คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
นายจ้าง

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,104 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2274/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ นายจ้างแจ้งให้ลูกจ้างหยุดพักผ่อนก่อนเกษียณ แต่ลูกจ้างไม่หยุด ไม่ต้องจ่ายค่าจ้างวันหยุด
โจทก์จะครบเกษียณอายุในวันที่1ตุลาคม2528ครั้นวันที่10มิถุนายน2528ก่อนโจทก์ครบเกษียณอายุ3เดือน21วันจำเลยมีหนังสือถึงโจทก์แจ้งว่าหากโจทก์มีวันหยุดพักผ่อนประจำปีเหลืออยู่เท่าใดก็ให้ขออนุญาตหยุดเสียก่อนที่โจทก์จะเกษียณอายุถือได้ว่าจำเลยผู้เป็นนายจ้างได้กำหนดวันหยุดพักผ่อนประจำปีล่วงหน้าให้แก่โจทก์ผู้เป็นลูกจ้างต้องตามประกาศกระทรวงมหาดไทยเรื่องการคุ้มครองแรงงานลงวันที่16เมษายน2515ข้อ10แล้วเป็นการกำหนดช่วงระยะเวลาให้โจทก์เลือกวันหยุดเอาเองเพื่อความสะดวกแก่โจทก์ได้ชื่อว่าจำเลยปฏิบัติตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองแรงงานแล้วเมื่อโจทก์ไม่ยอมหยุดเองจำเลยจึงไม่ต้องจ่ายค่าจ้างสำหรับวันหยุดพักผ่อนประจำปีแก่โจทก์.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2223/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การลาป่วยด้วยวาจาและการปฏิบัติที่ยืดหยุ่นของนายจ้าง ไม่ถือเป็นการละทิ้งหน้าที่
ตามระเบียบข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานของนายจ้างกำหนดให้พนักงานซึ่งไม่มาทำงานหรือเจ็บป่วยไม่สามารถมาทำงานได้จะต้องยื่นใบลาต่อนายจ้าง แต่ในทางปฏิบัติกรณีที่โจทก์ซึ่งเป็นลูกจ้างเจ็บป่วยหรือไม่มาทำงาน โจทก์เพียงแต่ขอลาด้วยวาขาต่อหัวหน้างานและจัดหาคนมาทำงานแทนก็เป็นอันใช้ได้โดยไม่ต้องยื่นใบลาซึ่งโจทก์ปฏิบัติเช่นนี้ตลอดมาโดยนายจ้างไม่เคยถือเป็นความผิด ดังนี้ การที่โจทก์ไม่มา ทำงานเป็นเวลา 3 วันติดต่อกันแต่ได้ลางานด้วยวิธีดังกล่าวจึงถือไม่ได้ว่าเป็นการละทิ้งหน้าที่โดยไม่มีเหตุอันสมควร

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2223/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรม แม้ไม่ปฏิบัติตามระเบียบ หากนายจ้างไม่เคร่งครัด ก็ต้องจ่ายค่าชดเชย
แม้ตามระเบียบข้อบังคับของจำเลยจะกำหนดให้พนักงานซึ่งไม่มาทำงานหรือเจ็บป่วยไม่สามารถมาทำงานได้ จะต้องยื่นใบลาก็ตาม แต่ในทางปฏิบัติแล้ว กรณีโจทก์เจ็บป่วยหรือไม่มาทำงานโจทก์ก็เพียงแต่ขอลาด้วยวาจาต่อหัวหน้าและจัดหา คนมาทำงานแทนก็เป็นอันใช้ได้ แสดงว่าจำเลยไม่ได้ถือ เคร่งครัดตามระเบียบข้อบังคับ การที่โจทก์ไม่มาทำงานเป็น เวลา 3 วันติดต่อกัน แต่ขอลาด้วยวาจาและจัดหาคนมาทำงานแทน จึงถือไม่ได้ว่าเป็นการละทิ้งหน้าที่ โดยไม่มีเหตุอันสมควร เมื่อจำเลยเลิกจ้างโจทก์ จึงต้องจ่ายค่าชดเชยและสินจ้าง แทนการบอกกล่าวล่วงหน้าแก่โจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2149-2150/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ แม้ไม่มีสิทธิค่าล่วงเวลา นายจ้างยังต้องจ่ายค่าจ้างสำหรับการทำงานเกินเวลาปกติ
แม้ลูกจ้างซึ่งทำงานขนส่งจะไม่มีสิทธิได้รับค่าล่วงเวลาในชั่วโมงที่ทำงานเกินเวลาทำงานปกติตามประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การคุ้มครองแรงงาน ข้อ 36 (3) ก็ตาม แต่นายจ้างก็ยังคงมีหน้าที่ต้องจ่ายค่าจ้างแก่ลูกจ้างสำหรับเวลาที่ทำงานเกินเวลาทำงานปกตินั้น หาใช่ว่าเมื่อลูกจ้างไม่มีสิทธิได้รับค่าล่วงเวลาแล้วจะถูกตัดสิทธิมิให้ได้รับค่าจ้างธรรมดาไปด้วยไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 192-193/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ลูกจ้างละเมิด/ผิดสัญญา นายจ้างฟ้องได้ทั้งสองทาง อายุความ 10 ปี (สัญญา) หรือ 1 ปี (ละเมิด) ศาลวินิจฉัยชอบแล้ว
เมื่อการกระทำของลูกจ้างเป็นทั้งละเมิดและผิดสัญญาจ้างแรงงานนายจ้างย่อมมีสิทธิฟ้องได้ทั้งสองทางสิทธิเรียกร้องค่าเสียหายอันเกิดจากการผิดสัญญาจ้างแรงงานไม่มีกฎหมายกำหนดอายุความไว้เป็นอย่างอื่นจึงมีอายุความ10ปีนายจ้างฟ้องคดีภายในกำหนดเวลาดังกล่าวจึงยังไม่ขาดอายุความ.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1917/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การวินิจฉัยความรับผิดทางละเมิดของนายจ้าง จำเป็นต้องมีพยานหลักฐานสนับสนุนข้อเท็จจริง หากไม่มี ถือเป็นการวินิจฉัยโดยปราศจากหลักฐาน
ศาลชั้นต้นฟังข้อเท็จจริงว่าจำเลยที่2เป็นนายจ้างจำเลยที่1และจำเลยที่1กระทำไปในทางการที่จ้างอันเป็นผลให้จำเลยที่2กับจำเลยที่4ซึ่งเป็นผู้รับประกันภัยค้ำจุนรถคันเกิดเหตุต้องรับผิดร่วมในการละเมิดของจำเลยที่1ต่อโจทก์เมื่อโจทก์ไม่มีพยานหลักฐานมาสืบในประเด็นดังกล่าวเลยการรับฟังพยานหลักฐานของศาลชั้นต้นจึงเป็นการวินิจฉัยโดยไม่มีถ้อยคำสำนวนสนับสนุนเป็นปัญหาข้อกฎหมายที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าอุทธรณ์ของจำเลยที่2ที่4เป็นอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงในคดีที่มีทุนทรัพย์ไม่เกินสองหมื่นบาทต้องห้ามมิให้อุทธรณ์และยกอุทธรณ์ของจำเลยที่2ที่4จึงเป็นการไม่ชอบ.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1277-1278/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ นายจ้างต้องจ่ายค่าจ้างแม้โรงงานเสียหายจากเหตุสุดวิสัย หากไม่ได้เลิกจ้างลูกจ้าง และสิทธิลูกจ้างในการเรียกร้องค่าจ้าง
ค่าจ้างเป็นเงินซึ่งกำหนดขึ้นตามข้อตกลงของสัญญาจ้างแรงงานหรือข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างตราบใดที่การจ้างยังไม่ระงับนายจ้างผูกพันต้องจ่ายค่าจ้างให้ตามสัญญาจ้างแรงงานหรือข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างแม้จำเลยซึ่งเป็นนายจ้างจะต้องหยุดกิจการเพราะโรงงานถูกเพลิงไหม้จนไม่สามารถประกอบกิจการต่อไปได้แต่เมื่อจำเลยมิได้เลิกจ้างโจทก์ซึ่งเป็นลูกจ้างการจ้างจึงยังไม่ระงับและไม่ปรากฏตามสัญญาจ้างแรงงานหรือข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างกำหนดเป็นข้อยกเว้นไว้ว่าในกรณีเช่นนี้จำเลยมีสิทธิงดจ่ายค่าจ้างให้แก่ลูกจ้างจำเลยจึงจะอ้างเหตุที่จำเลยประสบภัยเป็นข้ออ้างเพื่อไม่จ่ายค่าจ้างให้แก่โจทก์ไม่ได้ โจทก์ฟ้องเรียกค่าจ้างสำหรับช่วงระยะเวลาที่จำเลยหยุดกิจการและโจทก์มิได้ทำงานให้แก่จำเลยเป็นการเรียกร้องโดยอาศัยสิทธิตามสัญญาจ้างแรงงานหรือข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างจึงไม่ถือว่าเป็นการฟ้องเรียกค่าเสียหายและเมื่อค่าจ้างกำหนดอัตราแน่นอนและตายตัวศาลจะใช้ดุลพินิจลดอัตราค่าจ้างที่จำเลยต้องชำระให้แก่โจทก์โดยถือเสมือนหนึ่งเป็นค่าเสียหายหาได้ไม่ คำขอท้ายฟ้องของโจทก์ระบุคลุมๆแต่เพียงว่าให้จำเลยจ่ายดอกเบี้ยของค่าจ้างแต่ละงวดนับตั้งแต่วันผิดนัดมิได้ระบุให้ชัดแจ้งว่าค่าจ้างแต่ละงวดเป็นเงินเท่าใดและจำเลยผิดนัดงวดใดตั้งแต่วันใดนั้นไม่ละเอียดชัดแจ้งเพียงพอศาลย่อมพิพากษาตามคำขอของโจทก์ไม่ได้แต่ในวันที่โจทก์ฟ้องเรียกค่าจ้างนั้นค่าจ้างถึงกำหนดจ่ายแล้วการที่จำเลยไม่จ่ายให้แก่โจทก์ตามกำหนดถือว่าจำเลยผิดนัดจำเลยจึงต้องรับผิดเรื่องดอกเบี้ยตั้งแต่วันที่โจทก์ฟ้องคดีเป็นต้นไป.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1211/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยืมเงินทดรองจ่ายเพื่อประโยชน์ของนายจ้าง ไม่ถือเป็นการยืมตาม ป.พ.พ. มาตรา 640, 650
การยืมตามป.พ.พ.มาตรา640,650เป็นกรณีที่ผู้ให้ยืมให้ผู้ยืมใช้สอยทรัพย์สินที่ยืมเพื่อประโยชน์ของผู้ยืมมิใช่เพื่อประโยชน์ของผู้ให้ยืมฉะนั้นการที่โจทก์ผู้ให้ยืมให้จำเลยยืมเงินทดรองจ่ายเพื่อให้จำเลยนำไปใช้สอยในกิจการของโจทก์จึงเป็นการยืมเพื่อประโยชน์ของผู้ให้ยืมเองแม้การยืมเงินทดรองจ่ายนี้จะมีข้อบังคับว่าผู้ยืมต้องนำใบสำคัญคู่จ่ายที่ถูกต้องพร้อมทั้งเงินที่เหลือจ่ายส่งคืนให้โจทก์ภายใน15วันมิฉะนั้นผู้ยืมจะต้องรับผิดถูกหักเงินเดือนหรือค่าจ้างก็ตามก็เป็นเรื่องกำหนดความรับผิดชอบของผู้ยืมไว้เป็นการเฉพาะเป็นหลักปฏิบัติงานในหน่วยงานของโจทก์ไม่เป็นการยืมตามลักษณะ9แห่งป.พ.พ.เมื่อจำเลยมิได้อยู่ในฐานะผู้ยืมแต่เป็นการปฏิบัติตามหน้าที่โดยชอบจำเลยจึงไม่ต้องรับผิดคืนเงินนี้แก่โจทก์.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1130/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขนแร่เกินใบอนุญาตและความรับผิดของนายจ้างต่อการกระทำของลูกจ้าง
บริษัท พ. นายจ้างให้จำเลยนำรถยนต์และอุปกรณ์ไปขนแร่ตามใบอนุญาตขนแร่จำนวน 5,090 กิโลกรัม แต่ในระหว่างทางซึ่งเป็นคนละท้องที่กับที่บริษัท พ.ให้จำเลยไปขนแร่ จำเลยได้รับขนแร่ของ ย. อีก 944.8 กิโลกรัม อันเป็นส่วนเกินจากใบอนุญาตขนแร่ของบริษัท พ. และเป็นแร่ที่ไม่มีใบอนุญาตให้ขน ซึ่งเป็นการกระทำโดยพลการของจำเลยเอง และกระทำนอกเหนือจากคำสั่งของบริษัท พ. ผู้เป็นนายจ้างดังนี้ ถือไม่ได้ว่าบริษัท พ. รู้เห็นเป็นใจในการกระทำผิดครั้งนี้ด้วย ทั้งจะนำพระราชบัญญัติแร่ พ.ศ. 2510 มาตรา 110 มาปรับเข้ากับกรณีนี้ไม่ได้ แร่ของกลางนอกจากแร่จำนวน 944.8 กิโลกรัมของ ย. ซึ่งเป็นคนละส่วนกัน จึงไม่ใช่ของกลางอันจะพึงริบตามกฎหมาย
พระราชบัญญัติแร่ พ.ศ. 2510 มาตรา 110 บัญญัติห้ามเฉพาะผู้รับใบอนุญาตขนแร่ ขนแร่เกินปริมาณที่กำหนดไว้ในใบอนุญาตเท่านั้น ซึ่งหมายถึงว่าแร่ส่วนที่เกินจำนวนต้องเป็นแร่ของผู้ได้รับใบอนุญาตหรือเป็นของผู้อื่นที่ผู้รับใบอนุญาตรู้เห็นเป็นใจให้ขน เมื่อคดีฟังได้ว่าบริษัท พ. ผู้ได้รับใบอนุญาตให้ขนแร่ มิได้รู้เห็นเป็นใจในการที่จำเลยซึ่งเป็นลูกจ้างรับขนแร่จำนวน 944.8 กิโลกรัม ของผู้อื่น จึงจะนำแร่นอกจากจำนวน 944.8 กิโลกรัม ซึ่งได้รับอนุญาตให้ขนโดยชอบมารวมคำนวณค่าปรับด้วยหาได้ไม่
การที่จำเลยรับขนแร่ไป ทั้งที่รู้ว่าไม่มีใบอนุญาตขนแร่ จำเลยย่อมมีความผิดทั้งมีแร่และขนแร่โดยไม่รับอนุญาต อันเป็นความผิดสองกรรมต่างกัน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 795/2528

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การลาป่วยเพื่อทำธุระส่วนตัว ไม่ถือเป็นการทุจริตหรือทำให้เกิดความเสียหาย หากนายจ้างไม่ได้รับความเสียหายจริง
ลูกจ้างขอลากิจไปทำกิจธุระส่วนตัว นายจ้างไม่อนุญาตอ้างว่าอยู่ระหว่างเร่งการผลิต ลูกจ้างจึงหยุดงานไป 1 วันและเมื่อมาทำงานก็ได้ลาป่วยโดยมีใบรับรองแพทย์ประกอบ ดังนี้ แม้จะมิได้ป่วยจริงก็จะถือว่าลูกจ้างมีเจตนากระทำทุจริตต่อนายจ้างยังมิได้ เพราะเป็นเพียงวิธีการอย่างหนึ่งที่จะให้ได้หยุดงานเพื่อไปทำธุรกิจของตนเท่านั้น และเมื่อปรากฏว่าในแผนกที่ลูกจ้างทำงานมีคนงานถึง 80 คน การทำงานล่วงเวลาก็มีลูกจ้างบางคนที่ไม่ทำ ประกอบกับในวันที่ลูกจ้างหยุดงานก็ไม่ปรากฏพฤติการณ์พิเศษใด ๆ ที่เห็นได้ว่าการหยุดงานนั้นนายจ้างจะได้รับความเสียหาย จึงถือไม่ได้ว่าเป็นการก่อให้เกิดความเสียหายแก่นายจ้างอีกด้วย
of 111