พบผลลัพธ์ทั้งหมด 790 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 22/2501
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเช่าตึกเพื่ออยู่อาศัยหรือค้าขาย: พฤติการณ์จริงสำคัญกว่าข้อตกลงในสัญญาเช่า
แม้ในสัญญาเช่าลงว่าเช่าตึกพิพาทเพื่อค้าขายยาก็ไม่เป็นการตัดสิทธิในอันที่จะนำสืบถึงพฤติการณ์ตามความจริงว่าเช่าเพื่อทำการค้าหรือเพื่ออยู่อาศัยอันจะนำไปสู่ประเด็นข้อวินิจฉัยว่าเป็น "เคหะ"หรือไม่
จำเลยเช่าตึกพิพาทของโจทก์และใช้ตึกพิพาทอยู่อาศัยเพื่อทำการค้าขายยาในตึกของพระคลังฯซึ่งอยู่ติดต่อกันเช่นนี้ จะถือว่าจำเลยเช่าตึกพิพาทเพื่อทำการค้าเพราะเหตุว่าอยู่อาศัยเพื่อทำการค้าหาได้ไม่มิฉะนั้นแล้วการที่ผู้ใดเช่าตึกอยู่แห่งหนึ่ง แล้วไปทำการค้าอีกแห่งหนึ่ง ก็จะเป็นการเช่าเพื่อทำการค้าไปหมด
การที่ต่อมาภายหลังจำเลยได้เปิดร้านดัดผมในห้องพิพาทชั้นล่างเฉพาะซีกคูหาเดียวและไม่สุดตลอดคูหาด้วยคือใช้เนื้อที่เพียง 1 ใน4 ของตึกชั้นล่าง และในการนี้จำเลยก็ได้ขออนุญาตจากโจทก์แล้วว่าเพื่อช่วยค่าครองชีพทางหนึ่ง กับได้ขอให้โจทก์แยกใบเสร็จค่าเช่าห้องพิพาทเดือนละ 100 บาทเป็น 40 บาทฉบับหนึ่งคือสำหรับค่าเช่าตรงที่เป็นร้านดัดผม และ 60 บาทอีกฉบับหนึ่งเหตุที่แยกดังนี้เนื่องจากการตั้งร้านดัดผมจำเลยเข้าหุ้นกับคนอื่น ทั้งนี้เพื่อสะดวกแก่การคิดเงินระหว่างหุ้นส่วน ตามพฤติการณ์ดังกล่าวนี้ จะฟังว่าจำเลยเช่าตึกพิพาทเพื่อการค้ายังไม่ได้ ต้องถือว่าตึกพิพาทเป็น "เคหะ" อันได้รับความคุ้มครองตาม พระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าฯ
จำเลยเช่าตึกพิพาทของโจทก์และใช้ตึกพิพาทอยู่อาศัยเพื่อทำการค้าขายยาในตึกของพระคลังฯซึ่งอยู่ติดต่อกันเช่นนี้ จะถือว่าจำเลยเช่าตึกพิพาทเพื่อทำการค้าเพราะเหตุว่าอยู่อาศัยเพื่อทำการค้าหาได้ไม่มิฉะนั้นแล้วการที่ผู้ใดเช่าตึกอยู่แห่งหนึ่ง แล้วไปทำการค้าอีกแห่งหนึ่ง ก็จะเป็นการเช่าเพื่อทำการค้าไปหมด
การที่ต่อมาภายหลังจำเลยได้เปิดร้านดัดผมในห้องพิพาทชั้นล่างเฉพาะซีกคูหาเดียวและไม่สุดตลอดคูหาด้วยคือใช้เนื้อที่เพียง 1 ใน4 ของตึกชั้นล่าง และในการนี้จำเลยก็ได้ขออนุญาตจากโจทก์แล้วว่าเพื่อช่วยค่าครองชีพทางหนึ่ง กับได้ขอให้โจทก์แยกใบเสร็จค่าเช่าห้องพิพาทเดือนละ 100 บาทเป็น 40 บาทฉบับหนึ่งคือสำหรับค่าเช่าตรงที่เป็นร้านดัดผม และ 60 บาทอีกฉบับหนึ่งเหตุที่แยกดังนี้เนื่องจากการตั้งร้านดัดผมจำเลยเข้าหุ้นกับคนอื่น ทั้งนี้เพื่อสะดวกแก่การคิดเงินระหว่างหุ้นส่วน ตามพฤติการณ์ดังกล่าวนี้ จะฟังว่าจำเลยเช่าตึกพิพาทเพื่อการค้ายังไม่ได้ ต้องถือว่าตึกพิพาทเป็น "เคหะ" อันได้รับความคุ้มครองตาม พระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าฯ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 649/2500
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับรองเด็กเป็นบุตรโดยพฤติการณ์ และสิทธิในการรับมรดก
ชายหญิงได้เสียหลับนอนกันแล้วหญิงคลอดบุตรในปีต่อมาชายรับไปเลี้ยงให้การศึกษาและให้ใช้นามสกุลกรอกภ.ง.ด.9 ว่าเป็นบุตรและเบิกเงินช่วยค่าเล่าเรียนแสดงว่าเด็กนั้นเป็นบุตรและชายรับรองแล้วรับมรดกบิดาได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5/2500 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกระทำความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยถูกยั่วโทสะจากพฤติการณ์ชู้สาวและชำเรา
เมื่อจำเลยที่ไม่ชอบด้วย ก.ม.เป็นชู้กับผู้ตาย จำเลยมาแอบจับชู้ระหว่างแอบจับชู้ผู้ตายทำชำเรากับเมียน้อยของจำเลยระหว่างกระทำชำเราเสียงสุกรร้องผู้ตายออกมามองเห็นปลอดภัยแล้วก็กลับไปทำชำเราต่อแต่ถูกยิงเสียก่อน พฤติการณ์ดังกล่าวนี้ถือว่าจำเลยถูกข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรมเข้าลักษณะยั่วโทษะตาม ก.ม.อาญา ม.72 แล้ว
จำเลยกระทำผิดในขณะใช้ ก.ม.อาญา ร.ศ.127 แต่คดีมาสู่ศาลฎีกาเมื่อใช้ประมวลกฎหมายอาญา พ.ศ.2499 แล้วเช่นนี้เมื่อประมวลกฎหมาย อาญา พ.ศ.2499 เป็นคุณแก่จำเลยศาลก็ต้องหยิบยกประมวลก.ม.อาญา พ.ศ.2499 มาใช้บังคับแก่จำเลยตาม ม.3
จำเลยกระทำผิดในขณะใช้ ก.ม.อาญา ร.ศ.127 แต่คดีมาสู่ศาลฎีกาเมื่อใช้ประมวลกฎหมายอาญา พ.ศ.2499 แล้วเช่นนี้เมื่อประมวลกฎหมาย อาญา พ.ศ.2499 เป็นคุณแก่จำเลยศาลก็ต้องหยิบยกประมวลก.ม.อาญา พ.ศ.2499 มาใช้บังคับแก่จำเลยตาม ม.3
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 596/2500
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเช่าปลูกสร้างคูหาไม่ครบตามสัญญา ศาลพิจารณาความยินยอมของจำเลยและพฤติการณ์โดยรวม
โจทก์สัญญาจะให้จำเลยได้เช่าที่ดินของ พ.ปลูกตึกแถว 20 ห้องจำเลยจะให้เงินโจทก์ 600,000 บาทแต่โจทก์จัดให้ได้เช่าปลูกเพียง 17 ห้อง เพราะเทศบาลขยายถนนซึ่งจำเลยก็ปลูกตามนั้นเสร็จแล้วจำเลยให้เงินโจทก์ไปเพียง 290,000 บาทโจทก์จะฟ้องเรียกเงินจากจำเลยอีกไม่ได้ และจำเลยจะเรียกเงินคืนจากโจทก์ก็ไม่ได้เพราะโจทก์ไม่สามารถปฏิบัติตามสัญญา และจำเลยก็ยินยอมปฏิบัติไปทั้งที่รู้อยู่เช่นนั้นแล้วเงินที่โจทก์รับไปเป็นการเพียงพออยู่แล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 347/2500 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลดโทษกึ่งหนึ่งจากพฤติการณ์เข้ามอบตัวหลังรู้ตัวว่าถูกต้องการตัว
เมื่อจำเลยทำผิดรู้ตัวว่าเจ้าพนักงานต้องการตัว จำเลยเข้าหาเจ้าพนักงาน ถือว่ามีเหตุอื่นที่ศาลเห็นว่ามีลักษณะทำนองเดียวกับลุแก่โทษต่อเจ้าพนักงาน จึงได้รับความปราณีลดโทษให้กึ่งหนึ่งได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1864-1865/2500 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องหมิ่นประมาทต้องบรรยายพฤติการณ์ประกอบคำกล่าวเพื่อให้เห็นว่าเป็นการใส่ความและความจริงเป็นอย่างไร
การฟ้องว่าจำเลยหมิ่นประมาทใส่ความโจทก์ โดยโจทก์บรรยายฟ้องกล่าวถ้อยคำที่ไม่เป็นคำใส่ความอยู่ในตัว โจทก์จะต้องบรรยายถึงพฤติการณ์ประกอบมาเพื่อให้เห็นว่าเป็นคำใส่ความอย่างไร และความจริงเป็นอย่างใด เมื่อฟ้องไม่บรรยายเช่นนี้ ศาลมีอำนาจยกฟ้องโดยถือว่าฟ้องขาดองค์สำคัญแห่งความผิด
เมื่อศาลสั่งยกฟ้องโดยเหตุผลว่าฟ้องของโจทก์ไม่มีมูลความผิดโจทก์ย่อมมีสิทธิที่จะอุทธรณ์คำพิพากษาไป จะมาฟ้องใหม่ไม่ได้เพราะไม่มีกฎหมายสนับสนุนให้ฟ้องคดีกรรมเดียวได้หลายครั้ง.
เมื่อศาลสั่งยกฟ้องโดยเหตุผลว่าฟ้องของโจทก์ไม่มีมูลความผิดโจทก์ย่อมมีสิทธิที่จะอุทธรณ์คำพิพากษาไป จะมาฟ้องใหม่ไม่ได้เพราะไม่มีกฎหมายสนับสนุนให้ฟ้องคดีกรรมเดียวได้หลายครั้ง.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1864-1865/2500
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องหมิ่นประมาทต้องระบุพฤติการณ์ประกอบ หากฟ้องไม่ชัดเจน ศาลมีอำนาจยกฟ้อง และห้ามฟ้องซ้ำ
การฟ้องว่าจำเลยหมิ่นประมาทใส่ความโจทก์ โดยโจทก์บรรยายฟ้องกล่าวถ้อยคำที่ไม่เป็นคำใส่ความอยู่ในตัว โจทก์จะต้องบรรยายถึงพฤติการณ์ประกอบมาเพื่อให้เห็นว่าเป็นคำใส่ความอย่างไร และความจริงเป็นอย่างใด เมื่อฟ้องไม่บรรยายเช่นนี้ศาลมีอำนาจยกฟ้องโดยถือว่าฟ้องขาดองค์สำคัญแห่งความผิด
เมื่อศาลสั่งยกฟ้องโดยเหตุผลว่าฟ้องของโจทก์ไม่มีมูลความผิด โจทก์ย่อมมีสิทธิที่จะอุทธรณ์คำพิพากษาไป จะมาฟ้องใหม่ไม่ได้เพราะไม่มีกฎหมายสนับสนุนให้ฟ้องคดีกรรมเดียวได้หลายครั้ง
เมื่อศาลสั่งยกฟ้องโดยเหตุผลว่าฟ้องของโจทก์ไม่มีมูลความผิด โจทก์ย่อมมีสิทธิที่จะอุทธรณ์คำพิพากษาไป จะมาฟ้องใหม่ไม่ได้เพราะไม่มีกฎหมายสนับสนุนให้ฟ้องคดีกรรมเดียวได้หลายครั้ง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1742/2500
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเช่าห้องเพื่อทำการค้า การคุ้มครองตาม พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่าฯ พิจารณาจากวัตถุประสงค์การเช่าและพฤติการณ์
จำเลยเช่าห้องซึ่งตั้งอยู่ในทำเลการค้า สัญญาเช่าก็ระบุว่าเช่าเพื่อทำการค้า และเมื่อทำสัญญาแล้วจำเลยไปจดทะเบียนการค้าและยกป้ายร้านไว้หน้าห้อง การค้าของจำเลยคือรับผลไม้มาขายโดยนำไปขายที่แผงลอยอีกแห่งหนึ่ง และที่ห้องพิพาทก็มีการขายของอื่นอีกบ้าง แม้จำเลยจะใช้ห้องพิพาทเป็นที่อยู่อาศัยก็ต้องถือว่าเช่าเพื่อการค้าไม่ได้รับความคุ้มครองตาม พระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าฯ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1556/2500 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การร่วมกันสั่งซื้อไม้: พฤติการณ์แสดงเจตนาของผู้เยาว์ผ่านบิดาเป็นหลักฐานได้
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยที่ 1 ที่ 2 สั่งซื้อไม้จากโจทก์ไปทำตู้ เตียง ซึ่งจำเลยรับเหมามาจากกองทัพอากาศ จำเลยที่ 2 รับว่าสั่งไม้จากโจทก์แต่ผู้เดียว จำเลยที่ 1 ไม่เกี่ยว จำเลยที่ 2 รับเหมาเด็ดขาดไปจากจำเลยที่ 1
เมื่อได้ความว่าจำเลยที่ 1 เป็นเจ้าของร้านไทยงามอาภรณ์ จำเลยที่ 1 เป็นผู้เยาว์บิดาจึงเป็นผู้ดำเนินกิจการ ประกอบกับพฤติการณ์ที่จำเลยที่ 2 ว่าจะไปเอาเงินที่ร้านไทยงามมาชำระโจทก์ให้โจทก์ทำบิลให้แล้ววันต่อมาจำเลยที่ 1 ที่ 2 กับบิดาจำเลยที่ 1 และเจ้าของร้านยูเนียนก็ได้พากันไปหาโจทก์ บิดาจำเลยที่ 1 เอาเงินให้ 2,000 บาทวางมัดจำค่าไม้ และบิดาจำเลยที่ 1 ยังบอกโจทก์ว่ามีร้านไทยงามอาภรณ์และสั่งให้โจทก์ส่งไม้ให้เรื่อย ๆ เงินก็จะชำระให้เรื่อย ๆ ดังนี้เป็นพฤติการณ์ที่แสดงว่าจำเลยที่ 1 เป็นผู้สั่งซื้อไม้ของโจทก์ร่วมกับจำเลยที่ 2
และพฤติการณ์ที่โจทก์สืบดังกล่าวข้างต้นมิใช่พฤติการณ์ที่บิดาจำเลยที่ 1 ได้กระทำไปแต่ฝ่ายเดียว แต่เป็นพฤติการณ์ที่จำเลยที่ 1 ได้แสดงออกโดยชัดเจ้งว่าจำเลยที่ 1 ได้ให้บิดาจัดการเรื่องนี้แทนตน พฤติการณ์ทั้งนี้จึงเป็นข้อความที่จะพึงแสดงว่าจำเลยที่ 1 ได้ร่วมกับจำเลยที่ 2 สั่งซื้อไม้ของโจทก์โดยบิดาจำเลยที่ 1 เป็นผู้เกี่ยวข้องเอาธุระจัดการให้จำเลยที่ 1 จึงเป็นข้อความที่เกี่ยวกับประเด็นตามคำฟ้องของโจทก์ หาเป็นความที่นอกประเด็นอย่างไรไม่.
เมื่อได้ความว่าจำเลยที่ 1 เป็นเจ้าของร้านไทยงามอาภรณ์ จำเลยที่ 1 เป็นผู้เยาว์บิดาจึงเป็นผู้ดำเนินกิจการ ประกอบกับพฤติการณ์ที่จำเลยที่ 2 ว่าจะไปเอาเงินที่ร้านไทยงามมาชำระโจทก์ให้โจทก์ทำบิลให้แล้ววันต่อมาจำเลยที่ 1 ที่ 2 กับบิดาจำเลยที่ 1 และเจ้าของร้านยูเนียนก็ได้พากันไปหาโจทก์ บิดาจำเลยที่ 1 เอาเงินให้ 2,000 บาทวางมัดจำค่าไม้ และบิดาจำเลยที่ 1 ยังบอกโจทก์ว่ามีร้านไทยงามอาภรณ์และสั่งให้โจทก์ส่งไม้ให้เรื่อย ๆ เงินก็จะชำระให้เรื่อย ๆ ดังนี้เป็นพฤติการณ์ที่แสดงว่าจำเลยที่ 1 เป็นผู้สั่งซื้อไม้ของโจทก์ร่วมกับจำเลยที่ 2
และพฤติการณ์ที่โจทก์สืบดังกล่าวข้างต้นมิใช่พฤติการณ์ที่บิดาจำเลยที่ 1 ได้กระทำไปแต่ฝ่ายเดียว แต่เป็นพฤติการณ์ที่จำเลยที่ 1 ได้แสดงออกโดยชัดเจ้งว่าจำเลยที่ 1 ได้ให้บิดาจัดการเรื่องนี้แทนตน พฤติการณ์ทั้งนี้จึงเป็นข้อความที่จะพึงแสดงว่าจำเลยที่ 1 ได้ร่วมกับจำเลยที่ 2 สั่งซื้อไม้ของโจทก์โดยบิดาจำเลยที่ 1 เป็นผู้เกี่ยวข้องเอาธุระจัดการให้จำเลยที่ 1 จึงเป็นข้อความที่เกี่ยวกับประเด็นตามคำฟ้องของโจทก์ หาเป็นความที่นอกประเด็นอย่างไรไม่.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1556/2500
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การร่วมกันสั่งซื้อไม้: พฤติการณ์แสดงเจตนาของผู้เยาว์ผ่านบิดาถือเป็นหลักฐานได้
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยที่ 1 ที่ 2 สั่งซื้อไม้จากโจทก์ไปทำตู้ เตียง ซึ่งจำเลยรับเหมามาจากกองทัพอากาศ จำเลยที่ 2 รับว่าสั่งไม้จากโจทก์แต่ผู้เดียว จำเลยที่ 1 ไม่เกี่ยว จำเลยที่ 2 รับเหมาเด็ดขาดไปจากจำเลยที่ 1
เมื่อได้ความว่าจำเลยที่ 1 เป็นเจ้าของร้านไทยงามอาภรณ์ จำเลยที่ 1 เป็นผู้เยาว์บิดาจึงเป็นผู้ดำเนินกิจการ ประกอบกับพฤติการณ์ที่จำเลยที่2 ว่าจะไปเอาเงินที่ร้านไทยงามมาชำระโจทก์ให้โจทก์ทำบิลให้แล้ว วันต่อมาจำเลยที่ 1 ที่ 2 กับบิดาจำเลยที่ 1 และเจ้าของร้านยูเนียนก็ได้พากันไปหาโจทก์ บิดาจำเลยที่ 1 เอาเงินให้ 2,000 บาทวางมัดจำค่าไม้ และบิดาจำเลยที่ 1 ยังบอกโจทก์ว่ามีร้ายไทยงามอาภรณ์และสั่งให้โจทก์ส่งไม้ให้เรื่อยๆ เงินก็จะชำระให้เรื่อยๆ ดังนี้เป็นพฤติการณ์ที่แสดงว่าจำเลยที่ 1 เป็นผู้สั่งซื้อไม้ของโจทก์ร่วมกับจำเลยที่ 2 และพฤติการณ์ที่โจทก์สืบดังกล่าวข้างต้นมิใช่พฤติการณ์ที่บิดาจำเลยที่ 1 ได้กระทำไปแต่ฝ่ายเดียว แต่เป็นพฤติการณ์ที่จำเลยที่ 1 ได้แสดงออกโดยชัดแจ้งว่าจำเลยที่ 1 ได้ให้บิดาจัดการเรื่องนี้แทนตน พฤติการณ์ทั้งนี้จึงเป็นข้อความที่จะพึงแสดงว่าจำเลยที่ 1 ได้ร่วมกับจำเลยที่ 2 สั่งซื้อไม้ของโจทก์โดยบิดาจำเลยที่ 1 เป็นผู้เกี่ยวข้องเอาธุระจัดการให้จำเลยที่ 1 จึงเป็นข้อความที่เกี่ยวกับประเด็นตามคำฟ้องของโจทก์ หาเป็นความที่นอกประเด็นอย่างไรไม่
เมื่อได้ความว่าจำเลยที่ 1 เป็นเจ้าของร้านไทยงามอาภรณ์ จำเลยที่ 1 เป็นผู้เยาว์บิดาจึงเป็นผู้ดำเนินกิจการ ประกอบกับพฤติการณ์ที่จำเลยที่2 ว่าจะไปเอาเงินที่ร้านไทยงามมาชำระโจทก์ให้โจทก์ทำบิลให้แล้ว วันต่อมาจำเลยที่ 1 ที่ 2 กับบิดาจำเลยที่ 1 และเจ้าของร้านยูเนียนก็ได้พากันไปหาโจทก์ บิดาจำเลยที่ 1 เอาเงินให้ 2,000 บาทวางมัดจำค่าไม้ และบิดาจำเลยที่ 1 ยังบอกโจทก์ว่ามีร้ายไทยงามอาภรณ์และสั่งให้โจทก์ส่งไม้ให้เรื่อยๆ เงินก็จะชำระให้เรื่อยๆ ดังนี้เป็นพฤติการณ์ที่แสดงว่าจำเลยที่ 1 เป็นผู้สั่งซื้อไม้ของโจทก์ร่วมกับจำเลยที่ 2 และพฤติการณ์ที่โจทก์สืบดังกล่าวข้างต้นมิใช่พฤติการณ์ที่บิดาจำเลยที่ 1 ได้กระทำไปแต่ฝ่ายเดียว แต่เป็นพฤติการณ์ที่จำเลยที่ 1 ได้แสดงออกโดยชัดแจ้งว่าจำเลยที่ 1 ได้ให้บิดาจัดการเรื่องนี้แทนตน พฤติการณ์ทั้งนี้จึงเป็นข้อความที่จะพึงแสดงว่าจำเลยที่ 1 ได้ร่วมกับจำเลยที่ 2 สั่งซื้อไม้ของโจทก์โดยบิดาจำเลยที่ 1 เป็นผู้เกี่ยวข้องเอาธุระจัดการให้จำเลยที่ 1 จึงเป็นข้อความที่เกี่ยวกับประเด็นตามคำฟ้องของโจทก์ หาเป็นความที่นอกประเด็นอย่างไรไม่