พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,220 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2470/2526
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขอบเขตการฟ้องแย้งในคดีแพ่ง: การฟ้องแย้งต้องเป็นเรื่องเกี่ยวเนื่องกับคำฟ้องเดิม
ประเด็นตามฟ้องมีว่า โจทก์มีสิทธิห้ามจำเลยกระทำการเกินขอบเขตที่โจทก์อนุญาตให้จำเลยเดินผ่านทางเดินรายพิพาทซึ่งอยู่ในที่ดินของโจทก์หรือไม่ การที่จำเลยฟ้องแย้งให้ห้ามโจทก์เปิดประตูรั้วออกมาทางทางเดินรายพิพาท และแกล้งเปิดประตูรั้วกระทบจำเลยและครอบครัว กับห้ามโจทก์และบริวารปารั้วสังกะสีของโจทก์ทำให้จำเลยและบริวารตกใจ จึงเป็นเรื่องอื่นไม่เกี่ยวกับคำฟ้องเดิม จำเลยจะต้องฟ้องเป็นอีกคดีหนึ่งต่างหาก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2456/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับฟังพยานบอกเล่าและเอกสารราชการในคดีแพ่ง ศาลมีดุลพินิจได้เมื่อมีเหตุผลและไม่มีการโต้แย้ง
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 95 มิได้บัญญัติห้ามโดยเด็ดขาดมิให้รับฟังพยานบอกเล่าเสียเลยทีเดียว เมื่อพยานบอกเล่านั้นกล่าวถึงข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นอย่างมีเหตุผล ศาลย่อมใช้ดุลพินิจรับฟังประกอบพยานหลักฐานอื่นได้
เอกสารที่พนักงานสอบสวนทำขึ้นตามหน้าที่ที่ปฏิบัติราชการ เป็นเอกสารราชการ เมื่อฝ่ายจำเลยมิได้โต้แย้งในวันสืบพยานโจทก์ถึงความมีอยู่และแท้จริงแห่งเอกสารเหล่านั้นเป็นอย่างอื่นแล้ว ศาลย่อมมีอำนาจหยิบยกข้อเท็จจริงในเนื้อหาของเอกสารนั้นขึ้นและใช้ดุลพินิจรับฟังเป็นพยานหลักฐานได้
เอกสารที่พนักงานสอบสวนทำขึ้นตามหน้าที่ที่ปฏิบัติราชการ เป็นเอกสารราชการ เมื่อฝ่ายจำเลยมิได้โต้แย้งในวันสืบพยานโจทก์ถึงความมีอยู่และแท้จริงแห่งเอกสารเหล่านั้นเป็นอย่างอื่นแล้ว ศาลย่อมมีอำนาจหยิบยกข้อเท็จจริงในเนื้อหาของเอกสารนั้นขึ้นและใช้ดุลพินิจรับฟังเป็นพยานหลักฐานได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2456/2526
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับฟังพยานบอกเล่าและเอกสารราชการในคดีแพ่ง ศาลมีอำนาจใช้ดุลพินิจพิจารณาได้หากมีเหตุผลประกอบ
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 95 มิได้บัญญัติห้ามโดยเด็ดขาดมิให้รับฟังพยานบอกเล่าเสียเลยทีเดียว เมื่อพยานบอกเล่านั้นกล่าวถึงข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นอย่างมีเหตุผล ศาลย่อมใช้ดุลพินิจรับฟังประกอบพยานหลักฐานอื่นได้
เอกสารที่พนักงานสอบสวนทำขึ้นตามหน้าที่ที่ปฏิบัติราชการเป็นเอกสารราชการ เมื่อฝ่ายจำเลยมิได้โต้แย้งในวันสืบพยานโจทก์ถึงความมีอยู่และแท้จริงแห่งเอกสารเหล่านั้นเป็นอย่างอื่นแล้ว ศาลย่อมมีอำนาจหยิบยกข้อเท็จจริงในเนื้อหาของเอกสารนั้นขึ้นและใช้ดุลพินิจรับฟังเป็นพยานหลักฐานได้
เอกสารที่พนักงานสอบสวนทำขึ้นตามหน้าที่ที่ปฏิบัติราชการเป็นเอกสารราชการ เมื่อฝ่ายจำเลยมิได้โต้แย้งในวันสืบพยานโจทก์ถึงความมีอยู่และแท้จริงแห่งเอกสารเหล่านั้นเป็นอย่างอื่นแล้ว ศาลย่อมมีอำนาจหยิบยกข้อเท็จจริงในเนื้อหาของเอกสารนั้นขึ้นและใช้ดุลพินิจรับฟังเป็นพยานหลักฐานได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2334/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความประมาทเลินเล่อในการขับรถ: การพิพากษาคดีอาญาไม่ผูกพันคดีแพ่ง ศาลต้องวินิจฉัยจากพยานหลักฐานในคดีแพ่ง
แม้จำเลยจะขับรถยนต์ด้วยความเร็วสูง ขับชิดขวา ไม่เปิดโคมไฟใหญ่ และไม่ให้สัญญาณ ถ้าโจทก์ไม่ขับรถยนต์ล้ำเส้นกึ่งกลางถนนเข้ามาชนรถยนต์ที่จำเลยขับในเส้นทางเดินรถของจำเลย ก็ไม่เป็นเหตุให้ชนกันได้ จึงถือไม่ได้ว่าจำเลยมีส่วนประมาทเลินเล่อด้วย
คำพิพากษาในคดีอาญาจะผูกพันแต่คู่ความเท่านั้น เมื่อจำเลยในคดีแพ่งไม่ได้เป็นคู่ความในคดีอาญา ศาลต้องวินิจฉัยข้อเท็จจริงตามพยานหลักฐานในคดีแพ่ง
คำพิพากษาในคดีอาญาจะผูกพันแต่คู่ความเท่านั้น เมื่อจำเลยในคดีแพ่งไม่ได้เป็นคู่ความในคดีอาญา ศาลต้องวินิจฉัยข้อเท็จจริงตามพยานหลักฐานในคดีแพ่ง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2046/2526
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ค่าทนายความในคดีแพ่งที่พนักงานอัยการดำเนินคดีแทนโจทก์: สิทธิเรียกร้องค่าทนายความ
ในกรณีที่ไม่อาจฟ้องบุพการีได้เพราะต้องห้ามตามกฎหมายจึงร้องขอให้พนักงานอัยการเป็นโจทก์ดำเนินคดีแพ่งแทนนั้นพนักงานอัยการเป็นตัวโจทก์ว่าความเองจึงไม่มีสิทธิได้รับค่าทนายความตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1446/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อผูกพันคำพิพากษาคดีแพ่งในคดีอาญา: ศาลอาญาต้องพิจารณาพยานหลักฐานอย่างอิสระ
ไม่มีบทบัญญัติของกฎหมายใดให้ศาลที่พิจารณาคดีอาญาจำต้องถือข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในคำพิพากษาคดีส่วนแพ่ง เพราะหลักการวินิจฉัยชั่งน้ำหนักคำพยานในคดีแพ่งและคดีอาญาไม่เหมือนกัน ในคดีแพ่งศาลจะชั่งน้ำหนักคำพยานว่าฝ่ายใดมีน้ำหนักน่าเชื่อถือยิ่งกว่ากัน แต่ในคดีอาญาศาลจะต้องใช้ดุลพินิจชั่งน้ำหนักพยานหลักฐานทั้งปวงจนกว่าจะแน่ใจว่าพยานโจทก์พอรับฟังลงโทษจำเลยได้
คำพิพากษาศาลฎีกาในคดีแพ่ง แม้จะผูกพันโจทก์จำเลยซึ่งเป็นคู่ความในคดีแพ่งนั้น ก็เป็นการผูกพันเฉพาะในทางแพ่งเท่านั้น และเป็นเพียงพยานหลักฐานที่ศาลจะนำมาชั่งน้ำหนักประกอบพยานหลักฐานของโจทก์ในคดีอาญาว่า ข้อเท็จจริงมีน้ำหนักพอรับฟังว่าจำเลยได้กระทำผิดจริงหรือไม่เท่านั้น แต่จะรับฟังข้อเท็จจริงดังกล่าวเพียงอย่างเดียวมาวินิจฉัยชี้ขาดคดีอาญา โดยมิได้สืบพยานโจทก์จำเลยให้สิ้นกระแสความเสียก่อน ย่อมเป็นการไม่ชอบ
คำพิพากษาศาลฎีกาในคดีแพ่ง แม้จะผูกพันโจทก์จำเลยซึ่งเป็นคู่ความในคดีแพ่งนั้น ก็เป็นการผูกพันเฉพาะในทางแพ่งเท่านั้น และเป็นเพียงพยานหลักฐานที่ศาลจะนำมาชั่งน้ำหนักประกอบพยานหลักฐานของโจทก์ในคดีอาญาว่า ข้อเท็จจริงมีน้ำหนักพอรับฟังว่าจำเลยได้กระทำผิดจริงหรือไม่เท่านั้น แต่จะรับฟังข้อเท็จจริงดังกล่าวเพียงอย่างเดียวมาวินิจฉัยชี้ขาดคดีอาญา โดยมิได้สืบพยานโจทก์จำเลยให้สิ้นกระแสความเสียก่อน ย่อมเป็นการไม่ชอบ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1446/2526
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อจำกัดการผูกพันคำพิพากษาคดีแพ่งในคดีอาญา: ศาลอาญาต้องพิจารณาพยานหลักฐานด้วยตนเอง
ไม่มีบทบัญญัติของกฎหมายใดให้ศาลที่พิจารณาคดีอาญาจำต้องถือข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในคำพิพากษาคดีส่วนแพ่ง เพราะหลักการวินิจฉัยชั่งน้ำหนักคำพยานในคดีแพ่งและคดีอาญาไม่เหมือนกัน ในคดีแพ่งศาลจะชั่งน้ำหนักคำพยานว่าฝ่ายใดมีน้ำหนักน่าเชื่อถือยิ่งกว่ากัน แต่ในคดีอาญาศาลจะต้องใช้ดุลพินิจชั่งน้ำหนักพยานหลักฐานทั้งปวงจนกว่าจะแน่ใจว่าพยานโจทก์พอรับฟังลงโทษจำเลยได้
คำพิพากษาศาลฎีกาในคดีแพ่ง แม้จะผูกพันโจทก์จำเลยซึ่งเป็นคู่ความในคดีแพ่งนั้น ก็เป็นการผูกพันเฉพาะในทางแพ่งเท่านั้น และเป็นเพียงพยานหลักฐานที่ศาลจะนำมาชั่งน้ำหนักประกอบพยานหลักฐานของโจทก์ในคดีอาญาว่า ข้อเท็จจริงมีน้ำหนักพอรับฟังว่าจำเลยได้กระทำผิดจริงหรือไม่เท่านั้นแต่จะรับฟังข้อเท็จจริงดังกล่าวเพียงอย่างเดียวมาวินิจฉัยชี้ขาดคดีอาญา โดยมิได้สืบพยานโจทก์จำเลยให้สิ้นกระแสความเสียก่อนย่อมเป็นการไม่ชอบ
คำพิพากษาศาลฎีกาในคดีแพ่ง แม้จะผูกพันโจทก์จำเลยซึ่งเป็นคู่ความในคดีแพ่งนั้น ก็เป็นการผูกพันเฉพาะในทางแพ่งเท่านั้น และเป็นเพียงพยานหลักฐานที่ศาลจะนำมาชั่งน้ำหนักประกอบพยานหลักฐานของโจทก์ในคดีอาญาว่า ข้อเท็จจริงมีน้ำหนักพอรับฟังว่าจำเลยได้กระทำผิดจริงหรือไม่เท่านั้นแต่จะรับฟังข้อเท็จจริงดังกล่าวเพียงอย่างเดียวมาวินิจฉัยชี้ขาดคดีอาญา โดยมิได้สืบพยานโจทก์จำเลยให้สิ้นกระแสความเสียก่อนย่อมเป็นการไม่ชอบ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1376/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คดีแพ่งเกี่ยวเนื่องกับคดีอาญาประมาททำให้ผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัส ศาลต้องถือข้อเท็จจริงตามคำพิพากษาคดีอาญา
หลังจากโจทก์ฟ้องคดีแพ่งแล้ว อัยการศาลทหารกรุงเทพ (พนักงานอัยการ กรมอัยการ) ได้ฟ้องจำเลยเป็นคดีอาญา ขอให้ลงโทษจำเลยฐานกระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัส ซึ่งเป็นมูลกรณีเดียวกัน คดีแพ่งเรื่องนี้จึงเป็นคดีแพ่งที่เกี่ยวเนื่องกับคดีอาญา ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 46 และพระราชบัญญัติธรรมนูญศาลทหาร พ.ศ. 2498 มาตรา 54 บัญญัติให้ศาลจำต้องถือข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในคำพิพากษาคดีส่วนอาญา
ศาลทหารกรุงเทพ (ศาลอาญา) ฟังข้อเท็จจริงว่า ตามวันเวลาเกิดเหตุ จำเลยได้กระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้โจทก์ได้รับอันตรายสาหัส พิพากษาลงโทษจำเลย คดีถึงที่สุด เมื่อข้อเท็จจริงในคดีส่วนอาญาฟังได้ดังกล่าว ย่อมถือได้ว่าจำเลยทำละเมิดโจทก์
ศาลทหารกรุงเทพ (ศาลอาญา) ฟังข้อเท็จจริงว่า ตามวันเวลาเกิดเหตุ จำเลยได้กระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้โจทก์ได้รับอันตรายสาหัส พิพากษาลงโทษจำเลย คดีถึงที่สุด เมื่อข้อเท็จจริงในคดีส่วนอาญาฟังได้ดังกล่าว ย่อมถือได้ว่าจำเลยทำละเมิดโจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1376/2526
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คดีแพ่งเกี่ยวเนื่องกับคดีอาญา: ศาลต้องใช้ข้อเท็จจริงจากคำพิพากษาอาญาในการพิจารณาคดีแพ่ง
หลังจากโจทก์ฟ้องคดีแพ่งแล้ว อัยการศาลทหารกรุงเทพ(พนักงานอัยการ กรมอัยการ) ได้ฟ้องจำเลยเป็นคดีอาญา ขอให้ลงโทษจำเลยฐานกระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัสซึ่งเป็นมูลกรณีเดียวกัน คดีแพ่งเรื่องนี้จึงเป็นคดีแพ่งที่เกี่ยวเนื่องกับคดีอาญา ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 46 และพระราชบัญญัติธรรมนูญศาลทหาร พ.ศ. 2498 มาตรา 54 บัญญัติให้ศาลจำต้องถือข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในคำพิพากษาคดีส่วนอาญา
ศาลทหารกรุงเทพ (ศาลอาญา) ฟังข้อเท็จจริงว่า ตามวันเวลาเกิดเหตุ จำเลยได้กระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้โจทก์ได้รับอันตรายสาหัสพิพากษาลงโทษจำเลย คดีถึงที่สุด เมื่อข้อเท็จจริงในคดีส่วนอาญาฟังได้ดังกล่าว ย่อมถือได้ว่าจำเลยทำละเมิดโจทก์
ศาลทหารกรุงเทพ (ศาลอาญา) ฟังข้อเท็จจริงว่า ตามวันเวลาเกิดเหตุ จำเลยได้กระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้โจทก์ได้รับอันตรายสาหัสพิพากษาลงโทษจำเลย คดีถึงที่สุด เมื่อข้อเท็จจริงในคดีส่วนอาญาฟังได้ดังกล่าว ย่อมถือได้ว่าจำเลยทำละเมิดโจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1002/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องซ้ำหรือไม่: คดีละเมิดกับการเรียกร้องสิทธิประโยชน์ตามสัญญาจ้าง
คดีก่อนโจทก์ฟ้องจำเลยต่อศาลแพ่งขอให้บังคับจำเลยรับโจทก์กลับเข้าทำงานและให้ใช้ค่าเสียหายที่โจทก์ถูกจำเลยไล่ออกจากงานอันเป็นหนี้เกิดแต่มูลละเมิด ส่วนคดีนี้โจทก์ฟ้องจำเลยเรียกค่าชดเชยและสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าตามประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การคุ้มครองแรงงาน และประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ เงินที่โจทก์ฟ้องในคดีก่อนมิใช่เงินประเภทเดียวกับที่โจทก์ฟ้องในคดีนี้ คดีทั้งสองจึงมิได้มีประเด็นที่วินิจฉัยโดยอาศัยเหตุอย่างเดียวกัน ฟ้องโจทก์ไม่เป็นฟ้องซ้ำ