พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,913 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4867/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การไม่ไปพบเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ตามกำหนด และผลต่อการเสนอพยานหลักฐานในคดีล้มละลาย
เจ้าหนี้ที่ยื่นคำขอรับชำระหนี้มีหน้าที่นำพยานหลักฐานมาแสดงต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เพื่อพิสูจน์ว่าหนี้ดังกล่าวมีอยู่จริงเมื่อเจ้าหนี้ไม่ไปพบเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จนเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์งดการสอบสวนพยานหลักฐานของเจ้าหนี้โดยชอบแล้วเจ้าหนี้ย่อมหมดสิทธิเสนอพยานหลักฐานและในชั้นสอบสวนคำขอรับชำระหนี้ของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ศาลชั้นต้นย่อมไม่มีอำนาจหน้าที่ที่จะรับพยานหลักฐานนั้นไว้แทนเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ได้การที่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ทำความเห็นคำขอรับชำระหนี้ของเจ้าหนี้โดยไม่พิจารณาพยานหลักฐานที่เจ้าหนี้ยื่นไว้ต่อศาลชั้นต้นจึงชอบแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 420/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หุ้นส่วนผู้จัดการห้างหุ้นส่วนจำกัดร่วมรับผิดชอบหนี้สินของห้าง หากห้างล้มละลาย หุ้นส่วนผู้จัดการก็มีสิทธิถูกพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด
โจทก์ฟ้องห้างหุ้นส่วนจำกัดจำเลยที่1โดยมีจำเลยที่2เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการของห้างจำเลยที่1ซึ่งต้องร่วมรับผิดในบรรดาหนี้สินของห้างโดยไม่จำกัดจำนวนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา1070,1077(2),1080ดังนั้นเมื่อศาลชั้นต้นมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์จำเลยที่1เด็ดขาดคดีถึงที่สุดจำเลยที่2ซึ่งต้องร่วมรับผิดกับจำเลยที่1ต่อโจทก์จึงไม่มีสิทธิอุทธรณ์ฎีกาโต้เถียงว่าตนมิใช่เป็นผู้มีหนี้สินล้นพ้นตัว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 418/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ลูกหนี้ร่วม: การพิจารณาความสามารถในการชำระหนี้เป็นรายบุคคล แม้มีทรัพย์สินร่วมกัน
การพิจารณาว่าลูกหนี้ร่วมคนใดมีหนี้สินล้นพ้นตัวไม่สามารถชำระหนี้ได้หรือไม่หรือมีเหตุอื่นที่ไม่ควรให้ลูกหนี้ล้มละลายหรือไม่เป็นเรื่องเฉพาะตัวของลูกหนี้ร่วมแต่ละคนเมื่อจำเลยที่1และที่2เป็นลูกหนี้ร่วมของโจทก์แม้จำเลยที่1มีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สินพอจะชำระหนี้ให้แก่โจทก์ได้ย่อมเป็นเรื่องเฉพาะตัวของจำเลยที่1เมื่อจำเลยที่2ถูกบังคับยึดทรัพย์ออกขายทอดตลาดและไม่มีทรัพย์สินอื่นใดที่สามารถชำระหนี้แก่โจทก์ได้จำเลยที่2จึงต้องด้วยข้อสันนิษฐานว่าเป็นผู้มีหนี้สินล้นพ้นตัวตามพระราชบัญญัติ ล้มละลายฯมาตรา8(5)การที่จำเลยที่1มีทรัพย์สินพอที่จะชำระหนี้แก่โจทก์ได้ถือไม่ได้ว่าเป็นเหตุอื่นที่ไม่ควรให้จำเลยที่2ล้มละลายตามมาตรา14ด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 364-365/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยกเลิกการล้มละลายทำให้ฎีกาหมดประโยชน์ ศาลฎีกาไม่พิจารณาอีกต่อไป
เมื่อศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกเลิกการล้มละลายย่อมมีผลให้จำเลยหลุดพ้นจากการเป็นบุคคลล้มละลายและเท่ากับว่าศาลได้มีคำสั่งยกเลิกการพิทักษ์ทรัพย์ของจำเลยไปด้วยในตัวจึงไม่มีประโยชน์ที่ศาลฎีกาจะพิจารณาฎีกาของจำเลยเกี่ยวกับคำสั่งไม่อนุญาตให้จำเลยเลื่อนคดีและคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดอีกต่อไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3581/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หมดอายุความบังคับคดีและการฟ้องล้มละลาย
เมื่อศาลชั้นต้นได้พิพากษาตามยอมเมื่อวันที่ 11 เมษายน2523 ให้จำเลยชำระหนี้แก่โจทก์ภายในกำหนด 3 เดือน นับแต่วันทำยอม โจทก์ชอบที่จะร้องขอบังคับคดีแก่จำเลยภายในสิบปีนับแต่วันที่ 12 กรกฎาคม 2523อันเป็นวันแรกที่โจทก์อาจขอให้บังคับคดีแก่จำเลยได้เป็นต้นไป ตามนัย ป.วิ.พ.มาตรา 271 แม้จะปรากฎว่าโจทก์ได้ขอให้ออกหมายบังคับคดีเมื่อวันที่ 20พฤศจิกายน 2523 แล้วนำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดทรัพย์ของจำเลยเมื่อวันที่ 29ธันวาคม 2523 ต่อมาเจ้าพนักงานบังคับคดีนำทรัพย์ดังกล่าวออกขายทอดตลาดเมื่อวันที่ 18 กันยายน 2524 ก็ตาม ก็เป็นขั้นตอนของการดำเนินการบังคับคดีเมื่อหนี้ที่โจทก์นำมาฟ้องคดีนี้ โจทก์มิได้ดำเนินการบังคับคดีเสียภายในสิบปีนับแต่วันที่ 12 กรกฎาคม 2523 โจทก์ย่อมหมดสิทธิที่จะบังคับคดีแก่จำเลย โจทก์จึงไม่อาจนำหนี้ที่พ้นกำหนดเวลาบังคับคดีดังกล่าวแล้วมาฟ้องจำเลยให้ล้มละลายได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3269/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมการล้มละลายหมดอำนาจลงนามในฐานะกรรมการของบริษัท
จำเลยที่ 2 ถูกศาลพิพากษาให้เป็นบุคคลล้มละลายเมื่อวันที่17 มีนาคม 2530 และคดีถึงที่สุดแล้ว เมื่อจำเลยที่ 2 ตกเป็นบุคคลล้มละลายจำเลยที่ 2 ในฐานะกรรมการผู้มีอำนาจกระทำการแทนจำเลยที่ 1 ก็ต้องเป็นอันขาดจากตำแหน่งกรรมการจำเลยที่ 1 ตาม ป.พ.พ.มาตรา 1154 การที่จำเลยที่ 2 ลงลายมือชื่อและประทับตราจำเลยที่ 1 แต่งตั้งทนายความไปยื่นคำร้องต่อศาลชั้นต้นภายหลังจากเป็นบุคคลล้มละลายแล้ว เพื่อขอให้ยกเลิกการขายทอดตลาดทรัพย์สินของจำเลยที่ 1 จึงเป็นการไม่ชอบ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 279/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ผลของคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดต่อคดีล้มละลายอื่นที่มีโจทก์เดียวกัน
ขณะโจทก์ฟ้องขอให้จำเลยที่ 2 และที่ 3 ล้มละลายในคดีนี้ จำเลยที่ 2 และที่ 3 ถูกพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดในอีกคดีหนึ่ง ของศาลชั้นต้นไปก่อนแล้ว แม้โจทก์ในคดีนี้กับโจทก์ในคดี ดังกล่าวจะเป็นคนเดียวกัน คำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด ดังกล่าวก็ยังมีผลอยู่ และใช้ยันแก่โจทก์ได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 145(1) ประกอบด้วยพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 153 จึงต้องจำหน่ายคดีจำเลยที่ 2 และที่ 3 ในคดีนี้ออกจากสารบบความตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 15
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 279/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ผลของคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดที่มีผลยันแก่โจทก์ในคดีล้มละลายที่ฟ้องซ้ำ
ขณะโจทก์ฟ้องขอให้จำเลยที่2และที่3ล้มละลายในคดีนี้จำเลยที่2และที่3ถูกพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดในอีกคดีหนึ่งของศาลชั้นต้นไปก่อนแล้วแม้โจทก์ในคดีนี้กับโจทก์ในคดีดังกล่าวจะเป็นคนเดียวกันคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดดังกล่าวก็ยังมีผลอยู่และใช้ยันแก่โจทก์ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา145(1)ประกอบด้วยพระราชบัญญัติล้มละลายพ.ศ.2483มาตรา153จึงต้องจำหน่ายคดีจำเลยที่2และที่3ในคดีนี้ออกจากสารบบความตามพระราชบัญญัติล้มละลายพ.ศ.2483มาตรา15
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2645/2538 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแจ้งประเมินภาษีอากรโดยวิธีโฆษณา และการล้มละลายของหุ้นส่วนผู้จัดการ
โจทก์ส่งแบบแจ้งการประเมินให้จำเลยที่1ชำระเงินค่าภาษีอากรทางไปรษณีย์ลงทะเบียนตอบรับแล้วแต่ส่งไม่ได้จึงชอบที่จะเลือกส่งโดยวิธีปิดหมายหรือหนังสือในที่ซึ่งมองเห็นได้ถนัดที่ประตูบ้านหรือสำนักงานของผู้รับหรือโฆษณาในหนังสือพิมพ์ท้องที่ก็ได้ตามประมวลรัษฎากรมาตรา8และถือว่าจำเลยที่1ได้รับแบบแจ้งการประเมินดังกล่าวเมื่อจำเลยที่1มิได้อุทธรณ์การประเมินมีผลให้เป็นหนี้เด็ดขาดและมีจำนวนแน่นอนแล้ว เจ้าพนักงานประเมินกำหนดให้จำเลยที่1ชำระเงินค่าภาษีอากรตามที่ประเมินภายใน30วันนับแต่วันที่ได้รับแจ้งการประเมินโดยวิธีโฆษณาในหนังสือพิมพ์ท้องที่ถือว่าจำเลยที่1ได้รับแบบแจ้งการประเมินในวันที่ได้ลงโฆษณาในหนังสือพิมพ์อายุความเริ่มต้นเมื่อครบกำหนด30วันนับแต่วันดังกล่าวเมื่อคำนวณถึงวันฟ้องยังไม่เกิน10ปีคดีของโจทก์จึง ไม่ขาดอายุความ เมื่อห้างหุ้นส่วนจำกัดจำเลยที่1มี หนี้สินล้นพ้นตัวจำเลยที่2 หุ้นส่วนผู้จัดการของจำเลยที่1ซึ่งต้องรับผิดในบรรดาหนี้ของจำเลยที่1โดยไม่จำกัดจำนวนจึงไม่อาจต่อสู้ว่าตนมีทรัพย์สินพอที่จะชำระหนี้ของจำเลยที่1หรือมิใช่เป็นผู้มีหนี้สินล้นพ้นตัวได้ทั้งกรณีไม่มีเหตุที่ไม่ควรให้จำเลยที่2ล้มละลาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2645/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแจ้งการประเมินภาษีโดยวิธีโฆษณาเมื่อส่งทางไปรษณีย์ไม่ได้ และผลกระทบต่ออายุความฟ้องคดีล้มละลาย
กรมสรรพากรโจทก์ส่งแบบแจ้งการประเมินให้แก่ห้างหุ้นส่วนจำกัดจำเลยที่1ชำระเงินค่าภาษีอากรโดยทางไปรษณีย์ลงทะเบียนตอบรับแล้วแต่ส่งไม่ได้เจ้าหน้าที่ไปรษณีย์ผู้นำส่งรายงานว่าไม่มีผู้รับนับว่าเป็นกรณีที่ไม่สามารถจะส่งตามวิธีการที่บัญญัติไว้ในประมวลรัษฎากรมาตรา8วรรคหนึ่งโจทก์จึงชอบที่จะเลือกส่งตามวิธีที่บัญญัติไว้ในวรรคสามคือส่งโดยวิธีโฆษณาในหนังสือพิมพ์ท้องที่ก็ได้การที่โจทก์ลงโฆษณาแบบแจ้งการประเมินในหนังสือพิมพ์ท้องที่จึงถือได้ว่าจำเลยที่1ได้รับแบบแจ้งการประเมินดังกล่าวแล้วจำเลยที่1มิได้อุทธรณ์การประเมินจึงมีผลให้หนี้ภาษีอากรตามฟ้องเป็นหนี้เด็ดขาดและมีจำนวนแน่นอนเกินกว่าห้าแสนบาทขึ้นไปจำเลยที่2ซึ่งเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการของจำเลยที่1จะกลับมาปฏิเสธว่าหนี้ดังกล่าวไม่ชอบหรือจำนวนหนี้ไม่ถูกต้องอีกหาได้ไม่ เจ้าพนักงานประเมินได้กำหนดให้จำเลยที่1ชำระเงินค่าภาษีอากรตามที่ประเมินแก่โจทก์ภายในกำหนด30วันนับแต่วันที่ได้รับแจ้งการประเมินเมื่อโจทก์ได้ส่งแบบแจ้งการประเมินให้จำเลยที่1ทราบโดยวิธีโฆษณาในหนังสือพิมพ์ท้องที่ซึ่งถือได้ว่าจำเลยที่1ได้รับแบบแจ้งการประเมินภาษีในวันที่ได้ลงโฆษณาในหนังสือพิมพ์อายุความจึงเริ่มต้นเมื่อครบกำหนด30วันนับแต่วันที่จำเลยที่1ได้รับแบบแจ้งการประเมินภาษีอากรซึ่งเมื่อคำนวณถึงวันฟ้องแล้วยังไม่เกิน10ปีคดีของโจทก์จึงไม่ขาดอายุความ เมื่อห้างหุ้นส่วนจำกัดมีหนี้สินล้นพ้นตัวจำเลยที่2หุ้นส่วนผู้จัดการของจำเลยที่1ซึ่งต้องรับผิดในบรรดาหนี้ของจำเลยที่1โดยไม่จำกัดจำนวนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา1070,1077และมาตรา1080จึงไม่อาจต่อสู้ว่าตนมีทรัพย์สินพอที่จะชำระหนี้ของจำเลยที่1หรือมิใช่เป็นผู้มีหนี้สินล้นพ้นตัวได้