คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ยินยอม

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 676 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1232/2491 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาซื้อขายที่ดินร่วม: จำเลยโอนขายลำพังไม่ได้หากเจ้าของร่วมไม่ยินยอม
จำเลยได้ทำสัญญาแบ่งขายที่ดินซึ่งจำเลยมีกรรมสิทธร่วมอยู่กับผู้อื่นอีกคนหนึ่ง ให้แก่โจทก์เป็นจำนวนเนื้อที่ 15 ไร่ โดยเจ้าของร่วมอีกคนหนึ่งนั้น มิได้รู้เห็นยินยอมด้วย ดังนี้ โจทก์จะฟ้องขอให้บังคับจำเลยโอนขายที่ดินให้แก่โจทก์ตามสัญญาไม่ได้
(อ้างฎีกาที่ 294/2472)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1022/2491 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยินยอมให้รวมเงินที่ถูกยักยอกเป็นราคาสินค้า ทำให้สิทธิเรียกร้องในความผิดยักยอกระงับ
จำเลยได้ทำใบรับเงินให้แก่ผู้เสียหาย 1 ฉบับ มีข้อความว่าจำเลยได้รับเงินจากผู้เสียหาย 1 หมื่นบาท เพื่อซื้อแร่จากจังหวัดยะลามาให้ผู้เสียหาย แล้วจำเลยได้กลับมาแจ้งแก่ผู้เสียหายว่าได้เอาเงิน 7000 บาท ไปวางมัดจำสำหรับทำสัญญาซื้อแร่ และได้นำเงินที่เหลือมาคืน ต่อมาจำเลยจึงได้ทำสัญญาขายฝากโรงงานถลุงแร่ของจำเลยแก่ผู้เสียหาย จำนวนราคาขายฝากให้ถือเอาหลักฐานที่จำเลยทำไว้กับผู้เสียหาย คือ สัญญากู้ยืม และรับเงินรวม 3 ฉบับ และจำนวนเงิน 1 หมื่นบาท ดังกล่าวข้างต้นได้รวมอยู่เป็นค่าซื้อฝากโรงงานด้วย หลังจากทำสัญญาขายฝากแล้ว ผู้เสียหายจึงได้ทราบว่าจำเลยยักยอกเอาเงิน 7000 บาทซึ่งอ้างว่าไปวางมัดจำซื้อแร่นั้น เอาไปเป็นประโยชน์ส่วนตัวเสีย
การที่ผู้เสียหายตกลงทำสัญญากับจำเลย เอาเงินที่หาว่าจำเลยยักยอกไปรวมเป็นราคาค่าซื้อฝากขอโรงงานของจำเลยเสร็จไปแล้วนั้น ผู้เสียหายจะกลับรื้อฟื้นขึ้นมาว่ากล่าวฟ้องร้องไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นทางแพ่งขอให้คืนเงินรายนี้ หรือทางอาญาขอให้ลงโทษฐานยักยอก เพราะการตกลงกับจำเลยดังกล่าวข้างต้นนั้น มีผลเป็นการยินยอมไม่ติดใจว่ากล่าวในเงินรายนี้แล้ว
ศาลล่างทั้งสองฟังข้อเท็จจริงผิดจากพยานหลักฐานในท้องสำนวน ศาลฎีกาไม่จำต้องถือตามและมีอำนาจฟังข้อเท็จจริงใหม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1022/2491

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ยินยอมไม่ติดใจว่ากล่าวหลังทำสัญญาซื้อฝากแล้ว แม้มีการยักยอกก่อนหน้า สิทธิเรียกร้องย่อมระงับ
จำเลยได้ทำใบรับเงินให้แก่ผู้เสียหาย 1 ฉบับ มีข้อความว่าจำเลยได้รับเงินจากผู้เสียหาย 1 หมื่นบาทเพื่อซื้อแร่จากจังหวัดยะลามาให้ผู้เสียหายแล้วจำเลยได้กลับมาแจ้งแก่ผู้เสียหายว่าได้เอาเงิน 7000 บาท ไปวางมัดจำสำหรับทำสัญญาซื้อแร่ และได้นำเงินที่เหลือมาคืน ต่อมาจำเลยจึงได้ทำสัญญาขายฝากโรงงานถลุงแร่ของจำเลยแก่ผู้เสียหายจำนวนราคาขายฝากให้ถือเอาหลักฐานที่จำเลยทำไว้กับผู้เสียหาย คือสัญญากู้ยืม และรับเงินรวม 3 ฉบับและเงินจำนวน 1 หมื่นบาทดังกล่าวข้างต้นได้รวมอยู่เป็นค่าซื้อฝากโรงงานด้วย หลังจากทำสัญญาขายฝากแล้วผู้เสียหายจึงได้ทราบว่า จำเลยยักยอกเอาเงิน 7000 บาทซึ่งอ้างว่าไปวางมัดจำซื้อแร่นั้น เอาไปเป็นประโยชน์ส่วนตัวเสีย
การที่ผู้เสียหายตกลงทำสัญญากับจำเลยเอาเงินที่หาว่าจำเลยยักยอกไปรวมเป็นราคาค่าซื้อฝากของโรงงานของจำเลยเสร็จไปแล้วนั้น ผู้เสียหายจะกลับรื้อฟื้นขึ้นมาว่ากล่าวฟ้องร้องไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นทางแพ่งขอให้คืนเงินรายนี้หรือทางอาญาขอให้ลงโทษฐานยักยอก เพราะการตกลงกับจำเลยดังกล่าวข้างต้นนั้น มีผลเป็นการยินยอมไม่ติดใจว่ากล่าวในเงินรายนี้แล้ว
ศาลล่างทั้งสองฟังข้อเท็จจริงผิดจากพยานหลักฐานในท้องสำนวนศาลฎีกาไม่จำต้องถือตามและมีอำนาจฟังข้อเท็จจริงใหม่ได้(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 24/2491)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 937/2490 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเพิกถอนสัญญายอมความของผู้เยาว์ที่ทำโดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้แทนโดยชอบธรรม
ผู้เยาว์และผู้แทนโดยชอบธรรมร่วมกันเป็นโจทก์ฟ้องคดีและทำสัญญายอมความโดยผู้เยาว์มิได้รับความยินยอมจากผู้แทนโดยชอบธรรมและผู้แทนโดยชอบธรรมก็ไม่เคยให้สัตยาบัน ดังนี้ ผู้แทนโดยชอบธรรมฟ้องขอให้เพิกถอนสัญญายอมความนั้นได้
ผู้ที่อ้างว่าเป็นบิดาและมารดาฟ้องขอให้เพิกถอนสัญญายอมความที่ผู้เยาว์ทำไว้ โดยอ้างว่าบิดามิได้ให้ความยินยอม ถ้ายังปรากฏความในฟ้องต่อไปซึ่งแสดงให้เห็นว่าโจทก์ฟ้องโดยหมายความว่าผู้เยาว์ไม่อาจทำนิติกรรมโดยตนเองได้แล้วแม้ทางพิจารณาจะได้ความว่าบิดาไม่ใช่ผู้แทนโดยชอบธรรม ก็ถือได้ว่าฟ้องตรงกับประเด็นแล้ว.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 688/2490

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หนี้ร่วมสามีภรรยา: การรับผิดชอบหนี้จากการยินยอมและการจัดการร่วมกัน
โจทก์ฟ้องว่า ขอกู้เงินจากสามีสามีให้ภรรยาจัดการและลงนามในสัญญาและลงนามแทน ขอให้จำเลยทั้งสองคืนทรัพย์ที่เป็นประกันเงินกู้ดังนี้เป็นการฟ้องให้สามีภรรยารับผิดในหนี้ร่วม และกรณีที่ได้ความเช่นนี้ ถือว่าเป็นหนี้ร่วมซึ่งสามีภรรยาต้องรับผิดชอบร่วมกัน
หนังสือกู้มีชื่อภรรยาเป็นผู้ให้กู้ เมื่อผู้กู้ฟ้องเรียกทรัพย์ที่เป็นประกันคืนจากสามีภรรยา ผู้กู้อาจนำพยานบุคคลมาสืบว่า สามีเป็นผู้ให้กู้ด้วยโดยให้ภรรยาจัดการแทนได้ไม่เป็นการต้องห้ามตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา94

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 448/2490 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ค่านายหน้า: ผู้ขายยินยอมจ่ายค่านายหน้าให้ผู้ชี้ช่อง แม้ไม่มีสัญญาเป็นลายลักษณ์อักษร
ผู้ขายที่ดินโดยไม่ได้ตั้งผู้ใดเป็นนายหน้า ได้ทำสัญญากับผู้ซื้อที่ดินยอมเสียค่านายหน้า โดยรู้ว่าการซื้อขายนั้น มีนายหน้าให้ได้เข้าทำสัญญากัน และรู้ตัวผู้เป็นนายหน้าแล้ว เมื่อนายหน้าแสดงเจตตนาถือประโยชน์ตามสัญญานั้นแล้ว ผู้ชายที่ดินก็ต้องรับผิดชำระค่านายหน้า

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 448/2490

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ค่านายหน้า: ผู้ขายยินยอมจ่ายค่านายหน้าแม้ไม่มีนายหน้า แต่รู้ว่ามีผู้ชี้ช่อง ย่อมต้องรับผิด
ผู้ขายที่ดินโดยไม่ได้ตั้งผู้ใดเป็นนายหน้า ได้ทำสัญญากับผู้ซื้อที่ดินยอมเสียค่านายหน้า โดยรู้ว่าการซื้อขายนั้น มีนายหน้าให้ได้เข้าทำสัญญากัน และรู้ตัวผู้เป็นนายหน้าแล้ว เมื่อนายหน้าแสดงเจตนาถือประโยชน์ตามสัญญานั้นแล้วผู้ขายที่ดินก็ต้องรับผิดชำระค่านายหน้า

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 576/2488

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยินยอมร่วมประเวณีโดยถูกหลอกลวง ไม่ถือเป็นการละเมิดสิทธิ และไม่มีสิทธิเรียกร้องค่าเสียหาย
การที่หญิงยินยอมร่วมประเวณีกับชายโดยถูกหลอกลวงว่าจะรับเลี้ยงดูและจะทะเบียนนั้น ไม่ถือว่าเป็นความผิดฐานละเมิด หญิงไม่มีสิทธิฟ้องเรียกค่าสินไหมทดแทนจากชาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 939/2487

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การใช้กำลังกายกอดปล้ำถือเป็นการแสดงเจตนาไม่ยินยอมและอนาจาร แม้ไม่ได้ระบุคำว่าอนาจารในฟ้อง
ฟ้องระบุว่าจำเลยบังอาจใช้กำลังกายกอดปล้ำหญิง ย่อมเป็นการแสดงว่าหญิงไม่ยินยอมและแสดงว่าเป็นการอนาจารแล้ว ไม่จำต้องใช้คำว่าอนาจารไว้ในฟ้องด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8/2487 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความยินยอมร่วมกันทำร้ายร่างกายและการขาดเหตุยั่วโทสะ
การที่จำเลยออกไปคอยผู้ตายซึ่งมาร้องด่าท้าทายชวนไห้ไปทำร้ายซึ่งกันและกันนะที่เกิดเหตุโดยเตรียมอาวุธไปด้วยนั้น เปนการสแดงความตั้งไจอันแท้จิงว่าต่างสมัคไจจะทำร้ายกันไม่ต้องด้วยลักสนะยั่วโทสะตามกดหมายอันจะเปนเหตุไห้ลดโทสได้.
of 68