พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,834 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1503/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การทำร้ายร่างกายและฆ่าผู้อื่นโดยไม่ได้เจตนาและไม่มีการสมคบคิดร่วมกัน ศาลพิจารณาเจตนาและพฤติการณ์
จำเลยทั้งสามและผู้ตายร่วมดื่มสุราจนเมา แล้วผู้ตายพูดท้าทายและไม่ยอมใช้เงินยืมแก่จำเลยที่ 1 จำเลยที่ 1 และที่3 จึงเตะและชกผู้ตายล้มลง จำเลยที่ 2 ใช้ไม้กระดานตีที่ตะโพกผู้ตายเพียงทีเดียว หลังจากผู้ตายล้มลงที่พื้นดินแล้วจำเลยที่ 1 และที่ 3 ใช้จอบฟันผู้ตายจนถึงแก่ความตาย ดังนี้เป็นเหตุเกิดขึ้นเฉพาะหน้าโดยมิได้คบคิดนัดหมายกันมาก่อนเป็นการกระทำที่เกิดขึ้นในทันทีทันใดและต่างคนต่างทำ ทั้งเมื่อจำเลยที่ 1 และที่ 3 ใช้จอบฟันผู้ตายนั้น จำเลยที่ 2 ก็มิได้เกี่ยวข้องหรือพูดสนับสนุนซ้ำเติมให้ฆ่าผู้ตาย จำเลยที่2 จึงไม่เป็นตัวการในการฆ่าผู้ตาย ที่จำเลยที่ 2 ใช้ไม้กระดานตีตะโพกผู้เสียหายเพียงทีเดียวเป็นเพียงมีเจตนาทำร้ายร่างกายเท่านั้น.(ที่มา-ส่งเสริม)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1308/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเลิกจ้างลูกจ้างกรณีทำร้ายร่างกายและฝ่าฝืนข้อบังคับ นายจ้างไม่ต้องจ่ายค่าชดเชยตามกฎหมาย
การกระทำของลูกจ้างเป็นความผิดต่อข้อบังคับหรือระเบียบเกี่ยวกับการทำงานหรือคำสั่งของนายจ้างหรือไม่ ย่อมพิจารณาจากข้อบังคับหรือระเบียบเกี่ยวกับการทำงานหรือคำสั่งของนายจ้างเป็นเบื้องต้น และเมื่อได้มีการกระทำความผิดเกิดขึ้นแล้วการกระทำนั้นจะเป็นกรณีร้ายแรงหรือไม่ต้องพิจารณาตามข้อ47(3) แห่งประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การคุ้มครองแรงงานประกอบอีกชั้นหนึ่ง.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 751/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฐานทำร้ายร่างกายบาดเจ็บสาหัสจากกลุ่มกระทำความผิดร่วมกัน
โจทก์ร่วมถูกจ. ใช้ไม้ตีที่ท้ายทอย1ทีเซถลาไปจำเลยใช้ไม้ตีที่ใบหน้าโจทก์ร่วม1ทีจากนั้นอ. และชายอีกคนหนึ่งเข้ารุมชกต่อยโจทก์ร่วมจนล้มลงเมื่ออ. พูดว่าพอแล้วบุคคลเหล่านั้นก็เลิกชกต่อยและพากันวิ่งหนีไปทางหลังโบสถ์เช่นนี้เป็นการกระทำที่ติดต่อกันในลักษณะที่ได้มีการตกลงกระทำการร่วมกันมาก่อนแล้วจำเลยจะต้องรับผิดในผลของการกระทำแต่ละคนร่วมกัน.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 751/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกระทำผิดร่วมกันทำร้ายร่างกายจนบาดเจ็บสาหัส โดยมีเจตนาทำร้ายร่วมกัน
โจทก์ร่วมถูกจ.ใช้ไม้ตีที่ท้ายทอย1ทีเซถลาไปจำเลยใช้ไม้ตีที่ใบหน้าโจทก์ร่วม1ทีจากนั้นอ.และชายอีกคนหนึ่งเข้ารุมชกต่อยโจทก์ร่วมจนล้มลงเมื่ออ.พูดว่าพอแล้วบุคคลเหล่านั้นก็เลิกชกต่อยและพากันวิ่งหนีไปทางหลังโบสถ์เช่นนี้เป็นการกระทำที่ติดต่อกันในลักษณะที่ได้มีการตกลงกระทำการร่วมกันมาก่อนแล้วจำเลยจะต้องรับผิดในผลของการกระทำแต่ละคนร่วมกัน.(ที่มา-ส่งเสริมฯ)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 688/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ทำร้ายร่างกายด้วยอาวุธมีคม ไม่ถึงแก่ชีวิต ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าไม่มีเจตนาฆ่า
จำเลยใช้ขวดสุราตีหน้าผากผู้เสียหาย 1 ครั้ง มีบาดแผลที่หน้าผากด้านซ้าย ด้านขวาและเหนือหูขวา ยาว 3, 2.5, และ 3 เซนติเมตรตามลำดับ และใช้มีดแทงผู้เสียหายถูกแขนซ้ายและอกด้านซ้ายมีบาดแผลยาว 2 และ 1 เซนติเมตรตามลำดับ เฉพาะแผลที่อกด้านซ้ายลึกประมาณ 1 เซนติเมตร ถูกกล้ามเนื้อไม่ทะลุเข้าไปถึงอวัยวะภายในและอาวุธที่ใช้มิได้ถูกกระดูกเมื่อเกิดเหตุแล้วมีผู้อื่นเข้ามาห้าม จำเลยก็เชื่อฟัง เหตุทำร้ายเพราะผู้เสียหายต่อว่าจำเลยว่าเป็นสายลับให้ตำรวจ ตามลักษณะบาดแผลและตามพฤติการณ์ของจำเลยดังกล่าว ยังไม่พอฟังว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าผู้เสียหาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 688/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาในการทำร้ายร่างกาย: การประเมินจากบาดแผลและพฤติการณ์เพื่อวินิจฉัยความผิดฐานพยายามฆ่า
จำเลยใช้ขวดสุราตีและใช้มีดปลายแหลมแทงผู้เสียหายมีบาดแผลทั้งสิ้น5แผลคือที่หน้าผากด้านขวายาวประมาณ2.5ซ.ม.หน้าผากด้านซ้ายยาวประมาณ3ซ.ม.เหนือหูขวายาวประมาณ3ซ.ม.แขนซ้ายยาวประมาณ2ซ.ม.อกด้านซ้ายยาวประมาณ1ซ.ม.เฉพาะแผลที่อกด้านซ้ายซึ่งลึกประมาณ1ซ.ม.เพียงแต่ถูกกล้ามเนื้อไม่ทะลุเข้าไปถึงอวัยวะภายในและอาวุธมิได้ถูกกระดูกแพทย์ลงความเห็นว่ารักษาหายภายใน7วันบาดแผลที่จำเลยทำร้ายผู้เสียหายแต่ละแผลไม่อาจทำให้ผู้เสียหายเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิตได้เมื่อเกิดเหตุแล้วมีคนมาจับจำเลยไว้และขอร้องไม่ให้แทงผู้เสียหายอีกจำเลยก็ยอมเชื่อฟังกรณีจึงไม่พอฟังว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าผู้เสียหายจำเลยจึงไม่มีความผิดฐานพยายามฆ่าคงผิดแต่เพียงฐานทำร้ายร่างกายผู้เสียหายจนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายเท่านั้น.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 688/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาฆ่าจากบาดแผลและการทำร้ายร่างกาย: ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าพฤติการณ์และบาดแผลไม่พอฟังว่าจำเลยมีเจตนาฆ่า
จำเลยใช้ขวดสุราตีหน้าผากผู้เสียหาย1ครั้งมีบาดแผลที่หน้าผากด้านซ้ายด้านขวาและเหนือหูขวายาว3,2.5,และ3เซนติเมตรตามลำดับและใช้มีดแทงผู้เสียหายถูกแขนซ้ายและอกด้านซ้ายมีบาดแผลยาว2และ1เซนติเมตรตามลำดับเฉพาะแผลที่อกด้านซ้ายลึกประมาณ1เซนติเมตรถูกกล้ามเนื้อไม่ทะลุเข้าไปถึงอวัยวะภายในและอาวุธที่ใช้มิได้ถูกกระดูกเมื่อเกิดเหตุแล้วมีผู้อื่นเข้ามาห้ามจำเลยก็เชื่อฟังเหตุทำร้ายเพราะผู้เสียหายต่อว่าจำเลยว่าเป็นสายลับให้ตำรวจตามลักษณะบาดแผลและตามพฤติการณ์ของจำเลยดังกล่าวยังไม่พอฟังว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าผู้เสียหาย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 602/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การทำร้ายร่างกายจนเป็นอันตรายสาหัสและการป้องกันตัวที่ไม่สมเหตุสมผล
ศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงว่าจำเลยแทงผู้เสียหายก่อนผู้เสียหายแย่งมีดจำเลยสะบัดหลุดแล้วแทงหน้าท้องผู้เสียหายและดึงปืนไปจากเอวผู้เสียหายและวินิจฉัยว่าการกระทำของจำเลยไม่เป็นการป้องกันการที่จำเลยฎีกาว่าผู้เสียหายชักปืนออกก่อนแล้วกระชากลูกเลื่อนจำเลยจึงเข้ากอดปล้ำและแทงหน้าท้องผู้เสียหายเป็นการป้องกันจึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงเมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลล่างและให้ลงโทษจำคุกจำเลยไม่เกินห้าปีจำเลยจึงฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงไม่ได้ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา218. ผู้เสียหายถูกจำเลยใช้มีดพกปลายแหลมยาวประมาณ1ฟุตแทงมีบาดแผล3แห่งคือที่ชายโครงขวา2แผลขอบเรียบ5เซนติเมตรลึกกล้ามเนื้อขาดเป็นรูปปากฉลามที่ด้านหลังซ้ายขอบเรียบ1เซนติเมตรแผลลึกที่หัวไหล่ซ้ายขอบเรียบ1เซนติเมตรแผลตืนแพทย์ผู้ตรวจรักษาเบิกความว่าบาดแผลที่1ลึกมากเป็นแผลสำคัญถูกกล้ามเนื้อและเส้นเลือดมีอาการเลือดออกมากผู้เสียหายรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลประมาณ7-8วันก็ไปรักษาตัวต่อที่บ้านระหว่างรักษาตัวผู้เสียหายว่าไม่สามารถไปทำนาได้ตามปกติผู้เสียหายไปให้การในชั้นสอบสวนหลังเกิดเหตุ25วันว่าบาดแผลภายนอกหายแล้วแต่ยังรู้สึกเจ็บข้างในแถวลิ้นปี่กับเอวเชื่อว่าผู้เสียหายมีอาการป่วยเจ็บจนประกอบกรณียกิจตามปกติไม่ได้เกินกว่ายี่สิบวันซึ่งเป็นอันตรายสาหัสตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา297.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 602/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การทำร้ายร่างกายจนเป็นอันตรายสาหัส และการโต้แย้งเรื่องเหตุป้องกันตัว ศาลฎีกายืนตามศาลล่าง
ศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงว่าจำเลยแทงผู้เสียหายก่อนผู้เสียหายแย่งมีดจำเลยสะบัดหลุดแล้วแทงหน้าท้องผู้เสียหายและดึงปืนไปจากเอวผู้เสียหายและวินิจฉัยว่าการกระทำของจำเลยไม่เป็นการป้องกันการที่จำเลยฎีกาว่าผู้เสียหายชักปืนออกก่อนแล้วกระชากลูกเลื่อนจำเลยจึงเข้ากอดปล้ำและแทงหน้าท้องผู้เสียหายเป็นการป้องกันจึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงเมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลล่างและให้ลงโทษจำคุกจำเลยไม่เกินห้าปีจำเลยจึงฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงไม่ได้ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา218. ผู้เสียหายถูกจำเลยใช้มีดพกปลายแหลมยาวประมาณ1ฟุตแทงมีบาดแผล3แห่งคือที่ชายโครงขวา2แผลขอบเรียบ5เซนติเมตรลึกกล้ามเนื้อขาดเป็นรูปปากฉลามที่ด้านหลังซ้ายขอบเรียบ1เซนติเมตรแผลลึกที่หัวไหล่ซ้ายขอบเรียบ1เซนติเมตรแผลตืนแพทย์ผู้ตรวจรักษาเบิกความว่าบาดแผลที่1ลึกมากเป็นแผลสำคัญถูกกล้ามเนื้อและเส้นเลือดมีอาการเลือดออกมากผู้เสียหายรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลประมาณ7-8วันก็ไปรักษาตัวต่อที่บ้านระหว่างรักษาตัวผู้เสียหายว่าไม่สามารถไปทำนาได้ตามปกติผู้เสียหายไปให้การในชั้นสอบสวนหลังเกิดเหตุ25วันว่าบาดแผลภายนอกหายแล้วแต่ยังรู้สึกเจ็บข้างในแถวลิ้นปี่กับเอวเชื่อว่าผู้เสียหายมีอาการป่วยเจ็บจนประกอบกรณียกิจตามปกติไม่ได้เกินกว่ายี่สิบวันซึ่งเป็นอันตรายสาหัสตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา297.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 58/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันตัวโดยชอบด้วยกฎหมายเมื่อถูกทำร้ายด้วยอาวุธอันตรายต่อเนื่อง
จำเลยกับ ส. ผู้ตายเป็นตำรวจประจำสถานีตำรวจเดียวกันจำเลยมีบาดแผลที่เข่าเป็นเหตุให้เดินไม่ถนัดต้องนุ่งกางเกงขาสั้น ผู้ตายก่อเหตุขึ้นด้วยการเข้ามาตบแผลที่เข่าจำเลย แล้วด่าจำเลยหาว่าจำเลยเอาเรื่องไปฟ้องผู้บังคับบัญชา และชกหน้าจำเลย 1 ที ต่อจากนั้นก็เอากรรไกรตัดหญ้าง้างออกจะหนีบคอจำเลย จำเลยหลบและปัดป้องทำให้หนีบคอไม่ได้ ผู้ตายก็รวบกรรไกรจ้วงแทงศีรษะจำเลย เมื่อจำเลยหลบ กรรไกรปักลงที่ม้านั่ง ผู้ตายยังใช้กรรไกรพุ่งแทงจำเลยในระดับลูกตาหรือหน้าผากอีก จำเลยหลย กรรไกรไปถูกคานยึดขาม้านั่งที่กองไว้ด้านหลัง กรรไกรหลุดจากมือผู้ตาย ผู้ตายบีบคอจำเลยอีก จำเลยดิ้นรนจนตกจากม้านั่งลงไปที่พื้น มือผู้ตายหลุดจากคอ ผู้ตายตามไปชกจำเลยอีกพฤติการณ์ของผู้ตายเป็นการแสดงเจตนาที่จะฆ่าจำเลยให้ตาย และติดตามทำร้ายจำเลยด้วยวิธีต่างๆ ติดต่อกัน จำเลยจึงชักปืนพกออกมาและยิงผู้ตายไปติดๆกัน 2 นัดทันทีโดยมิได้เล็ง (กระสุนปืนถูกผู้ตาย 1 นัด) ในเวลาฉุกละหุกเช่นนั้นจำเลยย่อมไม่มีโอกาสจะหลบหนีได้พ้น เพราะจำเลยมีแผลที่เข่าเดินไม่ถนัดกรรไกรตัดหญ้าก็ตกอยู่ใกล้ๆ ผู้ตาย ผู้ตายอาจนำมาใช้ทำร้ายจำเลยถึงตายได้จำเลยยิงผู้ตายเพื่อป้องกันเช่นนั้น เป็นการกระทำพอสมควรแก่เหตุ