คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ข้อตกลง

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,178 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1870/2527 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาเงินกู้คิดดอกเบี้ยทบต้นขัดต่อกฎหมาย แม้มีข้อตกลงในสัญญา
สัญญากู้เงินข้อ 2 ระบุไว้ความว่า ผู้กู้ยอมเสียดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปี จะส่งชำระดอกเบี้ยภายในวันที่ 5 ของทุกเดือน ไม่ให้ผิดนัด ถ้าผิดนัดยอมให้เอาดอกเบี้ยที่ค้างชำระทบเข้ากับต้น ถือเป็นเงินต้นแล้วคิดดอกเบี้ยจากเงินต้นที่ทบดอกเบี้ยเข้าแล้วนี้ต่อไปทุกคราว ตามอัตราและกำหนดชำระที่กล่าวแล้ว นั้น เป็นข้อตกลงที่ให้ส่งดอกเบี้ยเป็นรายเดือน หากผู้กู้ผิดนัดไม่ชำระเดือนใด ผู้ให้กู้มีสิทธิคิดดอกเบี้ยทบต้นได้ทันทีโดยไม่ต้องรอให้ดอกเบี้ยค้างชำระไม่น้อยกว่าปีหนึ่งก่อน ข้อตกลงเฉพาะที่ให้คิดดอกเบี้ยทบต้นดังกล่าวเป็นการฝ่าฝืนประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 655 วรรคแรก ตกเป็นโมฆะ
โจทก์ผู้ให้กู้มีวัตถุประสงค์รับฝากเงินและให้กู้ยืมเงิน สัญญากู้เงินระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 1 ผู้กู้ เป็นสัญญากู้เงินกันตามธรรมดาโดยจำเลยที่ 1 เป็นลูกหนี้โจทก์เพียงฝ่ายเดียว ไม่มีหนี้สินอะไรที่จะหักกลบลบกันแม้โจทก์จะทำทะเบียนสัญญากู้เงินไว้ทะเบียนดังกล่าวก็เป็นเอกสารที่โจทก์ทำขึ้นเพียงเพื่อประสงค์จะทราบว่า จำเลยที่ 1กู้เงินไปเมื่อใด จำนวนเท่าใด ผ่อนชำระดอกเบี้ยและเงินต้นแล้วเพียงใดกับยังค้างชำระอีกเท่าใด มิใช่เป็นการตัดทอนบัญชีหนี้อันเกิดขึ้นแต่กิจการในระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 1 นิติสัมพันธ์ระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 1จึงมิใช่เป็นเรื่องบัญชีเดินสะพัดหรือการค้าขายอย่างอื่นทำนองบัญชีเดินสะพัด โจทก์จะคิดดอกเบี้ยทบต้นจากจำเลยที่ 1ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 655วรรคสอง ไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1870/2527

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อตกลงคิดดอกเบี้ยทบต้นในสัญญากู้เงินที่ไม่เป็นไปตามกฎหมาย
สัญญากู้เงินข้อ 2 ระบุไว้ความว่า ผู้กู้ยอมเสียดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปี จะส่งชำระดอกเบี้ยภายในวันที่ 5 ของทุกเดือน ไม่ให้ผิดนัด ถ้าผิดนัดยอมให้เอาดอกเบี้ยที่ค้างชำระทบเข้ากับต้น ถือเป็นเงินต้นแล้วคิดดอกเบี้ยจากเงินต้นที่ทบดอกเบี้ยเข้าแล้วนี้ต่อไปทุกคราว ตามอัตราและกำหนดชำระที่กล่าวแล้ว นั้น เป็นข้อตกลงที่ให้ส่งดอกเบี้ยเป็นรายเดือน หากผู้กู้ผิดนัดไม่ชำระเดือนใด ผู้ให้กู้มีสิทธิคิดดอกเบี้ยทบต้นได้ทันทีโดยไม่ต้องรอให้ดอกเบี้ยค้างชำระไม่น้อยกว่าปีหนึ่งก่อนข้อตกลงเฉพาะที่ให้คิดดอกเบี้ยทบต้นดังกล่าวเป็นการฝ่าฝืนประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 655 วรรคแรก ตกเป็นโมฆะ โจทก์ผู้ให้กู้มีวัตถุประสงค์รับฝากเงินและให้กู้ยืมเงินสัญญากู้เงินระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 1 ผู้กู้ เป็นสัญญากู้เงินกันตามธรรมดา โดยจำเลยที่ 1 เป็นลูกหนี้โจทก์เพียงฝ่ายเดียว ไม่มีหนี้สินอะไรที่จะหักกลบลบกันแม้โจทก์จะทำทะเบียนสัญญากู้เงินไว้ทะเบียนดังกล่าวก็เป็นเอกสารที่โจทก์ทำขึ้นเพียงเพื่อประสงค์จะทราบว่า จำเลยที่ 1 กู้เงินไปเมื่อใด จำนวนเท่าใด ผ่อนชำระดอกเบี้ยและเงินต้นแล้วเพียงใด กับยังค้างชำระอีกเท่าใด มิใช่เป็นการตัดทอนบัญชีหนี้อันเกิดขึ้นแต่กิจการในระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 1 นิติสัมพันธ์ระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 1 จึงมิใช่เป็นเรื่องบัญชีเดินสะพัดหรือการค้าขายอย่างอื่นทำนองบัญชีเดินสะพัด โจทก์จะคิดดอกเบี้ยทบต้นจากจำเลยที่ 1 ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 655วรรคสอง ไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 122/2527

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจนายจ้างตัดค่าจ้างลูกจ้างต้องเป็นไปตามข้อตกลงสภาพการจ้าง หากไม่มีข้อตกลงรองรับ การตัดค่าจ้างเป็นโมฆะ
ข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานของนายจ้างซึ่งเป็นข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างและเป็นส่วนหนึ่งของสัญญาจ้างไม่มีข้อตกลงเรื่องตัดค่าจ้างของลูกจ้างในกรณีลูกจ้างขาดงาน มีแต่กำหนดว่า ถ้าลูกจ้างละทิ้งงานติดต่อกัน 3 วัน ให้พ้นจากการเป็นลูกจ้าง การที่นายจ้างกำหนดมาตรการการลงโทษลูกจ้างที่ละทิ้งการงานติดต่อกัน 3 วันเป็นว่าให้ตัดค่าจ้าง จึงเป็นการกำหนดมาตรการลงโทษขึ้นใหม่แม้ไม่เป็นการขัดหรือแย้งกับข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างเดิมตามพระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ฯ มาตรา 20 แต่การเพิ่มเติมสภาพการจ้าง เช่นนี้ ไม่มีกำหนดไว้ในข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานของนายจ้างว่านายจ้างมีอำนาจทำได้ตามมาตรา 11(7) ดังนั้นการที่นายจ้างใช้อำนาจตัดค่าจ้างลูกจ้างจึงเป็นการฝ่าฝืนข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้าง เป็นการไม่ชอบ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1050/2527

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อตกลงประนีประนอมยอมความในคดีฉ้อโกง: สิทธิในการฟ้องอาญาเป็นอันระงับ
จำเลยขายพลอยให้ผู้เสียหาย ต่อมาผู้เสียหายอ้างว่าเป็นพลอยปลอม จำเลยฉ้อโกง ขอให้คืนเงิน จำเลยไม่คืนให้ จำเลยและผู้เสียหายตกลงกันต่อหน้าพนักงานสอบสวนตามบันทึกประจำวันเกี่ยวกับคดีว่าจำเลยยืมเงินผู้เสียหายไปจำเลยยอม ชดใช้เงินให้ผู้เสียหายเป็น 2 งวด ดังนี้เป็นเรื่องผู้เสียหายและจำเลยตกลงระงับข้อพิพาทอันมีต่อกันอยู่แล้วในเรื่องการซื้อขายพลอยให้เสร็จไปด้วยต่างยอมผ่อนผันให้แก่กันเข้าลักษณะสัญญาประนีประนอมยอมความและเป็นการตกลงเปลี่ยนแปลงมูลที่มาแห่งหนี้ในทางแพ่งแสดงถึงเจตนาของผู้เสียหายว่า ประสงค์ให้ข้อหาทางอาญาในเรื่องฉ้อโกงระงับไปด้วย ความผิดฐานฉ้อโกงเป็นความผิดอันยอมความกันได้เมื่อยอมความกันโดยถูกต้องตามกฎหมายสิทธินำคดีอาญามาฟ้องย่อมระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39(2) แม้ ต่อมาจำเลยไม่ปฏิบัติตามข้อตกลง ผู้เสียหายก็ไม่มีอำนาจที่จะร้องทุกข์ ในข้อหาฉ้อโกงได้อีก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 503/2526

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อตกลงแต่งตั้งอนุญาโตตุลาการอิสลาม และบังคับตามคำชี้ขาดเกี่ยวกับกรรมสิทธิ์ที่ดิน
เมื่อบิดาโจทก์จำเลยถึงแก่กรรม บุตร 6 คนขอรับโอนมรดกที่ดินพิพาท ต่อมาบุตร 4 คนยกที่ดินเฉพาะส่วนของตนให้โจทก์จำเลยแล้วโจทก์จำเลยทำบันทึกตกลงแบ่งกรรมสิทธิ์รวมในที่ดินพิพาทแต่ยังมิได้รังวัดแบ่งแยกโฉนด ต่อมาสามีจำเลยและโจทก์ลงชื่อในฐานะคู่กรณี จำเลยลงชื่อในฐานะพยานในเอกสารมีข้อความว่า ทั้งสองฝ่ายยอมปฏิบัติตามคำวินิจฉัยชี้ขาดของคณะกรรมการอิสลามประจำกรุงเทพมหานคร และยอมให้นำเอกสารคำวินิจฉัยชี้ขาดเป็นหลักในการตัดสินชี้ขาดของศาล ดังนี้ ถือได้ว่าเป็นข้อตกลงตั้งคณะกรรมการอิสลามประจำกรุงเทพมหานครเป็นอนุญาโตตุลาการชี้ขาดข้อพิพาทของโจทก์จำเลยเกี่ยวกับที่ดินพิพาททั้งหมด เมื่อคณะกรรมการฯ ทำคำชี้ขาดและแจ้งจำเลยแล้ว จำเลยก็ต้องปฏิบัติตามศาลต้องบังคับให้เป็นไปตามคำชี้ขาดดังกล่าว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 411/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเรียกคืนการให้ที่ดินเนื่องจากบุตรไม่ปฏิบัติตามข้อตกลงและประพฤติเนรคุณ ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าไม่เข้าข่าย
โจทก์ซึ่งเป็นบิดาจำเลยได้จดทะเบียนยกที่ดินมีโฉนดพร้อมเรือนหนึ่งหลังในที่ดินดังกล่าวให้แก่จำเลย โดยตกลงกันว่าจำเลยจะต้องแบ่งส่วนหนึ่งของที่ดินที่ยกให้นั้น ให้แก่พี่สาวของจำเลย แต่ต่อมาเมื่อจำเลยได้ขอแบ่งแยกโฉนดส่วนที่จะยกให้แก่พี่สาวจำเลยแต่ไม่ยอมจดทะเบียนยกให้ตามที่ตกลงไว้ ก็เป็นเพียงการผิดข้อตกลงที่ทำไว้ด้วยวาจาแก่โจทก์ ทำให้โจทก์เกิดความเสียใจที่บุตรมิได้ปฏิบัติตามคำพูดที่ให้ไว้แก่โจทก์ เนื้อแท้แห่งข้อเท็จจริงดังกล่าวมิได้ทำให้โจทก์ต้องเสียชื่อเสียงอย่างร้ายแรงถึงขนาดจะเรียกถอนคืนการให้ได้ ตามความหมายแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 531(2) ยังถือไม่ได้ว่าจำเลยประพฤติเนรคุณต่อโจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 411/2526

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การถอนคืนการให้ทรัพย์สินเนื่องจากบุตรไม่ปฏิบัติตามข้อตกลง และประเด็นการประพฤติเนรคุณ
โจทก์ซึ่งเป็นบิดาจำเลยได้จดทะเบียนยกที่ดินมีโฉนดพร้อมเรือนหนึ่งหลังในที่ดินดังกล่าวให้แก่จำเลยโดยตกลงกันว่าจำเลยจะต้องแบ่งส่วนหนึ่งของที่ดินที่ยกให้นั้น ให้แก่พี่สาวของจำเลย แต่ต่อมาเมื่อจำเลยได้ขอแบ่งแยกโฉนดส่วนที่จะยกให้แก่พี่สาวจำเลยแต่ไม่ยอมจดทะเบียนยกให้ตามที่ตกลงไว้ ก็เป็นเพียงการผิดข้อตกลงที่ทำไว้ด้วยวาจาแก่โจทก์ ทำให้โจทก์เกิดความเสียใจที่บุตรมิได้ปฏิบัติตามคำพูดที่ให้ไว้แก่โจทก์ เนื้อแท้แห่งข้อเท็จจริงดังกล่าวมิได้ทำให้โจทก์ต้องเสียชื่อเสียงอย่างร้ายแรงถึงขนาดจะเรียกถอนคืนการให้ได้ ตามความหมายแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 531(2) ยังถือไม่ได้ว่าจำเลยประพฤติเนรคุณต่อโจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3816/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การปฏิเสธฟ้องที่ไม่ชัดเจนถือเป็นการนำสืบเกินคำให้การ ศาลไม่ควรรับวินิจฉัย
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยขอเช่าห้องพิพาทจากโจทก์เพื่อประกอบการค้าประเภท "กิ๊ฟท์ชอป" แต่จำเลยกลับตกแต่งห้องและขึ้นป้ายเป็นการค้าประเภท "จิวเวลรี่" ซึ่งเป็นการผิดสัญญา จำเลยให้การเพียงว่าจำเลยปฏิเสธฟ้องโจทก์ โจทก์เป็นฝ่ายผิดสัญญา ทำให้จำเลยเสียหาย ข้อที่โจทก์อ้างว่าจำเลยผิดสัญญาอย่างใด จำเลยมิได้ต่อสู้ คำให้การจึงมีแต่การปฏิเสธลอย ๆ ไม่มีเหตุแห่งการปฏิเสธตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 177 วรรคสอง ข้อนำสืบทั้งสิ้นของจำเลยจึงเป็นการนำสืบนอกคำให้การ ศาลไม่พึงรับวินิจฉัยให้การที่ศาลชั้นต้นกำหนดให้จำเลยนำสืบแก้ข้อนำสืบของโจทก์จึงเป็นการผิดพลาด ศาลอุทธรณ์และศาลฎีกาไม่จำต้องถือตาม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3808/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อตกลงนอกศาลไม่อาจใช้ขัดขวางการบังคับคดี เจ้าหนี้มีสิทธิยึด/อายัดทรัพย์เพื่อชำระหนี้ตามคำพิพากษาได้
เมื่อลูกหนี้ตามคำพิพากษาไม่ปฏิบัติตามคำบังคับ เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาชอบที่จะดำเนินการบังคับคดี โดยวิธียึดหรือ อายัดทรัพย์สินของลูกหนี้ตามคำพิพากษาได้ ลูกหนี้ตามคำพิพากษาจะยกเอาข้อตกลงที่อ้างว่าได้กระทำกันนอกศาล ซึ่งเจ้าหนี้ตามคำพิพากษายังปฏิเสธว่ามิได้ตกลงลดหนี้ให้เช่นนั้น มาเป็นเหตุมิให้มีการบังคับคดีตามคำพิพากษานั้นหาได้ไม่
ในกรณีการขอเฉลี่ยทรัพย์ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนพิจารณาในชั้นบังคับคดี ลูกหนี้ตามคำพิพากษาจึงไม่อาจยกเอาข้อตกลงที่อ้างว่าได้กระทำกันนอกศาลดังกล่าว มาอ้างเป็นเหตุมิให้เจ้าหนี้ ตามคำพิพากษาดำเนินการบังคับคดีตามคำพิพากษานั้นโดยการร้องขอเฉลี่ยทรัพย์ได้เช่นกัน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3490/2526

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การตีความข้อตกลงการถมถนนและการเว้นร่องน้ำ การละเมิดสิทธิเนื่องจากการถมดินเกินแนวอนุญาต
เดิมร่องน้ำพิพาทอยู่ในทางสาธารณะหน้าที่ดินโจทก์ก่อนที่ จำเลยที่ 1 กับพวกจะถมถนนขึ้นใหม่ ได้มีการ ทำบันทึกข้อตกลง ระหว่างคณะกรรมการสอบสวนของอำเภอฯ กับโจทก์และจำเลยที่ 1 ว่า ทางอำเภอฯอนุญาตให้จำเลยที่ 1 กับพวกทำถนนซึ่งเดิมเป็น ทางสาธารณะได้ และอนุญาตให้โจทก์ขุดร่องน้ำกว้าง 1 ศอก ทางด้านทิศตะวันออกของถนนที่จำเลยที่ 1 กับพวกทำขึ้นยาวตลอดแนวถนน โจทก์ย่อมนำสืบได้ว่าการที่ทางอำเภอฯอนุญาตให้ จำเลยที่ 1 กับพวกทำถนนขึ้นในทางสาธารณะเดิมนั้น จำเลยที่ 1 กับพวกจะต้องเว้นร่องน้ำหน้าที่ดินของโจทก์ไว้ จะทำถนนเต็ม ตามสภาพของทางสาธารณะเดิมไม่ได้ ซึ่งเป็นการนำสืบอธิบาย ให้เห็นความหมายของข้อความในบันทึกว่าที่อนุญาตให้โจทก์ ขุดร่องน้ำหมายความว่าจำเลยที่ 1 กับพวกจะต้องเว้นที่ไว้กว้าง 1 ศอก ตลอดแนวถนนด้านทิศตะวันออก เพื่อโจทก์จะได้ขุดที่ส่วนนี้ ทำเป็นร่องน้ำเพื่อใช้ประโยชน์ของโจทก์ได้ต่อไปตามที่โจทก์ใช้มาแต่เดิม มิใช่หมายความว่าอนุญาตให้จำเลยที่ 1 กับพวก ถมดินให้เต็มเนื้อที่ทางสาธารณะที่มีมาแต่เดิม แล้วจึงอนุญาต ให้โจทก์มีสิทธิขุดดินที่จำเลยที่ 1 กับพวกถมแล้วออกเพื่อทำเป็นร่องน้ำ ข้อนำสืบของโจทก์จึงไม่ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 94
of 118