คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ลูกหนี้

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 829 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1405/2513 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเปลี่ยนแปลงหนี้เงินกู้: การเข้ามาของบุคคลใหม่ในฐานะผู้รับเรือน ไม่ถือเป็นการเปลี่ยนตัวลูกหนี้เดิม
ช. ผู้สั่งจ่ายเช็คทำเอกสารหมาย จ.3 รับรองว่า จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นผู้กู้เป็นผู้ทรงเช็คจริง แต่ขณะนี้ยังขัดข้อง ช. ยอมเป็นผู้รับเรือน ยอมรับผิดที่จะต้องใช้เงินแทนจำเลยที่ 1 เพิ่มขึ้นอีกคนหนึ่ง โดยขอผัดชำระหนี้ไปภายในเดือนกรกฎาคม 2505 เมื่อผู้รับเรือนใช้หนี้รายนี้เสร็จแล้ว หนี้สินเดิมจึงจะเสร็จสิ้นกัน ไม่มีข้อความตอนใดว่า การที่ช. ยอมเข้ามาเป็นผู้รับเรือนและยอมใช้หนี้เงินกู้รายนี้เพิ่มขึ้นอีกคนหนึ่งแล้ว จะให้จำเลยที่ 1 ที่ 2 หลุดพ้น ดังนี้ สัญญาตามเอกสารหมาย จ.3 จึงมิใช่เป็นการเปลี่ยนแปลงนี้ใหม่ด้วยเปลี่ยนตัวลูกหนี้จากจำเลบที่ 1 มาเป็น ช. หนี้เงินกู้จึงไม่ระงับไปตามประมวลกฎหมายแพ่งและฎีกาที่ 349
แม้ ช. จะได้ออกเช็คให้โจทก์ผู้ให้กู้ แต่ปรากฏว่าโจทก์ไม่ได้รับเงินตามเช็ค หนี้จึงไม่ระงับสิ้นไป ตามประมวลกฎหมายและแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 321
หลังจากที่จำเลยที่ 1 นำช. เข้ามาผูกพันกับหนี้เงินกู้ที่จำเลยที่ 1 ที่ 2 กู้ไปจากโจทก์แล้ว การติดต่อทวงถามหนี้ได้เป็นไปเพียงระหว่างโจทก์กับ ช. เท่านั้น โจทก์กับ ช. ตกลงผ่อนการชำระหนี้แก่กัน ช. ชำระดอกเบี้ยแก่โจทก์ 4 ครั้ง ดังนี้ พฤติการณ์ของ ช. หาใช่เป็นการเปลี่ยนตัวลูกหนี้แต่ประการใดไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 535/2512 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบังคับคดีตามคำพิพากษา: จำเป็นต้องมีคำบังคับที่ชัดเจนก่อน จึงจะถือเป็นการไม่ปฏิบัติตามคำพิพากษาได้
เมื่อศาลได้พิพากษาอย่างใด ซึ่งจะต้องมีการบังคับคดีชอบที่ศาลจะต้องมีคำบังคับกำหนดวิธีที่จะปฏิบัติตามคำบังคับนั้นไว้และให้ลูกหนี้ตามคำพิพากษาลงลายมือชื่อรับทราบคำบังคับไว้เป็นสำคัญเพียงแต่ศาลอ่านคำพิพากษาให้คู่ความฟัง และให้คู่ความลงลายมือชื่อไว้เป็นสำคัญ ยังถือไม่ได้ว่าได้มีการออกคำบังคับแล้ว
ศาลพิพากษาให้จำเลยโอนที่ดินที่ซื้อขายให้โจทก์แต่อยู่ในเงื่อนไขที่ว่า โจทก์ต้องวางเงินค่าที่ดินที่ยังไม่ชำระต่อศาล เพื่อให้จำเลยรับไปเสียก่อนภายใน 1 เดือน นับแต่วันพิพากษาเมื่อยังไม่มีการออกคำบังคับแม้โจทก์จะไม่นำเงินมาวางศาลภายในเวลาที่ระบุในคำพิพากษา ก็ไม่เป็นการไม่ปฏิบัติตามคำพิพากษาและไม่เป็นการสละสิทธิในที่ดินที่ศาลพิพากษาให้จำเลยโอน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1688/2512 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การอายัดทรัพย์ชั่วคราวสมบูรณ์ตามกฎหมาย แม้ลูกหนี้ไม่ได้แจ้งการอายัดหรือส่งมอบเงิน
ในการอายัดเงินชั่วคราวก่อนพิพากษา ศาลชั้นต้นได้ส่งหมายอายัดถึงจำเลย และลูกหนี้ของจำเลย ห้ามไม่ให้ลูกหนี้ของจำเลยชำระเงินแก่จำเลย และลูกหนี้ของจำเลยก็ได้ทราบคำสั่งอายัดของศาลแล้ว แม้ลูกหนี้ของจำเลยจะมิได้แจ้งมายังศาลว่าอายัดได้หรือไม่มีเงินของจำเลยอยู่จริงหรือไม่ และทั้งไม่ได้ส่งเงินที่อายัดมายังศาลตามหมายอายัดก็ตามก็ต้องถือว่าได้มีการอายัดไว้โดยชอบด้วยกฎหมายแล้ว เพราะไม่ปรากฏว่าลูกหนี้จำเลยหรือจำเลยได้โต้แย้งคัดค้านคำสั่งอายัดชั่วคราวของศาลแต่ประการใด ฉะนั้น เมื่อศาลมีคำสั่งให้ถอนการอายัดดังกล่าว โจทก์จึงต้องเสียค่าธรรมเนียมถอนการอายัดตามตาราง 5(4) ท้ายประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1688/2512 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การอายัดทรัพย์ชั่วคราวสมบูรณ์ตามกฎหมาย แม้ลูกหนี้ไม่แจ้งผลการอายัดหรือส่งมอบเงิน โจทก์ต้องเสียค่าธรรมเนียมถอนอายัด
ในการอายัดเงินชั่วคราวก่อนพิพากษา ศาลชั้นต้นได้ส่งหมายอายัดถึงจำเลยและลูกหนี้ของจำเลย ห้ามไม่ให้ลูกหนี้ของจำเลยชำระเงินแก่จำเลย และลูกหนี้ของจำเลยก็ได้ทราบคำสั่งอายัดของศาลแล้ว แม้ลูกหนี้ของจำเลยจะมิได้แจ้งมายังศาลว่าอายัดได้หรือไม่มีเงินของจำเลยอยู่จริงหรือไม่และทั้งไม่ได้ส่งเงินที่อายัดมายังศาลตามหมายอายัดก็ตาม ก็ต้องถือว่าได้มีการอายัดไว้โดยชอบด้วยกฎหมายแล้วเพราะไม่ปรากฏว่าลูกหนี้ของจำเลยหรือจำเลยได้โต้แย้งคัดค้านคำสั่งอายัดชั่วคราวของศาลแต่ประการใด ฉะนั้นเมื่อศาลมีคำสั่งให้ถอนการอายัดดังกล่าว โจทก์จึงต้องเสียค่าธรรมเนียมถอนการอายัดตามตาราง 5(4) ท้ายประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1688/2512

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การอายัดทรัพย์ชั่วคราวชอบด้วยกฎหมาย แม้ลูกหนี้ไม่แจ้งการอายัดหรือไม่ส่งเงิน เพราะไม่มีการโต้แย้ง
ในการอายัดเงินชั่วคราวก่อนพิพากษา. ศาลชั้นต้นได้ส่งหมายอายัดถึงจำเลยและลูกหนี้ของจำเลย ห้ามไม่ให้ลูกหนี้ของจำเลยชำระเงินแก่จำเลย. และลูกหนี้ของจำเลยก็ได้ทราบคำสั่งอายัดของศาลแล้ว. แม้ลูกหนี้ของจำเลยจะมิได้แจ้งมายังศาลว่าอายัดได้หรือไม่มีเงินของจำเลยอยู่จริงหรือไม่ และทั้งไม่ได้ส่งเงินที่อายัดมายังศาลตามหมายอายัดก็ตาม. ก็ต้องถือว่าได้มีการอายัดไว้โดยชอบด้วยกฎหมายแล้ว. เพราะไม่ปรากฏว่าลูกหนี้ของจำเลยหรือจำเลยได้โต้แย้งคัดค้านคำสั่งอายัดชั่วคราวของศาลแต่ประการใด. ฉะนั้นเมื่อศาลมีคำสั่งให้ถอนการอายัดดังกล่าว โจทก์จึงต้องเสียค่าธรรมเนียมถอนการอายัดตามตาราง 5(4) ท้ายประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1507/2512 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาประนีประนอมยอมความ สิทธิหน้าที่ลูกหนี้ ความล่าช้าในการส่งมอบไม้ การบอกเลิกสัญญา
จำเลยกล่าวหาว่าบิดาโจทก์ยักยอกไม้ เพื่อระงับข้อพิพาท โจทก์ผู้เป็นบุตรได้เข้าทำสัญญาแทนบิดาส่งไม้ให้จำเลย โดยจำเลยจะชำระเงินค่าไม้ โจทก์จึงตกอยู่ในฐานะเป็นคู่กรณีกับจำเลย สัญญานี้จึงเป็นสัญญาประนีประนอมยอมความ ตามสัญญาโจทก์จำเลยมีหน้าที่ชำระหนี้ต่างตอบแทนซึ่งกันและกัน ครั้งเมื่อโจทก์ส่งไม้มาตามสัญญา ไม้เสื่อมคุณภาพเพราะความผิดของโจทก์ที่ชักลากไม้ล่าช้า การชำระหนี้จึงกลายเป็นไร้ประโยชน์แก่จำเลย เมื่อจำเลยบอกปัดไม่รับมอบไม้ถือว่าเป็นการบอกเลิกสัญญาแล้ว โจทก์จะฟ้องบังคับให้จำเลยรับไม้และชำระเงินไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1507/2512

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาประนีประนอมยอมความ สิทธิและหน้าที่ของคู่สัญญา การบอกเลิกสัญญาเมื่อลูกหนี้ไม่ชำระหนี้
จำเลยกล่าวหาว่าบิดาโจทก์ยักยอกไม้. เพื่อระงับข้อพิพาท โจทก์ผู้เป็นบุตรได้เข้าทำสัญญาแทนบิดายอมส่งไม้ให้จำเลย โดยจำเลยจะชำระเงินค่าไม้. โจทก์จึงตกอยู่ในฐานะเป็นคู่กรณีกับจำเลย สัญญานี้จึงเป็นสัญญาประนีประนอมยอมความ. ตามสัญญาโจทก์จำเลยมีหน้าที่ชำระหนี้ต่างตอบแทนซึ่งกันและกัน ครั้นเมื่อโจทก์ส่งไม้มาตามสัญญา ไม้เสื่อมคุณภาพเพราะความผิดของโจทก์ที่ชักลากไม้ล่าช้า การชำระหนี้จึงกลายเป็นไร้ประโยชน์แก่จำเลย. เมื่อจำเลยบอกปัดไม่รับมอบไม้ถือว่าเป็นการบอกเลิกสัญญาแล้ว. โจทก์จะฟ้องบังคับให้จำเลยรับไม้และชำระเงินไม่ได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1485/2512 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การล้มละลาย: การพิสูจน์ว่าลูกหนี้มีทรัพย์สินเพียงพอชำระหนี้ได้ ทำให้ไม่ต้องพิจารณาหนี้สิน
ประเด็นสำคัญในคดีล้มละลายมีอยู่ว่า จำเลยซึ่งถูกฟ้องขอให้ล้มละลายเป็นผู้มีหนี้สินล้นพ้นตัวซึ่งมีกำหนดจำนวนหนี้สินแน่นอนเกินกว่าพันบาทหรือไม่ (หลังจากใช้พระราชบัญญัติล้มละลาย (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2501 แล้ว จำนวนหนี้สินต้องไม่น้อยกว่าสามหมื่นบาท) เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยยังไม่มีหนี้สินล้นพ้นตัว การที่จำเลยจะเป็นหนี้โจทก์จริงหรือไม่ จึงไม่ใช่ประเด็นที่จะต้องชี้ขาดในชั้นนี้ เพราะไม่ทำให้ผลแห่งคำพิพากษาที่ยกฟ้องเปลี่ยนแปลงไป
คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ในคดีล้มละลายวินิจฉัยว่า ตามเอกสารที่โจทก์อ้างฟ้อง จำเลยได้ยืมเงินไปจากโจทก์ แต่การยืมตามเอกสารบางฉบับ เป็นเวลากว่า 10 ปีแล้ว จำเลยไม่ได้รับสภาพหนี้จึงขาดอายุความ ส่วนหนี้ที่ไม่ขาดอายุความนั้น ไม่จำเป็นต้องชี้ขาดว่าจำเลยเป็นหนี้โจทก์อยู่เท่าใดแน่นอน เพราะจำเลยนำสืบได้ว่าจำเลยมีทรัพย์สินอาจชำระหนี้โจทก์ได้ทั้งหมด ไม่มีเหตุอันควรให้จำเลยล้มละลาย แม้ศาลอุทธรณ์จะพิพากษายกฟ้องโจทก์ แต่คำวินิจฉัยที่ว่า จำเลยยืมเงินไปจากโจทก์และหนี้ตามเอกสารบางฉบับยังไม่ขาดอายุความ อาจมีผลผูกพันจำเลยให้ต้องรับผิดในทางแพ่ง จำเลยจึงมีสิทธิฎีกาคัดค้านได้
(ข้อกฎหมายวรรคท้ายนี้ สรุปจำนวนผลที่ศาลฎีการับวินิจฉัยฎีกาของจำเลย)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1485/2512 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คดีล้มละลาย: การพิสูจน์ฐานะลูกหนี้และการมีทรัพย์สินพอชำระหนี้เป็นปัจจัยสำคัญ
ประเด็นสำคัญในคดีล้มละลายมีอยู่ว่า จำเลยซึ่งถูกฟ้องขอให้ล้มละลายเป็นผู้มีหนี้สินล้นพ้นตัวซึ่งมีกำหนดจำนวนหนี้สินแน่นอนเกินกว่าพันบาทหรือไม่ (หลังจากใช้พระราชบัญญัติล้มละลาย(ฉบับที่ 2) พ.ศ.2511 แล้ว จำนวนหนี้สินต้องไม่น้อยกว่าสามหมื่นบาท)เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยยังไม่มีหนี้สินล้นพ้นตัว การที่จำเลยจะเป็นหนี้โจทก์จริงหรือไม่ จึงไม่ใช่ประเด็นที่จะต้องชี้ขาดในชั้นนี้ เพราะไม่ทำให้ผลแห่งคำพิพากษาที่ยกฟ้องเปลี่ยนแปลงไป
คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ในคดีล้มละลายวินิจฉัยว่า ตามเอกสารที่โจทก์อ้างฟ้อง จำเลยได้ยืมเงินไปจากโจทก์ แต่การยืมตามเอกสารบางฉบับ เป็นเวลากว่า 10 ปีแล้ว จำเลยไม่ได้รับสภาพหนี้ จึงขาดอายุความ ส่วนหนี้ที่ยังไม่ขาดอายุความนั้นไม่จำเป็นต้องชี้ขาดว่าจำเลยเป็นหนี้โจทก์อยู่เท่าใดแน่นอน เพราะจำเลยนำสืบได้ว่าจำเลยมีทรัพย์สินอาจชำระหนี้โจทก์ได้ทั้งหมด ไม่มีเหตุอันควรให้จำเลยล้มละลาย แม้ศาลอุทธรณ์จะพิพากษายกฟ้องโจทก์ แต่คำวินิจฉัยที่ว่า จำเลยยืมเงินไปจากโจทก์และหนี้ตามเอกสารบางฉบับยังไม่ขาดอายุความ อาจมีผลผูกพันจำเลยให้ต้องรับผิดในทางแพ่ง จำเลยจึงมีสิทธิฎีกาคัดค้านได้ (ข้อกฎหมายวรรคท้ายนี้ สรุปจากผลที่ศาลฎีการับวินิจฉัยฎีกาของจำเลย)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 463/2511 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คนนอกคดีไม่มีความผิดตามมาตรา 350 จนกว่าจะมีการบังคับคดี ยึดทรัพย์ลูกหนี้ก่อน
ไม่มีกฎหมายใดบัญญัติว่าคนภายนอกคดีจะมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 350 ได้ จะต้องมีการบังคับคดีเสียก่อนถ้าคนภายนอกร่วมกระทำกับลูกหนี้ ตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 350 ก็เป็นตัวการมีความผิดตามมาตรานี้ได้
ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโจทก์ โดยอาศัยทั้งข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย แม้ข้อกฎหมายศาลอุทธรณ์จะวินิจฉัยมาไม่ถูกต้องก็ไม่มีผลให้ข้อเท็จจริงที่ศาลอุทธรณ์อาศัยยกฟ้องโจทก์นี้เปลี่ยนแปลงไปและข้อเท็จจริงนี้เป็นอันยุติเมื่อข้อเท็จจริงต้องห้ามมิให้ฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 219 โจทก์ก็จะฎีกาต่อไปอีกไม่ได้
of 83