าและการรับฟังพยานหลักฐานค่ารักษาพยาบาล
เมื่อช่องว่างระหว่างเกาะกลางถนนมีรูปเป็นส่วนโค้งและส่วนเว้าที่แสดงว่าเป็นช่องกลับรถของรถที่สวนทางมาแต่ไม่ใช่ช่องกลับรถของรถจำเลยที่สวนทางไปและยังมีป้ายเครื่องหมายจราจรห้ามกลับรถปักไว้ตรงหัวเกาะการที่ ว. ขับรถบรรทุกของจำเลยเคลื่อนออกจากไหล่ทางแล้วเลี้ยวขวาตัดหน้ารถทางตรงที่แล่นตามมาเพื่อจะกลับรถข้ามไปยังอีกถนนหนึ่งนั้นโดยปกติวิสัยจะต้องใช้ความระมัดระวังดูแลให้รถที่แล่นตามมาได้ผ่านพ้นไปให้ปลอดภัยเสียก่อน ว.ขับรถบรรทุกเลี้ยวขวาตัดหน้ารถจักรยานยนต์ของโจทก์ในระยะกระชั้นชิดโดยไม่ระมัดระวังดูแลดังกล่าวเป็นเหตุให้รถเฉี่ยวชนกันจึงเป็นความประมาทเลินเล่อของ ว. แต่ฝ่ายเดียว การที่ต้นฉบับใบเสร็จรับเงินค่ารักษาพยาบาลหายไปหาอยู่2-3วันก็ไม่พบกรณีจึงถือได้ว่าต้นฉบับเอกสารสูญหายเมื่อศาลยอมรับฟังสำเนาเอกสารดังกล่าวก็เท่ากับศาลอนุญาตให้นำสำเนาเอกสารมาสืบแทนต้นฉบับศาลจึงมีอำนาจรับฟังสำเนาเอกสารนั้นได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา93(2)และมีอำนาจกำหนดให้จำเลยชดใช้ค่ารักษาพยาบาลแก่โจทก์ตามเอกสารดังกล่าว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6427/2539

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ผลคำพิพากษาถึงที่สุดผูกพันคู่ความ ผู้แพ้คดีไม่อาจขอให้ศาลเพิกถอนคำพิพากษาด้วยเหตุฟังพยานหลักฐานผิด
ผู้ร้องยื่นคำร้องขอให้ศาลไต่สวนและมีคำสั่งว่าคำพิพากษาในคดีแพ่งเป็นโมฆะเพราะศาลฟังพยานหลักฐานผิดไปจากความเป็นจริงปรากฏว่าคดีดังกล่าวได้ถึงที่สุดไปแล้วโดยคำพิพากษาศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าบ้านพิพาทมิใช่ทรัพย์มรดกของส. โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องขับไล่จำเลยผลแห่งคำพิพากษาถึงที่สุดดังกล่าวย่อมผูกพันผู้ร้องซึ่งเป็นโจทก์ในคดีดังกล่าวตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา145ผู้ร้องจำต้องรับผลแห่งคำพิพากษานั้นจะมาโต้เถียงอีกว่าคำพิพากษาพิจารณาไปโดยสำคัญผิดในข้อเท็จจริงและศาลพิจารณาข้อเท็จจริงในคำพิพากษาไม่ตรงกับความเป็นจริงทั้งๆที่คำพิพากษาให้เป็นฝ่ายแพ้คดีหาได้ไม่ทั้งมิใช่กรณีที่มีกฎหมายสนับสนุนให้ผู้ร้องจะต้องใช้สิทธิทางศาลอันจะยื่นคำร้องเป็นคดีไม่มีข้อพิพาทเป็นคดีนี้ได้ตามมาตรา55และการขอให้ศาลสั่งเพิกถอนการพิจารณาที่ผิดระเบียบตามมาตรา27นั้นจะต้องยื่นคำร้องขอในคดีที่อ้างว่ามีการพิจารณาที่ผิดระเบียบนั้นเองจะยื่นคำร้องขอเป็นคดีใหม่ไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6370/2539

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำรับสารภาพที่ไม่สมบูรณ์ - พยานหลักฐานประกอบคำรับสารภาพต้องไม่ใช่ส่วนหนึ่งของคำรับสารภาพเอง
พยานหลักฐานประกอบคำรับสารภาพตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 176 ต้อง ไม่ใช่เป็นส่วนหนึ่งของคำรับสารภาพนั้นเอง การรับฟังคำรับชั้นสอบสวนของจำเลยทั้งสี่ซึ่งปฏิเสธในชั้นพิจารณา โจทก์และโจทก์ร่วมต้องมีพยานประกอบว่าจำเลยทั้งสี่กระทำความผิดจริงโดยพยานประกอบนั้นต้องไม่ใช่คำของเจ้าพนักงานตำรวจผู้สอบสวนคำรับนั้นเอง ส่วนบันทึกการจับกุม คำให้การชั้นสอบสวนของ จำเลยทั้งสี่ บันทึกการนำชี้ที่เกิดเหตุประกอบคำรับสารภาพ และภาพถ่ายประกอบนั้นแม้มีภาพจำเลยทั้งสี่และมีข้อความว่า จำเลยที่ 4 ใช้อาวุธปืนยิงผู้ตาย ก็เป็นส่วนหนึ่งของคำรับสารภาพ ของจำเลยทั้งสี่ในชั้นจับกุมและชั้นสอบสวนเท่านั้นไม่ใช่พยานหลักฐานที่จะนำมารับฟังประกอบคำรับสารภาพของจำเลยทั้งสี่ในชั้นจับกุมและชั้นสอบสวน เพื่อให้เห็นว่ากระทำความผิดตามฟ้องโจทก์และโจทก์ร่วมไม่มีพยานหลักฐานอื่นมาสืบประกอบคำรับสารภาพของจำเลยทั้งสี่อย่างใดอีกเมื่อจำเลยทั้งสี่ให้การปฏิเสธในชั้นพิจารณาและนำสืบปฏิเสธว่า พนักงานสอบสวนได้คำรับสารภาพมาโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย พยานหลักฐานของโจทก์และโจทก์ร่วมเพียงเท่าที่นำสืบมาจึงไม่พอฟังลงโทษจำเลยทั้งสี่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6333/2539

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับฟังพยานหลักฐานที่ไม่สมบูรณ์ ศาลมีอำนาจชั่งน้ำหนักตามพยานหลักฐานอื่นประกอบได้
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 117 วรรคสองมิได้บัญญัติให้มีผลถึงว่า หากยังถามค้านพยานคนใดไม่เสร็จสิ้นแล้วก็ห้ามมิให้ศาลรับฟังพยานดังกล่าวเลยไม่ศาลจึงมีอำนาจที่จะนำคำพยานดังกล่าวที่ตอบคำซักถามของทนายโจทก์และตอบคำถามค้านทนายจำเลยแล้วบางส่วนมารับฟังประกอบพยานเอกสารของโจทก์และจำเลยที่ยื่นประกอบคำซักถามพยานปากนี้ได้ ส่วนจะรับฟังได้มากน้อยเพียงใดก็เป็นดุลพินิจของศาลในการชั่งน้ำหนักคำพยาน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6207/2539 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับสารภาพและการพิสูจน์ความผิดทางอาญา: หน้าที่ของศาลและโจทก์ในการรับฟังพยานหลักฐาน
คดีที่กฎหมายกำหนดอัตราโทษอย่างต่ำไว้ให้จำคุกตั้งแต่ห้าปีขึ้นไป เมื่อจำเลยให้การรับสารภาพ ศาลต้องฟังพยานโจทก์จนกว่าจะพอใจว่าจำเลยได้กระทำความผิดจริง แม้จำเลยมีอายุ17 ปีเศษ และถ้าศาลเห็นสมควรลดมาตราส่วนโทษที่กำหนดไว้สำหรับความผิดนั้นลงหนึ่งในสามหรือกึ่งหนึ่งก็ได้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 76 ก็ยังคงเป็นหน้าที่ของโจทก์ที่จะต้องสืบพยานให้ได้ความถึงการกระทำผิดของจำเลยเมื่อจำเลยให้การรับสารภาพและศาลชั้นต้นให้งดสืบพยานแล้วให้เลื่อนไปนัดฟังคำพิพากษา โจทก์มิได้โต้แย้งคำสั่งศาลชั้นต้นคงแต่อุทธรณ์ขอให้ศาลอุทธรณ์ภาค 2 ลงโทษจำเลยในสถานหนักเท่านั้น ถือว่าโจทก์ไม่ติดใจสืบพยานให้เห็นว่าจำเลยได้กระทำความผิดจริง ย่อมลงโทษจำเลยไม่ได้ และเป็นปัญหาข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย ศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยได้เอง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 62/2539

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาเงินกู้ – สัญญาปลอม – พยานหลักฐาน – น้ำหนักพยาน
คำเบิกความของโจทก์เจือสมกับข้อความที่เขียนลงไว้ในสัญญากู้และจำนวนเงินที่เขียนลงไว้ในสัญญากู้ตรงกับที่เขียนลงไว้ในสัญญาค้ำประกันทั้งยังมี ร. ผู้ลงชื่อเป็นพยานในสัญญากู้เบิกความว่าเห็นเงินที่โจทก์จ่ายให้ จ. ด้วยในขณะที่พยานหลักฐานของจำเลยที่1ทายาทของ จ. คงมีเฉพาะคำเบิกความของจำเลยที่1ซึ่งฟังไม่ได้ว่าสัญญากู้เป็นสัญญาปลอมหรือไม่กับ ส. ซึ่งมิได้รู้เห็นการกู้เงินด้วยตนเองโดยอ้างว่า จ. เคยเล่าให้ฟังว่ามิได้กู้เงินโจทก์ตามจำนวนดังฟ้องอีกทั้งจำเลยที่1ก็มิได้นำ ป. ผู้ค้ำประกันการกู้เงินซึ่งรู้เรื่องดังกล่าวมาเป็นพยานด้วยพยานหลักฐานของโจทก์จึงมีน้ำหนักดีกว่าพยานหลักฐานของจำเลยที่1ฟังได้ว่าสัญญากู้มิได้เป็นสัญญาปลอมและ จ. ได้รับเงินกู้ไปจากโจทก์ครบถ้วนแล้วตามฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 612/2539

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิพากษาคดีอาญาอาศัยพยานหลักฐานบุคคลและสภาพแวดล้อมในที่เกิดเหตุ เชื่อได้ว่าจำเลยเป็นผู้กระทำผิด
บริเวณที่เกิดเหตุมีแสงสว่างจากไฟฟ้าที่หน้าร้านค้าและเสาไฟฟ้าสาธารณะซึ่งปักอยู่เป็นระยะๆน่าเชื่อว่าบริเวณที่เกิดเหตุมีแสงสว่างมากพอที่ผู้เสียหายที่1กับ ส. จะสามารถมองเห็นเหตุการณ์ต่างๆได้ชัดเจนประกอบกับ ส. รู้จักจำเลยมาก่อนทั้งก่อนเกิดเหตุประมาณ1ชั่วโมงจำเลยขับรถจักรยานยนต์มีธ. นั่งซ้อนท้ายไปพบผู้เสียหายที่1กับ ส. และ ส.ได้พูดคุยกับจำเลยด้วยก่อนที่จะเกิดเหตุ ธ. ใช้อาวุธปืนยิงผู้เสียหายทั้งสองโดยจำเลยเป็นผู้ขับรถจักรยานยนต์ให้ ธ.นั่งซ้อนท้ายไปจึงเชื่อว่าผู้เสียหายที่1กับ ส. มีโอกาสเห็นและจำคนร้ายได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 588/2539

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ร่วมกันขนส่งยาเสพติด: พยานหลักฐานเชื่อมโยงจำเลยที่ 1 ถึงการกระทำผิด
พยานโจทก์คือจ่าสิบตำรวจ ม. และสิบตำรวจโท อ. ได้ทำการตรวจค้นรถยนต์โดยสารประจำทางอย่างเปิดเผยต่อหน้าผู้โดยสารจำนวนมากเชื่อว่าปฏิบัติหน้าที่โดยชอบธรรมส่วนนางสาว ว.ซึ่งเป็นพยานคนกลางก็ได้ทำหน้าที่พนักงานบริการประจำรถยนต์โดยสารประจำทางมาหลายเดือนย่อมสามารถจำพฤติกรรมของผู้โดยสารและตำแหน่งที่วางกระเป๋าใส่เสื้อผ้าหรือสิ่งของต่างๆของผู้โดยสารได้ดีพอสมควรประกอบกับขณะที่จำเลยที่1นำกระเป๋าทั้งสองใบซึ่งมีเฮโรอีนบรรจุอยู่ไปเก็บไว้บนชั้นวางของก็ยังไม่มีผู้โดยสารคนอื่นอยู่บนรถทั้งจำเลยที่1เป็นผู้เลือกวางกระเป๋าในลักษณะที่ผิดปกติเองด้วยเป็นเหตุให้นางสาว ว. เกิดความสงสัยย่อมจดจำการกระทำของจำเลยที่1ได้แม่นยำเป็นพิเศษกว่าผู้โดยสารรายอื่นเมื่อคำเบิกความของพยานโจทก์ทั้งสามนี้สอดคล้องเชื่อมโยงกันไม่มีข้อพิรุธหรือข้อระแวงสงสัยว่าจะปรักปรำให้ร้ายจำเลยที่1จึงมีน้ำหนักในการรับฟัง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5691/2539

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาต้องห้าม: การโต้เถียงดุลพินิจการรับฟังพยานหลักฐานในประเด็นข้อเท็จจริงของศาลอุทธรณ์
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา83,343วรรคหนึ่งจำคุก3ปีศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่าจำเลยมีความผิดตามมาตรา341คงจำคุก3ปีเช่นกันเป็นการแก้ไขเฉพาะการปรับบทกฎหมายโดยมิได้แก้ไขโทษเป็นการแก้ไขเล็กน้อยต้องห้ามมิให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา218วรรคหนึ่งโจทก์ฎีกาว่าลักษณะการกระทำของจำเลยเป็นการชักชวนบุคคลทั่วไปไม่จำกัดเฉพาะกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งแม้ไม่มีการประกาศโฆษณาแก่บุคคลทั่วไปและจำเลยฎีกาว่าจำเลยมิได้ทุจริตและมิได้หลอกลวงบรรดาผู้เสียหายรวมทั้งไม่ได้รับเงินจากผู้เสียหายเป็นการโต้เถียงดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานของศาลอุทธรณ์ภาค2เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงจึงต้องห้าม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 567/2539

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ พยานหลักฐานพิรุธ ขาดอาวุธปืนและพยานยืนยันการยิง ศาลยกฟ้องคดีพยายามฆ่า
ขณะที่จำเลยจ้องอาวุธปืนสั้นไปที่หน้าอกของผู้เสียหายผู้เสียหายมิได้แสดงกิริยาหลบหลีกหรือป้องกันตัวให้พ้นจากการถูกจำเลยยิงเพียงแต่ก้าวถอยหลังเล็กน้อยถือได้ว่าเป็นการผิดวิสัยที่ผู้จะถูกคนร้ายยิงจะไม่หลบหลีกหรือกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดเพื่อป้องกันมิให้ตนเองถูกยิงขณะนั้น ท. พี่ชายของผู้เสียหายก็ยืนอยู่ใกล้กับจำเลยแต่ไม่ได้กระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดเพื่อป้องกันมิให้จำเลยยิงผู้เสียหายเพียงเข้าไปสอบถามว่าทำไมถึงทำอย่างนี้ถือได้ว่าเป็นการผิดวิสัยเช่นกันพฤติการณ์ของผู้เสียหายและ ท. ทำให้เป็นที่น่าระแวงสงสัยว่าจำเลยจะได้ใช้อาวุธปืนสั้นจ้องยิงผู้เสียหายจริงหรือไม่และเมื่อพิจารณาจากคำเบิกความของจ่าสิบตำรวจ อ. ว่าเมื่อพยานไปถึงที่เกิดเหตุได้พูดคุยกับจำเลยและเจ้าของร้านค้าที่เกิดเหตุประมาณ10นาทีแต่ไม่มีผู้ใดแจ้งต่อพยานว่าจำเลยได้ใช้อาวุธปืนยิงผู้เสียหายอีกทั้งเจ้าพนักงานตำรวจจับจำเลยที่บ้านจำเลยในคืนนั้นห่างจากเวลาเกิดเหตุไม่นานแต่ไม่ปรากฏว่าเจ้าพนักงานตำรวจค้นพบอาวุธปืนของกลางจึงเป็นพิรุธอีกประการหนึ่งพยานหลักฐานของโจทก์มีพิรุธหลายประการเป็นที่น่าเคลือบแคลงสงสัยรับฟังลงโทษจำเลยตามฟ้องไม่ได้
of 259