พบผลลัพธ์ทั้งหมด 926 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1107/2521
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อจำกัดการฎีกาประเด็นใหม่ที่ไม่เคยยกขึ้นในศาลชั้นต้น และการเปลี่ยนแปลงคำขอในคำแก้ฎีกา
จำเลยฎีกาว่าจำเลยได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติควบคุมการเช่านา พ.ศ.2517 มีสิทธิที่จะเช่านาพิพาทจนครบ6 ปี แต่จำเลยมิได้ให้การต่อสู้ไว้แต่ศาลชั้นต้นจึงเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้นต้องห้ามฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 แม้ปัญหาดังกล่าวเป็นข้อกฎหมายอันเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน เมื่อศาลฎีกาเห็นว่าไม่มีเหตุอันสมควรที่จะยกขึ้นวินิจฉัย ก็ไม่ยกขึ้นวินิจฉัยให้
โจทก์มิได้ฎีกาขอให้ศาลฎีกาพิพากษาให้โจทก์ได้รับค่าเสียหายเต็มตามฟ้อง แม้จะได้ขอเช่นนั้นมาในคำแก้ฎีกา ศาลฎีกาก็พิพากษาเพิ่มค่าเสียหายขึ้นไม่ได้
โจทก์มิได้ฎีกาขอให้ศาลฎีกาพิพากษาให้โจทก์ได้รับค่าเสียหายเต็มตามฟ้อง แม้จะได้ขอเช่นนั้นมาในคำแก้ฎีกา ศาลฎีกาก็พิพากษาเพิ่มค่าเสียหายขึ้นไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 757/2520
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การอุทธรณ์ต้องระบุข้อผิดพลาดชัดเจน ศาลไม่รับพิจารณาหากอ้างเพียงคำพิพากษาศาลชั้นต้นถูกต้อง
ฎีกาของจำเลยกล่าวอ้างแต่เพียงว่าคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ยังคลาดเคลื่อน และศาลชั้นต้นใช้ดุลพินิจถูกต้องชอบด้วยเหตุผลแล้วเท่านั้นถือไม่ได้ว่ากล่าวอ้างข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมายโดยชัดแจ้งที่จะรับไว้พิจารณา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2369/2520 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฎีกาไม่รับเนื่องจากคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ถึงที่สุดแล้ว การสั่งรับฎีกาของศาลชั้นต้นจึงไม่ชอบ
ศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษายืนตามคำสั่งศาลชั้นต้นที่ยกคำร้องขอฟ้องคดีอย่างคนอนาถาของผู้ร้อง คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ถึงที่สุดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 156 วรรคท้าย ศาลชั้นต้นสั่งรับฎีกาของผู้ร้องจึงเป็นการไม่ชอบ ศาลฎีกาย่อมพิพากษาให้ยกฎีกาของผู้ร้อง และให้ผู้ร้องนำค่าธรรมเนียมศาลมาชำระภายในเวลาที่กำหนดนับแต่วันฟังคำพิพากษาหากผู้ร้องประสงค์จะดำเนินคดีต่อไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2369/2520
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฎีกาไม่ชอบ ศาลชั้นต้นรับฎีกาเกินสิทธิ แม้คำร้องขออนาถาถูกยก
ศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษายืนตามคำสั่งศาลชั้นต้นที่ยกคำร้องขอฟ้องคดีอย่างคนอนาถาของผู้ร้อง คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ถึงที่สุดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 156 วรรคท้าย ศาลชั้นต้นสั่งรับฎีกาของผู้ร้องจึงเป็นการไม่ชอบ ศาลฎีกาย่อมพิพากษาให้ยกฎีกาของผู้ร้อง และให้ผู้ร้องนำค่าธรรมเนียมศาลมาชำระภายในเวลาที่กำหนดนับแต่วันฟังคำพิพากษาหากผู้ร้องประสงค์จะดำเนินคดีต่อไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1904/2520 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฎีกาต้องห้าม: การยกประเด็นใหม่ในฎีกาที่ไม่เคยยกขึ้นในศาลชั้นต้นและอุทธรณ์
ในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ จำเลยต่อสู้เพียงว่ามิได้เป็นคนร้ายลักทรัพย์ต่อมาในฎีกา จำเลยฎีกาว่า ทรัพย์อยู่ในความครอบครองของจำเลย ถ้าจะมีความผิดก็เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 352 แต่ไม่เป็นความผิดตามมาตรา 334 ถือได้ว่าข้อเท็จจริงในทางพิจารณาต่างกับคำฟ้อง ชอบที่จะยกฟ้อง ดังนี้ ข้อเท็จจริงที่ว่าทรัพย์อยู่ในความครอบครองของจำเลยนั้นไม่ได้ยกขึ้นว่าในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ ปัญหาข้อกฎหมายที่จำเลยยกขึ้นอ้างอิงจึงไม่เกิดขึ้น ฎีกาของจำเลยจึงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 195 ประกอบด้วยมาตรา 225 (อ้างฎีกาที่ 1478/2497)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1904/2520
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฎีกาต้องห้าม: การยกประเด็นใหม่ในชั้นฎีกาที่ไม่เคยยกขึ้นในศาลชั้นต้นและอุทธรณ์
ในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ จำเลยต่อสู้เพียงว่า มิได้เป็นคนร้ายลักทรัพย์ ต่อมาในชั้นฎีกา จำเลยฎีกาว่าทรัพย์อยู่ในความครอบครองของจำเลย ถ้าจะมีความผิดก็เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 352 แต่ไม่เป็นความผิดตามมาตรา 334 ถือได้ว่าข้อเท็จจริงในทางพิจารณาต่างกับคำฟ้อง ชอบที่จะยกฟ้อง ดังนี้ ข้อเท็จจริงที่ว่าทรัพย์อยู่ในความครอบครองของจำเลยนั้น ไม่ได้ยกขึ้นว่าในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ปัญหาข้อกฎหมายที่จำเลยยกขึ้นอ้างอิงจึงไม่เกิดขึ้น ฎีกาของจำเลยจึงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 195 ประกอบด้วยมาตรา 225(อ้างฎีกาที่ 1478/2497)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1401/2520 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฎีกาต้องห้าม: ประเด็นใหม่นอกเหนือจากที่ยกขึ้นในศาลชั้นต้น แม้ศาลล่างวินิจฉัยก็เป็นเรื่องนอกประเด็น
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยที่ 1 ทำสัญญาขายที่พิพาทให้โจทก์ แล้วจำเลยทั้งสองสบคบกันโอนที่พิพาทให้เป็นชื่อจำเลยที่ 2 โดยรู้ว่าเป็นทางทำให้โจทก์เสียเปรียบ ขอให้เพิกถอนเสีย จำเลยทั้งสองให้การว่าจำเลยที่ 2 ซื้อที่พิพาทจากจำเลยที่ 1 โดยสุจริตและมีค่าตอบแทน โจทก์ทราบการโอนจากประกาศของทางราชการแล้วไม่คัดค้าน ดังนี้จำเลยไม่ได้ตั้งประเด็นว่า จำเลยที่ 2 กับโจทก์ร่วมกันซื้อที่พิพาทจำเลยที่ 1 เพื่อนำมาแบ่งขายเอากำไรกัน โดยให้จำเลยที่ 2 ลงชื่อเป็นเจ้าของใน น.ส.3 และยินยอมให้จำเลยที่ 1 ทำนิติกรรมโอนขายที่พิพาทกับจำเลยที่ 2 การที่จำเลยฎีกาว่าตามทางพิจารณาฟังได้ว่าโจทก์กับจำเลยที่ 2 ได้ร่วมกันซื้อที่พิพาทจากจำเลยที่ 1 เพื่อนำมาแบ่งขายเอากำไรแบ่งกันโดยให้จำเลยที่ 2 ลงชื่อเป็นเจ้าของใน น.ส.3 ทั้งการที่จำเลยที่ 1 ที่ 2 ทำนิติกรรมโอนขายที่พิพาทให้แก่กันโจทก์ทราบดีและยินยอมให้กระทำไป ถือว่าจำเลยทั้งสองได้กระทำโดยสุจริตและมีค่าตอบแทน โจทก์จะขอให้เพิกถอนไม่ได้ ดังนี้ ประเด็นที่จำเลยทั้งสองฎีกาถือไม่ได้ว่าเป็นข้อเท็จจริงที่จำเลยทั้งสองได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้น แม้ศาลล่างทั้งสองจะวินิจฉัยให้ ก็เป็นการวินิจฉัยนอกประเด็น ฎีกาของจำเลยต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 ศาลฎีกาย่อมไม่รับวินิจฉัยให้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 137/2520
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การต่อเติมอาคารเช่าเป็นเหตุฟ้องแย้งไม่ได้ หากศาลชั้นต้นพิพากษาถึงที่สุดแล้ว
ฟ้องขับไล่จากบ้านเช่า ค่าเช่าเดือนละ 1,000 บาท จำเลยต่อสู้ว่ามีสัญญาต่างตอบแทนเพิ่มเติมอีกยอมให้จำเลยต่อเติมเป็นโรงแรมเป็นเช่า 10 ปี และฟ้องแย้งเรียกเงินคืน 45,000 บาท ดังนี้ ไม่ใช่คดีที่จำเลยยกข้อโต้เถียงในเรื่องแปลความหมายแห่งสัญญาเช่าศาลชั้นต้นพิพากษาขับไล่จึงต้องห้ามอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงฎีกาต่อมาไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1361/2520 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การไต่สวนคำร้องขออุทธรณ์อนาถา: การเพิกถอนคำสั่งเดิมและการอุทธรณ์คำสั่งศาล
ในวันที่ศาลชั้นต้นนัดไต่สวนคำร้องขออุทธรณ์อย่างคนอนาถาของจำเลยที่ 2 จำเลยที่ 2 และทนายไม่มาศาล ศาลชั้นต้นสั่งงดไต่สวนและสั่งยกคำร้องของจำเลยที่ 2 ต่อมาจำเลยที่ 2 ยื่นคำร้องขอให้ศาลเพิกถอนคำสั่งดังกล่าวและไต่สวนคำร้องขออนาถาใหม่ศาลชั้นต้นไต่สวนคำร้องแล้วมีคำสั่งเมื่อวันที่ 31 ตุลาคม 2517 ว่าจำเลยมิได้จงใจขาดนัดให้ไต่สวนคำร้องขออุทธรณ์อย่างคนอนาถาของจำเลยที่ 2 ใหม่ และมีคำสั่งลงวันที่ 9 เมษายน 2518 อนุญาตให้จำเลยที่ 2 อุทธรณ์อย่างคนอนาถา โจทก์อุทธรณ์คำสั่งศาลลงวันที่ 31 ตุลาคม 2517 ซึ่งโจทก์ได้โต้แย้งไว้แล้ว จึงหาใช่เป็นอุทธรณ์คำสั่งอนุญาตให้จำเลยอทุธรณ์อย่างคนอนาถาอันถึงที่สุดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา156 วรรคสามไม่ จึงไม่ต้องห้ามอุทธรณ์
เมื่อศาลชั้นต้นสั่งงดการสืบพยานหลักฐานของจำเลยในชั้นไต่สวนอนาถาและสั่งยกคำร้องขออุทธรณ์อย่างคนอนาถาของจำเลยแล้ว จำเลยก็ชอบที่จะอุทธรณ์คำสั่งนั้นต่อไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 223 ประกอบด้วยมาตรา 229 จำเลยไม่มีอำนาจยื่นคำร้องขอให้ศาลเพิกถอนคำสั่งศาลชั้นต้นดังกล่วนั้นได้ เพราะศาลได้สั่งไปโดยชอบแล้ว ทั้งไม่ใช่กรณีการขาดนัดพิจารณาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 201 หรือ 202 ด้วย ดังนั้นคำสั่งของศาลชั้นต้นอนุญาตให้ไต่สวนคำร้องขออุทธรณ์อนาถาของจำเลยที่ 2 ใหม่ และคำสั่งอนุญาตให้จำเลยที่ 2 อุทธรณ์อย่างคนอนาถาได้ จึงไม่ชอบด้วยกระบวนพิจารณา
เมื่อศาลชั้นต้นสั่งงดการสืบพยานหลักฐานของจำเลยในชั้นไต่สวนอนาถาและสั่งยกคำร้องขออุทธรณ์อย่างคนอนาถาของจำเลยแล้ว จำเลยก็ชอบที่จะอุทธรณ์คำสั่งนั้นต่อไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 223 ประกอบด้วยมาตรา 229 จำเลยไม่มีอำนาจยื่นคำร้องขอให้ศาลเพิกถอนคำสั่งศาลชั้นต้นดังกล่วนั้นได้ เพราะศาลได้สั่งไปโดยชอบแล้ว ทั้งไม่ใช่กรณีการขาดนัดพิจารณาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 201 หรือ 202 ด้วย ดังนั้นคำสั่งของศาลชั้นต้นอนุญาตให้ไต่สวนคำร้องขออุทธรณ์อนาถาของจำเลยที่ 2 ใหม่ และคำสั่งอนุญาตให้จำเลยที่ 2 อุทธรณ์อย่างคนอนาถาได้ จึงไม่ชอบด้วยกระบวนพิจารณา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1272/2520
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องขับไล่: สัญญาเช่าที่ทำผ่านตัวแทนเชิดของวัด โจทก์ต้องยกขึ้นว่ากันในศาลชั้นต้น
ในประเด็นว่าสัญญาเช่าที่พิพาทผูกพันโจทก์หรือไม่ จำเลยให้การและนำสืบว่าที่พิพาทอยู่ในความดูแลของกรมการศาสนานายอำเภอพระพุทธบาทตัวแทนกรมการศาสนาทำสัญญาให้จำเลยเช่าที่พิพาทแต่จำเลยฎีกาว่านายอำเภอพระพุทธบาทเป็นตัวแทนเชิดของวัดโจทก์และได้ทำสัญญาให้จำเลยเช่าที่พิพาทแล้ว โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องขับไล่จำเลยดังนี้ ฎีกาของจำเลยมิได้เป็นข้อที่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้นศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้