พบผลลัพธ์ทั้งหมด 713 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1314/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแจ้งความเท็จ - พยานหลักฐานไม่เพียงพอ - คำให้การขัดแย้งไม่ชัดเจน
โจทก์ฟ้องหาว่าจำเลยแจ้งความเท็จ จำเลยปฏิเสธทางพิจารณามีปลัดอำเภอพยานปากเดียวเบิกความว่า คำให้การที่จำเลยให้ไว้ชั้นสอบสวนไม่ตรงกับถ้อยคำที่จำเลยเบิกความเป็นพยานต่อศาล ทั้งไม่ได้ยืนยันว่าคำให้การของจำเลยอันไหนเป็นความจริงอันไหนเป็นความเท็จ เพียงเท่านี้จะชี้ขาดว่าคำให้การจำเลยที่ให้การไว้ชั้นสอบสวนเป็นความเท็จยังไมได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1314/2493
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแจ้งความเท็จ – พยานหลักฐานไม่เพียงพอ – ไม่สามารถพิสูจน์คำให้การเท็จได้
โจทก์ฟ้องหาว่า จำเลยแจ้งความเท็จ จำเลยปฏิเสธ ทางพิจารณามีปลัดอำเภอพยานปากเดียวเบิกความว่า คำให้การที่จำเลยให้ไว้ชั้นสอบสวนไม่ตรงกับถ้อยคำที่จำเลยเบิกความเป็นพยานต่อศาล ทั้งไม่ได้ยืนยันว่าคำให้การของจำเลยอันไหนเป็นความจริงอันไหนเป็นความเท็จ เพียงเท่านี้จะชี้ขาดว่าคำให้การจำเลยที่ให้การไว้ชั้นสอบสวนเป็นความเท็จยังไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 824/2492
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำให้การพยานที่ไม่สาบานตัวก่อนเบิกความใช้ไม่ได้ แม้มีการสืบพยานใหม่ ศาลต้องพิจารณาจากพยานหลักฐานที่ชอบด้วยกฎหมาย
พยานโจทก์เบิกความโดยไม่ได้สาบานตัว ศาลอุทธรณ์ให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาใหม่ให้ถูกต้อง ศาลชั้นต้นเรียกพยานมาสืบใหม่ แต่พยานบางคนไม่ได้ให้การถึงรายละเอียดแห่งข้อเท็จจริง คงให้การเพียงว่า คำให้การครั้งก่อนถูกต้องตรงกับความจริงแล้ว ดังนี้ คำให้การของพยานครั้งก่อนฟังเป็นความจริงไม่ได้ เพราะพยานไม่ได้สาบานตัวก่อนเข้าเบิกความคำเบิกความของพยานในครั้งหลังยังไม่เป็นที่พอใจศาลว่าจำเลยได้กระทำผิดรูปเรื่องนี้แตกต่างกับคำพิพากษาฎีกาที่ 217/2488 ที่ศาลอุทธรณ์อ้าง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 797/2492
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความขัดแย้งคำให้การพยาน การงดสืบพยาน และการพิพากษายกฟ้อง
โจทก์ฟ้องว่า วันเกิดเหตุคือคืนวันที่ 5-6 พ.ค. 91(ตรงกับวันแรม 11-12 ค่ำ เดือน 5) พยานโจทก์เบิกความว่าวันเกิดเหตุคือ คืนวันแรม13-14ค่ำเดือน5โจทก์จึงส่งคำให้การชั้นสอบสวนของนายนุ้ยพยานโจทก์เป็นพยานต่อศาล ซึ่งในชั้นสอบสวนนายนุ้ยเบิกความว่าเป็นวันที่ 5-6 พ.ค. 91 และจะขอสืบเจ้าพนักงานสอบสวนว่านายนุ้ยพยานโจทก์ได้ให้การไว้ดังนั้นจริง ดังนี้ศาลฎีกาเห็นพ้องกับศาลชั้นต้นที่ให้งดสืบพยานโจทก์ต่อไปและพิพากษายกฟ้องโจทก์เพราะถึงสืบไปก็ไม่มีประโยชน์เพราะไม่เป็นหลักฐานคำพยานที่จะยืนยันได้ว่าคำเบิกความของพยานในศาลนั้นไม่ตรงกับความจริง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 46/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การต่อสู้เรื่องสินเดิมในคดีสินสมรส จำเลยมีสิทธิยกเหตุผลโดยไม่ต้องระบุทรัพย์สินเฉพาะเจาะจงในคำให้การ
ประเด็นที่โจทก์ตั้งมาในคำฟ้องมีว่า ภริยาโจทก์ไม่มีสิทธิได้ส่วนแบ่งในสินสมรส เพราะไม่มีสินเดิม จำเลยให้การว่าภริยาโจทก์มีสิทธิได้ส่วนแบ่งเพราะไม่มีสินเดิม จำเลยให้การว่าภริยาโจทก์มีสิทธิได้ส่วนแบ่งเพราะมีสินเดิม ดังนี้ คำให้การของจำเลยเป็นการถูกต้องตาม ป.ม.วิ.แพ่ง มาตรา 177 วรรค 2 แล้ว จำเลยไม่จำเป็นต้องระบุลงไปในคำให้การว่ามีทรัพย์อะไรบ้างเป็นสินเดิมซึ่งผิดกับกรณีที่มีประเด็น ขอให้หักสินสมรสชดใช้สินเดิมด้วย เพราะในกรณีหลังนี้ ความสำคัญอยู่ที่ว่าอะไรเป็นสินเดิม ราคาเท่าใด มิฉะนั้นก็ใช้ชดใช้กันไม่ได้ การตั้งประเด็นจึงต้องระบุถึงทรัพย์ที่เป็นสินเดิมและราคา
หากโจทก์เห็นว่าข้อต่อสู้ของจำเลยยังไม่ชัด เพื่อที่โจทก์จะได้สืบหักล้างเสียก่อนในกรณีย์ที่โจทก์ เป็นฝ่ายนำสืบก่อนเช่นนี้โจทก์ชอบที่จะขอต่อศาสให้สอบถามจำเลยในชั้นชี้สองสถานเพื่อให้ได้ความชัดในประเด็นข้อพิพาทตาม ป.ม.วิ.แพ่ง มาตรา 183 ได้ เมื่อได้มีการสอบถามมัดประเด็นลงไปแน่นอนว่าสินเดิมเป็นทรัพย์อะไรแล้ว คู่ความก็ต้องดำเนินตามประเด็นที่มัดไว้./
หากโจทก์เห็นว่าข้อต่อสู้ของจำเลยยังไม่ชัด เพื่อที่โจทก์จะได้สืบหักล้างเสียก่อนในกรณีย์ที่โจทก์ เป็นฝ่ายนำสืบก่อนเช่นนี้โจทก์ชอบที่จะขอต่อศาสให้สอบถามจำเลยในชั้นชี้สองสถานเพื่อให้ได้ความชัดในประเด็นข้อพิพาทตาม ป.ม.วิ.แพ่ง มาตรา 183 ได้ เมื่อได้มีการสอบถามมัดประเด็นลงไปแน่นอนว่าสินเดิมเป็นทรัพย์อะไรแล้ว คู่ความก็ต้องดำเนินตามประเด็นที่มัดไว้./
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1770/2492
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขอบเขตการท้าพยานร่วม: คำให้การต้องตรงกับประเด็นที่ท้า หากไม่ตรง สิทธิในการชนะคดีตามคำท้าเป็นอันตกไป
คำพยานร่วมที่คู่ความท้ากันว่าหากเบิกความสมข้างฝ่ายใดชนะคดีนั้น เมื่อพยานที่ท้ากันเบิกความไม่สมข้างฝ่ายใดก็ต้องดำเนินการพิจารณาต่อไป
คู่ความท้ากันว่า หากพยานที่มาเบิกความนั้นเบิกความว่าจำนำกันก่อนผู้มีชื่อตาย โจทก์ยอมแพ้ หากจำนำภายหลังจำเลยยอมแพ้ หมายความว่าจำนำกันก่อนหรือหลังส่วนใครเป็นผู้จำนำไม่อยู่ในคำท้า
คู่ความท้ากันว่า หากพยานที่มาเบิกความนั้นเบิกความว่าจำนำกันก่อนผู้มีชื่อตาย โจทก์ยอมแพ้ หากจำนำภายหลังจำเลยยอมแพ้ หมายความว่าจำนำกันก่อนหรือหลังส่วนใครเป็นผู้จำนำไม่อยู่ในคำท้า
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1699-1704/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิจารณาโทษอาญาต้องอาศัยพยานหลักฐานชัดเจน คำรับสารภาพและคำให้การฝ่ายเดียวไม่เพียงพอ
คดีอาญามีปัญหาฉะเพาะข้อกฎหมายซึ่งศาลฎีกาจำต้องฟังข้อเท็จจริง ตามที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยมา เมื่อปรากฎว่าศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริง โดยไม่มีคำพะยานในสำนวนสนับสนุน ศาลฎีกาก็มีอำนาจยกข้อเท็จจริงขึ้นพิจารณาได้
ถ้ามีอัตราโทษจำคุกถึง 10 ปี ลำพังแต่คำรับสารภาพไม่ใช่คำพะยานหลักฐาน.
ถ้ามีอัตราโทษจำคุกถึง 10 ปี ลำพังแต่คำรับสารภาพไม่ใช่คำพะยานหลักฐาน.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1595/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำให้การของผู้ร่วมกระทำความผิดเป็นพยานหลักฐานเสริมคดีได้
คดีอาญา ในชั้นสอบถามและสอบสวน จำเลยคนหนึ่งได้ให้การว่าได้ลักทรัพย์ไปให้แก่จำเลยคนอื่น โดยได้รับสินจ้างรางวัลนั้น แม้เป็นคำผู้ร้ายซัดทอด แต่เป็นคำประกอบเหตุผลในทางคดีแสดงความจริงให้เห็นกระจ่างยิ่งขึ้น ศาลรับฟังลงโทษจำเลยได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1595/2492
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำให้การผู้ร้ายลักทรัพย์เป็นเหตุประกอบรับฟังลงโทษได้ หากแสดงความจริงให้กระจ่าง
คดีอาญา ในชั้นสอบถามและสอบสวน จำเลยคนหนึ่งได้ให้การว่าได้ลักทรัพย์ไปให้แก่จำเลยคนอื่น โดยได้รับสินจ้างรางวัลนั้น แม้เป็นคำผู้ร้ายซัดทอด แต่เป็นคำประกอบเหตุผลในทางคดีแสดงความจริงให้เห็นกระจ่างยิ่งขึ้น ศาลรับฟังลงโทษจำเลยได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1451/2492
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การมิอาจอ้างว่าไม่ได้รับสำเนาฟ้องเมื่อได้ยื่นคำให้การต่อสู้คดีแล้ว ถือเป็นการถือประโยชน์เอาเปรียบ
ชั้นแรกโจทก์ได้ฟ้องผู้อื่นเป็นจำเลย และมีผู้ร้องสอดขอเข้าเป็นจำเลยและยื่นคำให้การต่อสู้คดีโจทก์อย่างชัดเจน ดังนี้ แสดงว่า ผู้ร้องได้ทราบคำฟ้องและสำเนาหนังสือสัญญาท้ายฟ้องดีแล้ว ผู้ร้องสอดจะฎีกาว่าไม่ได้รับสำเนาฟ้องและสำเนาสัญญาท้ายฟ้องไม่ได้