พบผลลัพธ์ทั้งหมด 823 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1555/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลักทรัพย์: ความแตกต่างระหว่างข้อเท็จจริงที่ฟ้องกับข้อเท็จจริงที่พิสูจน์ได้ในชั้นพิจารณา
โจทก์ฟ้องหาว่าจำเลยเป็นคนร้ายลักกระบือ 3 ตัวของ ซ.หรือรับกระบือนั้นไว้ โดยรู้ว่าเป็นของร้าย แต่ทางพิจารณาได้ความว่า กระบือที่ถูกคนร้ายลักไปเป็นกระบือของ ซ. 1 ตัว อีก 2 ตัวเป็นของผู้อื่นฝาก ซ.เลี้ยงไว้และกระบือ 2 ตัวที่จับได้จากจำเลยเป็นกระบือของผู้อื่นที่ฝากซ.ไว้ ดังนี้จะว่าทางพิจารณาต่างกับฟ้องหาได้ไม่
(อ้างฎีกาที่ 62/2486)
(อ้างฎีกาที่ 62/2486)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1555/2492
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความต่างของข้อเท็จจริงในฟ้องกับทางพิจารณา: การลักกระบือ และการรับของโจร
โจทก์ฟ้องหาว่าจำเลยเป็นคนร้ายลักกระบือ 3 ตัวของซ. หรือรับกระบือนั้นไว้ โดยรู้ว่าเป็นของร้าย แต่ทางพิจารณาได้ความว่า กระบือที่ถูกคนร้ายลักไปเป็นกระบือของ ซ.1ตัวอีก2ตัวเป็นของผู้อื่นฝากซ.เลี้ยงไว้ และกระบือ 2 ตัวที่จับได้จากจำเลยเป็นกระบือของผู้อื่นที่ฝาก ซ. ไว้ ดังนี้ จะว่าทางพิจารณาต่างกับฟ้องหาได้ไม่ (อ้างฎีกาที่ 62/2486)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1446/2492
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับสารภาพในฟ้องอาญาเกี่ยวกับสุราเถื่อน ศาลลงโทษได้หากฟ้องบรรยายชัดเจนถึงเจตนา
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยทำผิดกฎหมาย โดย ก. มีน้ำสุราเถื่อนข. มีลูกแป้งเชื้อสุราเถื่อนโดยมิได้รับอนุญาต ค.มีหมักส่าเชื้อสุราเถื่อนโดยมิได้รับอนุญาตง.มีเครื่องต้มกลั่นสุราไว้โดยมิได้รับอนุญาต จำเลยรับสารภาพตามฟ้อง ดังนี้ ต้องถือว่าในฟ้องข้อ ง. จำเลยรับว่า มีเครื่องต้มกลั่นไว้สำหรับต้มกลั่นสุราเถื่อน ลงโทษจำเลยตามมาตรา 38 พ.ร.บ.ภาษีชั้นในได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1436/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาฆ่าแม้ไม่มีวิวาทร่วม: ศาลลงโทษฐานฆ่าตามฟ้องได้
โจทก์ฟ้องว่า จ. กับพวกฝ่าย หนึ่ง ย.กับพวกอีกฝ่ายหนึ่งต่าง ใช้ มีด ไม้ ครกแตก และกำลังกายทำร้ายร่างกายซึ่งกัน ย.ถึงแก่ความตายโดย จ. ใช้มีดซุยแทง ย. แม้ทางพิจารณาจะไม่ได้ความว่า จ.ได้เข้าวิวาทต่อสู้กับจำเลยอื่นดังที่กล่าวในฟ้อง แต่ฟ้องโจทก์กล่าวชัดแล้วว่า จ.ใช้มีดซุยแทง ย. โดยเจตนาจะฆ่าให้ตาย ยังได้อ้าง ก.ม. ลักษณะอาญามาตรา 249 เป็นบทลงโทษด้วย ดังนี้ จะว่าทางพิจารณาต่างกับข้อเท็จจริงที่กล่าวในฟ้องไม่ได้ จึงลงโทษตามมาตรา 249 ได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1360/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อพิพาทเรื่องวันเวลาทำผิดในคดีอาญา หากข้อเท็จจริงที่ได้จากการพิจารณาไม่ตรงกับที่ระบุในฟ้อง ถือเป็นเหตุให้ต้องยกฟ้อง
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทำผิดวันที่ 12 พฤษภาคม 2491 เวลากลางคืน ตรงกับวันขึ้น 5 ค่ำ เดือน 6 พะยานโจทก์เบิกความว่าจำเลยทำผิดเมื่อวันขึ้น 6 ค่ำ เดือน 6 เวลากลางคืนตรงกับวันที่ 13 พฤษภาคม 2491 เวลากลางคืน ดังนี้ ข้อเท็จจริงที่ได้ความตามทางพิจารณาต่างกับฟ้อง จึงต้องยกฟ้อง.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1360/2492
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อเท็จจริงต่างกับฟ้องเป็นเหตุให้ยกฟ้องคดีอาญา
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทำผิดวันที่ 12 พฤษภาคม 2491 เวลากลางคืน ตรงกับวันขึ้น 5 ค่ำ เดือน 6 พยานโจทก์เบิกความว่าจำเลยทำผิดเมื่อวันขึ้น 6 ค่ำ เดือน 6 เวลากลางคืนตรงกับวันที่ 13 พฤษภาคม 2491 เวลากลางคืนดังนี้ ข้อเท็จจริงที่ได้ความตามทางพิจารณาต่างกับฟ้องจึงต้องยกฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1344/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คดีอาญาที่ศาลยกฟ้องโดยอาศัยข้อเท็จจริงต่างจากฟ้อง ทำให้ฎีกาไม่รับ เพราะเป็นการพิพากษาโดยอาศัยข้อเท็จจริง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโดยถือว่าทางพิจารณาได้ความต่างกับฟ้อง ก็คือถือว่า ทางพิจารณาไม่ได้ความว่าจำเลยทำผิดตามฟ้องนั่นเอง เป็นการพิพากษาโดยอาศัยข้อเท็จจริงและศาลอุทธรณ์ก็พิพากษายกฟ้องโดยอาศัยข้อเท็จจริงที่ไม่เชื่อว่าจำเลยได้กระทำผิดดังข้อหา ดังนี้ คดีโจทก์ต้องห้ามฎีกาต่อไป ตาม ป.ม.วิ.อาญามาตรา 219.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 129/2492
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแก้วันเวลากระทำผิดในฟ้อง ไม่ทำให้จำเลยเสียเปรียบหากไม่หลงข้อต่อสู้
การขอแก้วันเวลากระทำผิดอันจำเป็นต้องกล่าวในฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(5)นั้น เป็นการแก้รายละเอียด ซึ่งมาตรา 164 อนุญาตให้แก้ได้ มิให้ถือว่า ทำให้จำเลยเสียเปรียบเว้นแต่จำเลยได้หลงข้อต่อสู้
สืบพยานโจทก์ไปได้ 2 ปากโจทก์ยื่นคำร้องขอแก้วันกระทำผิดในฟ้องเมื่อไม่ปรากฏว่าจำเลยหลงข้อต่อสู้ ย่อมแก้ได้
สืบพยานโจทก์ไปได้ 2 ปากโจทก์ยื่นคำร้องขอแก้วันกระทำผิดในฟ้องเมื่อไม่ปรากฏว่าจำเลยหลงข้อต่อสู้ ย่อมแก้ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1025/2492
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขอบเขตการสืบพยานต้องตรงกับฟ้อง การวิวาทซึ่งกันและกัน
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยบังอาจทำร้ายร่างกายซึ่งกันและกันโดยจำเลยที่ 1 ใช้ไม้ตีจำเลยที่ 2 มีบาดเจ็บจำเลยที่ 2 ใช้มือชกต่อยจำเลยที่ 1 ไม่ถึงบาดเจ็บจำเลยให้การรับสารภาพ ดังนี้ โจทก์จะขอสืบพยานว่าจำเลยที่ 1 ทำร้ายจำเลยที่ 2 ตอนหนึ่ง แล้วต่อมาจำเลยที่ 2 ทำร้ายจำเลยที่ 1 อีกตอนหนึ่ง ไม่ใช่การวิวาทนั้น เป็นการสืบข้อเท็จจริงไม่ตรงกับฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 971/2491 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลในการพิจารณาฟ้องก่อนเรียกตัวจำเลย
ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฟ้องเพราะโจทก์มิได้ส่งตัวจำเลยพร้อมกับฟ้อง โจทก์อุทธรณ์และส่งสำเนาอุทธรณ์ให้จำเลยไม่ได้ ศาลอุทธรณ์ก็มีอำนาจที่จะพิจารณาฟ้องอุทธรณ์ของโจทก์ เพราะปัญหาในชั้นนี้มีเพียงว่า ศาลควรจะรับฟ้องของโจทก์ไว้พิจารณาหรือไม่ ยังไม่เกี่ยวถึงตัวจำเลย เพราะยังไม่ได้เรียกตัวจำเลยเข้ามาเป็นคู่คดี