พบผลลัพธ์ทั้งหมด 886 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 344/2521 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องเคลือบคลุม: พิจารณาจากคำฟ้องเป็นหลัก แม้ข้อเท็จจริงในสัญญาต่างจากคำฟ้อง ก็ไม่เป็นเหตุให้ฟ้องเคลือบคลุม
บรรยายฟ้องว่าประมาณปี พ.ศ. 2517 จำเลยซื้อเครื่องปรับอากาศไปจากโจทก์จำนวน 2 เครื่อง รวมราคาทั้งสิ้น 690,000 บาท จำเลยชำระค่าเครื่องปรับอากาศให้โจทก์แล้วเป็นเงิน 655,000 บาท คงเหลือที่จะต้องชำระจำนวนสุดท้าย 34,500 บาท โดยกำหนดชำระในวันที่ 1 มกราคม 2518 จำเลยประพฤติผิดสัญญาซื้อขาย ไม่ยอมชำระเงิน 34,500 บาท ให้แก่โจทก์ เช่นนี้เป็นคำฟ้องที่ได้แสดงโดยแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหาและข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาของโจทก์แล้ว แม้ในคำฟ้องจะบรรยายว่าจำเลยซื้อเครื่องปรับอากาศ 2 เครื่อง แต่ตามสัญญาซื้อขายที่โจทก์อ้างและส่งศาลในภายหลัง ปรากฏว่าจำเลยซื้อเครื่องปรับอากาศ 3 เครื่อง ไม่ตรงที่ปรากฏในคำฟ้องก็หาเป็นฟ้องเคลือบคลุมไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 344/2521
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องเคลือบคลุม: พิจารณาจากคำฟ้องเป็นหลัก แม้ข้อเท็จจริงในสัญญาต่างจากฟ้อง ก็ไม่ถือเป็นฟ้องเคลือบคลุม
บรรยายฟ้องว่าประมาณปี พ.ศ.2517 จำเลยซื้อเครื่องปรับอากาศไปจากโจทก์จำนวน 2 เครื่อง รวมราคาทั้งสิ้น 690,000 บาทจำเลยชำระค่าเครื่องปรับอากาศให้โจทก์แล้วเป็นเงิน 655,000 บาท คงเหลือที่จะต้องชำระจำนวนสุดท้าย 34,500 บาท โดยกำหนดชำระในวันที่ 1 มกราคม 2518 จำเลยประพฤติผิดสัญญาซื้อขายไม่ยอมชำระเงิน 34,500 บาทให้แก่โจทก์ เช่นนี้เป็นคำฟ้องที่ได้แสดงโดยแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหาและข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาของโจทก์แล้วแม้ในคำฟ้องจะบรรยายว่าจำเลยซื้อเครื่องปรับอากาศ 2 เครื่องแต่ตามสัญญาซื้อขายที่โจทก์อ้างและส่งศาลในภายหลัง ปรากฏว่าจำเลยซื้อเครื่องปรับอากาศ 3 เครื่อง ไม่ตรงกับที่ปรากฏในคำฟ้องก็หาเป็นฟ้องเคลือบคลุมไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2567/2521
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความสมบูรณ์ของคำฟ้องแย่งการครอบครองที่ดิน: การระบุรายละเอียดที่ดินและค่าเสียหาย
คำฟ้องโจทก์ได้บรรยายสภาพแห่งข้อหาว่าจำเลยแย่งสิทธิการครอบครองที่ดินโดยบุกรุกเข้าไปทำนา ทำให้โจทก์เสียหาย ข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาคือเป็นที่ดินที่โจทก์ซื้อจากจำเลย ระบุอาณาเขตติดต่อทั้งสี่ทิศพร้อมทั้งเนื้อที่ คำขอบังคับก็ขอให้ขับไล่จำเลยและให้ใช้ค่าเสียหาย ดังนี้ แม้โจทก์จะมิได้ระบุว่าที่ดินตั้งอยู่ที่หมู่บ้านตำบลใดก็เป็นฟ้องที่จำเลยเข้าใจได้ว่าโจทก์หมายถึงที่ดินแปลงไหน จึงให้การว่าจำเลยมีที่ดิน 2 แปลง ไม่เคยขายให้ผู้ใด ส่วนการบรรยายฟ้องเกี่ยวกับค่าเสียหาย เมื่อบรรยายแล้วว่าเสียหายเพราะการบุกรุก ก็ชัดเจนพอเพียงแล้ว จะเสียหายอะไรบ้างเป็นรายละเอียดที่จะนำสืบในชั้นพิจารณาได้ ฟ้องของโจทก์จึงไม่เคลือบคลุม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 232/2521
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสลักหลังเช็คและการนำสืบข้อเท็จจริงนอกฟ้อง โจทก์ต้องอ้างเหตุให้สอดคล้องกับคำฟ้อง
คำฟ้องบรรยายว่าจำเลยที่ 1 สั่งจ่ายเช็ค จำเลยที่ 2,3 สลักหลังซึ่งจำเลยที่ 3 เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการห้างหุ้นส่วนจำเลยที่ 2 โจทก์นำสืบว่า ส.ผู้จัดการคนเก่าลงลายมือชื่อสลักหลังเช็คโดยจำเลยที่ 2 เชิดออกเป็นตัวแทนดังนี้ เป็นข้อเท็จจริงนอกฟ้องพิพากษาให้จำเลยรับผิดตามฟ้องไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2168/2521
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดพลาดในคำฟ้องและบทลงโทษ ศาลมีอำนาจแก้ไขให้ถูกต้องตามกฎหมายที่อ้างได้
ฟ้องกล่าวข้อเท็จจริงเป็นความผิดตาม พระราชบัญญัติยา พ.ศ.2510แต่อ้างบทลงโทษเป็นบทใน พระราชบัญญัติ พ.ศ.2490ศาลชั้นต้นจึงลงโทษตามกฎหมายที่อ้างผิดไปด้วย ดังนี้ไม่ใช่อ้างบทกฎหมายที่ไม่มีมาใช้บังคับ ศาลพิพากษาแก้โดยใช้ พระราชบัญญัติยา พ.ศ.2510 ที่ถูกต้องได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1944/2521
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
วันเวลาเกิดเหตุในคำฟ้องไม่เป็นสาระสำคัญ หากพยานหลักฐานพิสูจน์ได้ว่าจำเลยกระทำผิดจริง ศาลลงโทษได้
ฟ้องระบุวันเกิดเหตุ 11 ตุลาคม ได้ความว่าเกิดเหตุวันที่ 11 เมษายน วันเวลาเกิดเหตุไม่ใช่สารสำคัญ เป็นแต่รายละเอียด จำเลยไม่หลงต่อสู้ ลงโทษได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1590/2521
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การใช้สิทธิทางศาลฟ้องหย่าและการกล่าวถึงบุคคลอื่นในคำฟ้อง ไม่เป็นความผิดหมิ่นประมาท
จำเลยฟ้องขอหย่าขาดกับสามีโดยอ้างเหตุว่าสามีไปติดพันหญิงอื่นคือโจทก์และสามีได้ไปอยู่กินกับโจทก์อย่างเปิดเผย ดังนี้ เป็นการใช้สิทธิทางศาล ซึ่งจำเลยมีความจำเป็นจะต้องกล่าวในฟ้องให้สามีจำเลยเข้าใจข้อหาโดยชัดเจน ถือได้ว่าเป็นข้อความในกระบวนพิจารณาคดีในศาลของคู่ความเพื่อประโยชน์แก่คดีของตน จึงไม่เป็นความผิดหมิ่นประมาท ทั้งไม่ปรากฏว่าจำเลยกระทำโดยไม่สุจริต จึงถือไม่ได้ด้วยว่าเป็นการใช้สิทธิซึ่งมีแต่จะให้เกิดความเสียหายแก่บุคคลอื่น การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นการละเมิดต่อโจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 103/2521
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสิ้นผลของคำฟ้องหลังการเปลี่ยนแปลงการปกครองโดยคณะปฏิวัติ และการจำหน่ายคดี
โจทก์ฟ้องว่าพระราชกฤษฎีกายุบสภาผู้แทนราษฎรเพื่อให้มีการเลือกตั้งทั่วไปในวันที่ 4 เมษายน 2519 ไม่มีผลบังคับเพราะการนำร่างพระราชกฤษฎีกาดังกล่าวขึ้นทูลเกล้ามิได้กระทำโดยคณะรัฐมนตรี และไม่ได้รับความยินยอมจากสภาผู้แทนราษฎรเป็นการลบล้างพระบรมราชโองการเรียกประชุมสมัยวิสามัญแห่งรัฐสภาขอให้พิพากษาให้สภาผู้แทนราษฎรซึ่งประกอบด้วยสมาชิกผู้ได้รับการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 4 เมษายน 2519 กับ คณะรัฐมนตรีซึ่งจัดตั้งขึ้นเป็นโมฆะให้หยุดดำเนินกิจการโดยให้จำเลยที่ 2 ที่ 3 ประกาศสลายตัวภายใน 7 วัน นับแต่วันมีคำพิพากษา และมอบหน้าที่ให้รัฐบาลชุดเดิมรับกลับคืนไป ปรากฏว่าเมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 2519 คณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดินเข้ายึดอำนาจการปกครองประเทศ และมีคำสั่งฉบับที่ 3 ลงวันที่ 6 ตุลาคม 2519 ให้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2517 สิ้นสุดลง ให้รัฐสภาและคณะรัฐมนตรีสิ้นสุดลงพร้อมกับรัฐธรรมนูญต่อมาวันที่ 20 ตุลาคม 2520 คณะปฏิวัติยึดอำนาจการปกครองประเทศและเมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน 2520 ได้มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ใช้ธรรมนูญการปกครองราชอาณาจักรพุทธศักราช 2520 ซึ่งเป็นกฎหมายสูงสุดว่าด้วยการปกครองประเทศแล้วดังนี้ คำฟ้องของโจทก์ไม่อยู่ในวิสัยที่จะบังคับได้ จึงไม่มีประโยชน์ที่จะวินิจฉัยฎีกาของโจทก์ต่อไปศาลฎีกามีคำสั่งจำหน่ายคดี
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2664/2520
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลงโทษจำเลยในความผิดฐานมีและจำหน่ายยาเสพติด โดยพิจารณาจากคำฟ้องเดิมและข้อเท็จจริงที่ได้ความ
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยได้บังอาจมีไว้ซึ่งยาเสพติดให้โทษชนิดเฮโรอีนไฮโดรคลอไรด์เพื่อจำหน่าย น้ำหนัก 0.11 กรัมราคา 3 บาท 30 สตางค์ และจำเลยได้บังอาจจำหน่ายซึ่งยาเสพติดให้โทษดังกล่าวให้กับผู้มีชื่อ ดังนี้ ตามคำบรรยายฟ้องมีความหมายชัดแจ้ง แสดงว่าจำเลยมีเฮโรอีน 0.11 กรัมแล้วจำหน่ายไปทั้งหมด ไม่มีเหลืออยู่ที่จำเลยอีก แม้จะได้ความตามทางพิจารณาว่า หลังจากจำเลยจำหน่ายเฮโรอีนไป 1 หลอดแล้ว ยังมีเฮโรอีนเหลืออยู่ที่จำเลยอีก 2 หลอด ก็เป็นกรณีที่โจทก์มิได้กล่าวในฟ้องจะนำข้อเท็จจริงที่ได้ความนอกเหนือจากคำฟ้องมาวินิจฉัยให้เป็นโทษแก่จำเลยฐานมีเฮโรอีนไว้เพื่อจำหน่ายมิได้ คงลงโทษจำเลยได้เฉพาะข้อหาฐานจำหน่ายเฮโรอีนเท่านั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2539/2520 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ลำดับการกระทำความผิดในคำฟ้องไม่เป็นสาระสำคัญ หากจำเลยไม่หลงข้อต่อสู้ ศาลลงโทษได้ตามความผิดจริง
คำบรรยายฟ้องในเรื่องจำเลยปล้นทรัพย์ผู้เสียหายคนหนึ่งก่อนหรือหลังผู้เสียหายอีกคนหนึ่งในคดีที่โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเป็นคนร้ายปล้นทรัพย์ของผู้เสียหายในคืนเดียวกันหลายรายด้วยกัน ย่อมไม่เป็นสารสำคัญของคำฟ้องเป็นแต่เพียงรายละเอียดเพื่อให้จำเลยเข้าใจข้อหาเท่านั้น และเมื่อจำเลยมิได้หลงข้อต่อสู้หากทางพิจารณาฟังได้ว่าจำเลยกระทำผิดตามสารสำคัญของคำฟ้องแล้ว ศาลก็ย่อมมีอำนาจพิพากษาลงโทษจำเลยได้
ฟ้องโจทก์บรรยายว่าจำเลยร่วมกันปล้นทรัพย์ ด.แล้วจึงไปปล้นทรัพย์ของ ม.ทีหลัง แต่ทางพิจารณาได้ความว่า จำเลยปล้นทรัพย์ ม.ก่อนแล้วจึงไปปล้น ด. ซึ่งทำให้ข้อเท็จจริงต่างกับฟ้องบ้างก็ตาม ก็หาใช่สารสำคัญไม่
ฟ้องโจทก์บรรยายว่าจำเลยร่วมกันปล้นทรัพย์ ด.แล้วจึงไปปล้นทรัพย์ของ ม.ทีหลัง แต่ทางพิจารณาได้ความว่า จำเลยปล้นทรัพย์ ม.ก่อนแล้วจึงไปปล้น ด. ซึ่งทำให้ข้อเท็จจริงต่างกับฟ้องบ้างก็ตาม ก็หาใช่สารสำคัญไม่