คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ฟ้องแย้ง

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 754 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1499/2514

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิเรียกร้องค่าบำเหน็จนายหน้าและการระงับคดีอาญาจากการประนีประนอมยอมความ
จำเลยเป็นผู้แทนจำหน่ายรถแทรกเตอร์ของโจทก์ เก็บเงินค่าเช่าซื้อรถแทรกเตอร์จากผู้เช่าซื้อลูกค้าของโจทก์ได้แล้ว เบียดบังยักยอกไม่นำส่งให้โจทก์ขาดบัญชีไป แล้วต่อมาจำเลยได้ทำบันทึกข้อตกลงให้ไว้กับพนักงานและทนายความของบริษัทโจทก์ยอมรับค้างชำระเงินที่ไม่นำส่งและยอมขอผ่อนชำระให้ อันมีลักษณะครบถ้วนเป็นสัญญาประนีประนอมยอมความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 850 ภายหลังจำเลยไม่ปฏิบัติตามข้อตกลง โจทก์จึงนำคดีมาฟ้องกล่าวหาจำเลยกระทำผิดฐานยักยอกเช่นนี้หาได้ไม่ เพราะสิทธินำคดีอาญามาฟ้องย่อมระงับไปแล้วตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39(2)
ฟ้องแย้งเรียกค่าบำเหน็จนายหน้าในการเป็นผู้แทนจำหน่ายรถแทรกเตอร์จากจำนวนเงินที่โจทก์ฟ้องให้จำเลยชำระค่าเช่าซื้อที่จำเลยเก็บได้จากผู้เช่าซื้อแล้วไม่นำส่งให้โจทก์หลายราย โดยคำฟ้องแย้งไม่มีรายละเอียดว่าจะได้จากเงินค่าเช่าซื้อที่เรียกเก็บจากผู้เช่าซื้อคนใดเป็นจำนวนเท่าใด และคิดเป็นบำเหน็จอย่างไร เป็นแต่กล่าวอ้างคลุม ๆ เป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น เท่านั้น เป็นคำฟ้องแย้งที่เคลือบคลุมเพราะโจทก์ไม่มีทางจะทราบและแก้ฟ้องแย้งของจำเลยได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1236/2514 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องแย้งไม่เกี่ยวเนื่องกับฟ้องเดิม สัญญาที่ตัวแทนทำไปไม่ผูกพันโจทก์หากโจทก์ไม่ยินยอม
โจทก์มอบอำนาจให้ อ. ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากตึกแถวของโจทก์จำเลยให้การต่อสู้ว่าโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง และฟ้องแย้งอ้างว่าจำเลยกับ อ. ได้ตกลงกันไว้ว่าจำเลยยอมย้ายออกจากตึกพิพาท โดย อ. ต้องสร้างตึกขึ้นใหม่ ให้จำเลยเช่า 15 ปี และจำเลยยอมจ่ายค่าก่อสร้างให้ อ. เป็นงวด ๆ ผิดนัดงวดใดให้ อ. ริบเงินที่ชำระแล้วได้ ถ้า อ. ไม่ก่อสร้างตามข้อตกลง อ. ยอมคืนเงินให้ ถ้าไม่คืน โจทก์ต้องรับผิดใช้คืนให้และให้จำเลยสร้างต่อจนเสร็จ ครั้นถึงกำหนดทำสัญญา อ. แจ้งว่าโจทก์ไม่ยอมรับรองตามที่ตกลงกันไว้ หากโจทก์มอบอำนาจแก่ อ. จริง อ. ย่อมเป็นตัวแทนโจทก์ ข้อตกลงนี้ย่อมผูกพันโจทก์ฟ้องแย้งเช่นนี้เท่ากับว่าถ้า อ. เป็นตัวแทนของโจทก์จริง ๆ แล้วจึงจะขอให้บังคับโจทก์ และแสดงอยู่ในตัวว่า อ. จะต้องไปเจรจากับโจทก์ให้ยอมรับรองข้อตกลงดังกล่าวอีกทีก่อน จึงไม่เกี่ยวกับฟ้องเดิมพอที่จะรวมการพิจารณาและตัดสินชี้ขาดเข้าด้วยกันได้ ศาลย่อมไม่รับฟ้องแย้ง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1236/2514

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องแย้งไม่เกี่ยวเนื่องกับฟ้องเดิม - ตัวแทนตกลงโดยโจทก์ไม่ยินยอม ศาลไม่รับฟ้อง
โจทก์มอบอำนาจให้ อ. ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากตึกแถวของโจทก์จำเลยให้การต่อสู้ว่าโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง และฟ้องแย้งอ้างว่าจำเลยกับ อ.ได้ตกลงกันไว้ว่าจำเลยยอมย้ายออกจากตึกพิพาทโดย อ. ต้องสร้างตึกขึ้นใหม่ให้จำเลยเช่า 15 ปี และจำเลยยอมจ่ายค่าก่อสร้างให้ อ. เป็นงวด ๆ ผิดนัดงวดใดให้ อ. ริบเงินที่ชำระแล้วได้ ถ้า อ. ไม่ก่อสร้างตามข้อตกลง อ. ยอมคืนเงินให้ ถ้าไม่คืน โจทก์ต้องรับผิดใช้คืนให้และให้จำเลยสร้างต่อจนเสร็จ ครั้นถึงกำหนดทำสัญญา อ. แจ้งว่าโจทก์ไม่ยอมรับรองตามที่ตกลงกันไว้ หากโจทก์มอบอำนาจแก่ อ. จริง อ. ย่อมเป็นตัวแทนโจทก์ ข้อตกลงนี้ย่อมผูกพันโจทก์ฟ้องแย้งเช่นนี้เท่ากับว่าถ้า อ. เป็นตัวแทนของโจทก์จริง ๆ แล้วจึงจะขอให้บังคับโจทก์ และแสดงอยู่ในตัวว่า อ. จะต้องไปเจรจากับโจทก์ให้ยอมรับรองข้อตกลงดังกล่าวอีกทีก่อน จึงไม่เกี่ยวกับฟ้องเดิมพอที่จะรวมการพิจารณาและตัดสินชี้ขาดเข้าด้วยกันได้ ศาลย่อมไม่รับฟ้องแย้ง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 945/2513 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาเช่าที่ไม่ได้ทำเป็นหนังสือและจดทะเบียน และข้อพิพาทเรื่องหุ้นส่วนที่ไม่เกี่ยวเนื่องกับฟ้องขับไล่
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากห้องพิพาทที่โจทก์ให้จำเลยอยู่อาศัยและเรียกค่าเสียหายจำเลยฟ้องแย้งว่าโจทก์ตกลงให้จำเลยเช่าห้องพิพาทมีกำหนด 15 ปี ค่าเช่าเดือนละ 60 บาท เพราะจำเลยยอมหักหนี้ให้โจทก์20,000 บาท ดังนี้ เงินจำนวนดังที่กล่าวที่จำเลยยอมหักหนี้ให้โจทก์เป็นเงินค่าแป๊ะเจี๊ยะหรือเงินกินเปล่าที่จำเลยยอมให้โจทก์ในการเช่าห้องพิพาท เท่ากับเป็นการเช่าโดยมีเงินแป๊ะเจี๊ยะหรือเงินกินเปล่าจึงเป็นการเช่าธรรมดาไม่ใช่สัญญาต่างตอบแทนชนิดพิเศษ เมื่อการเช่าไม่ได้ทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ย่อมขัดกับประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 538 ไม่รับฟ้องแย้ง
จำเลยฟ้องแย้งคดีนี้ที่ว่าโจทก์จำเลยเข้าหุ้นส่วนกัน เมื่อคิดบัญชีแล้วโจทก์เป็นหนี้จำเลยอยู่ ขอให้บังคับโจทก์ชำระหนี้ที่ค้างเช่นนี้เป็นฟ้องอีกเรื่องหนึ่งคนละอย่างไม่เกี่ยวกับฟ้องเดิมพอที่จะรวมการพิจารณาและชี้ขาดตัดสินเข้าด้วยกันได้ เป็นฟ้องที่ไม่รับเป็นฟ้องแย้ง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 945/2513

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาเช่าไม่เป็นหนังสือขัดมาตรา 538, ฟ้องแย้งไม่เกี่ยวเนื่องกับฟ้องเดิม
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากห้องพิพาทที่โจทก์ให้จำเลยอยู่อาศัยและเรียกค่าเสียหายจำเลยฟ้องแย้งว่าโจทก์ตกลงให้จำเลยเช่าห้องพิพาทมีกำหนด 15 ปี ค่าเช่าเดือนละ 60 บาท เพราะจำเลยยอมหักหนี้ให้โจทก์ 20,000 บาท ดังนี้ เงินจำนวนดังที่กล่าวที่จำเลยยอมหักหนี้ให้โจทก์เป็นเงินค่าแป๊ะเจี๊ยะหรือเงินกินเปล่าที่จำเลยยอมให้โจทก์ในการเช่าห้องพิพาท เท่ากับเป็นการเช่าโดยมีเงินแป๊ะเจี๊ยะหรือเงินกินเปล่าจึงเป็นการเช่าธรรมดาไม่ใช่สัญญาต่างตอบแทนชนิดพิเศษ เมื่อการเช่าไม่ได้ทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ย่อมขัดกับประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 538 ไม่รับฟ้องแย้ง
จำเลยฟ้องแย้งคดีนี้ที่ว่าโจทก์จำเลยเข้าหุ้นส่วนกัน เมื่อคิดบัญชีแล้วโจทก์เป็นหนี้จำเลยอยู่ ขอให้บังคับโจทก์ชำระหนี้ที่ค้างเช่นนี้เป็นฟ้องอีกเรื่องหนึ่งคนละอย่างไม่เกี่ยวกับฟ้องเดิมพอที่จะรวมการพิจารณาและชี้ขาดตัดสินเข้าด้วยกันได้ เป็นฟ้องที่ไม่รับเป็นฟ้องแย้ง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 767/2513 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาก่อสร้าง, การบอกเลิกสัญญา, สิทธิผู้ก่อสร้าง, การเข้าครอบครอง, การฟ้องแย้ง
เจ้าของที่ดินทำสัญญากับผู้ก่อสร้างให้สร้างอาคารในที่ดินของตนโดยไม่ได้ระบุว่าจะต้องสร้างให้เสร็จภายในระยะเวลาเท่าใด เมื่อก่อสร้างไปได้ประมาณ 1 ปี ผู้ก่อสร้างก็งดการก่อสร้าง เจ้าของที่ดินให้ทนายความมีหนังสือถึงผู้ก่อสร้าง ว่าให้เริ่มดำเนินการก่อสร้างตามสัญญาภายใน 15 วันมิฉะนั้นจะถือว่าผู้ก่อสร้างไม่ประสงค์จะดำเนินงานตามข้อสัญญา จะทำความเสียหายให้แก่เจ้าของที่ดิน เจ้าของที่ดินจะได้ฟ้องขอเลิกสัญญาและเรียกค่าเสียหายจากผู้ก่อสร้าง ข้อความดังนี้เป็นแต่เพียงหนังสือเตือนให้ก่อสร้างต่อไปให้เสร็จตามสัญญา ถ้าไม่เริ่มดำเนินงานก่อสร้างต่อไปเจ้าของที่ดินจะฟ้องขอเลิกสัญญาและเรียกค่าเสียหายเท่านั้นหนังสือดังกล่าวนี้จึงไม่ใช่หนังสือบอกเลิกสัญญา
ล. เจ้าของที่ดินทำสัญญากับ ม. ให้ ม. ก่อสร้างอาคารในที่ดินของ ล. ด้วยเงินของ ม. มีข้อสัญญาว่าอาคารที่สร้างเสร็จแล้ว ม.มีสิทธิกำหนดตัวผู้เช่า เมื่อ ล. ได้ทำสัญญากับผู้เช่าแล้วจึงให้กรรมสิทธิ์ในอาคารนั้น ๆ ตกเป็นของ ล. ในระหว่างที่ยังไม่มีการบอกเลิกสัญญาก่อสร้าง และ ล. ตายไปแล้ว ม. มีหนังสือถึงทายาทของ ล.แจ้งว่าได้กำหนดให้จำเลยเป็นผู้เช่าตึกแถวที่ได้สร้างขึ้น ให้ทายาทของ ล.ไปทำสัญญาเช่าให้จำเลยตามสัญญาก่อสร้าง แต่ทายาทของ ล.ก็ไม่ไปทำ จำเลยได้เข้าไปอยู่ในตึกแถวนั้น ถือไม่ได้ว่าจำเลยเข้าไปอยู่โดยละเมิด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 592/2513

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ที่สาธารณะ การครอบครองประโยชน์ร่วมกัน และอำนาจฟ้องแย้งของนายอำเภอ
โจทก์ฟ้องขอให้ศาลสั่งแสดงว่าที่พิพาทเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์จำเลยให้การต่อสู้ว่า ที่พิพาทไม่ใช่ของโจทก์ เป็นที่สาธารณะและที่พิพาทเป็นที่ดินไม่มีหนังสือสำคัญแสดงกรรมสิทธิ์ที่ดิน โจทก์มีหน้าที่นำสืบให้ได้ความว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์
ที่พิพาทหมาย 1 เป็นหนองที่ราษฎรร่วมกันซื้อจากมารดาโจทก์ ส่วนที่หมาย 2, 3 เป็นที่ที่ ม. ยกให้เป็นที่สาธารณะทำเลเลี้ยงสัตว์ตั้งแต่ปี 2465 เมื่อราษฎรซื้อและรับยกให้แล้ว ราษฎรเข้าครอบครองใช้ที่พิพาทเป็นประโยชน์ร่วมกันตลอดมา กรณีเช่นนี้ถือว่าเป็นการสละเจตนาครอบครองโดยส่งมอบทรัพย์ที่ครอบครองแล้ว นับแต่รับมอบที่พิพาทแล้วราษฎรเป็นจำนวนร้อย ๆ ได้ร่วมกันทำทำนบกั้นน้ำประตูระบายน้ำ ขุด ลอก หนอง โดยถือว่าเป็นที่สาธารณะที่ราษฎรได้ใช้เป็นประโยชน์ร่วมกัน ดังนี้หนองและที่พิพาทหมาย 1, 2, 3เป็นหนองและทำเลเลี้ยงสัตว์ที่ราษฎรใช้ร่วมกันมาเป็นเวลาสิบ ๆ ปีแล้ว จึงเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1304 และการเป็นหนองสาธารณสมบัติของแผ่นดินหรือไม่นั้น กฎหมายไม่บังคับว่าต้องขึ้นทะเบียนเพราะจะเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินหรือไม่ ย่อมเป็นไปตามสภาพของที่นั้นเองว่าเป็นทรัพย์สินเพื่อสาธารณประโยชน์หรือสงวนไว้เพื่อประโยชน์ร่วมกันหรือไม่
ตามพระราชบัญญัติลักษณะปกครองท้องที่ พ.ศ. 2457 มาตรา 117, 122 บัญญัติให้เป็นหน้าที่ของกรมการอำเภอที่จะต้องรักษาดูแลที่ดินลำน้ำอันเป็นสาธารณประโยชน์ได้ ไม่ให้ผู้ใดทำให้เสียหายหรือกีดกันเอาเป็นอาณาประโยชน์แต่เฉพาะตัว จำเลยในฐานะนายอำเภอจึงมีอำนาจสั่งห้ามโจทก์ไม่ให้บุกรุกที่สาธารณประโยชน์ตลอดจนมีอำนาจฟ้องแย้งขับไล่โจทก์ได้ด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 588/2513 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องแย้งของตัวแทนที่ไม่มีใบมอบอำนาจ: ตัวแทนย่อมไม่มีอำนาจฟ้องแย้งแทนตัวการ
จำเลยเป็นเพียงตัวแทนของบริษัทยิบอินซอย จำกัด และฟ้องแย้งโดยไม่ปรากฏว่ามีใบมอบอำนาจจากบริษัทดังกล่าว จำเลยจึงไม่มีอำนาจฟ้องแย้งได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 588/2513

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องแย้งของตัวแทนที่ไม่ได้รับมอบอำนาจ: ตัวแทนย่อมไม่มีอำนาจฟ้องแย้งแทนตัวการหากไม่มีใบมอบอำนาจ
จำเลยเป็นเพียงตัวแทนของบริษัทยิบอินซอย จำกัด และฟ้องแย้งโดยไม่ปรากฏว่ามีใบมอบอำนาจจากบริษัทดังกล่าว จำเลยจึงไม่มีอำนาจฟ้องแย้งได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1657/2513

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความฟ้องแย้งครอบครองปรปักษ์และการขาดอายุความฟ้องฐานบุกรุก กรณีผู้ถูกฟ้องแย้งครอบครองปรปักษ์ต่อเนื่อง
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยบุกรุกที่ดินของโจทก์ ในการทำแผนที่พิพาทเมื่อโจทก์นำชี้เขตที่ดินที่อ้างว่าเป็นของโจทก์นั้น ย. โต้แย้งว่าโจทก์ชี้รุกล้ำเข้าไปในที่ของ ย. ซึ่งที่ดินส่วนนั้นจำเลย.ไม่ได้เกี่ยวข้องด้วยเลย ดังนี้โจทก์จะขอให้เรียก ย. เข้ามาเป็นจำเลยร่วมในคดีนี้หาได้ไม่
โจทก์หาว่าจำเลยบุกรุกที่ดินมือเปล่าของโจทก์ แล้วโจทก์ไม่กล้าเข้าทำประโยชน์ในที่ส่วนนั้นอีก เพียงแต่ไปร้องเรียนต่อพนักงานสอบสวนและตำรวจเท่านั้น ดังนี้เมื่อเป็นเวลาเกิน 1 ปีแล้วนับแต่ถูกแย่งการครอบครอง โจทก์ย่อมหมดสิทธิฟ้องคดีเพื่อเอาคืนซึ่งการครอบครองแล้ว
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยบุกรุกที่ดินของโจทก์ จำเลยต่อสู้ว่าเป็นของจำเลยและฟ้องแย้งขอให้ศาลสั่งแสดงว่าที่พิพาทเป็นของจำเลย คำฟ้องแย้งเช่นนี้ไม่จำเป็นต้องกล่าวว่า โจทก์บุกรุกที่ของจำเลยเมื่อใด ตรงไหน โจทก์ก็เข้าใจข้อหาได้ดีแล้ว และคำฟ้องแย้งของจำเลยเช่นนี้ ไม่ใช่การฟ้องเรียกคืนการครอบครอง จึงไม่เกี่ยวกับประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1375
คู่ความได้ว่ากล่าวกันมาแต่ศาลชั้นต้นแต่เพียงว่าจำเลยได้แย่งการครอบครองไปจากโจทก์เกิน 1 ปี อันเป็นเหตุให้โจทก์หมดสิทธิเรียกคืนการครอบครองตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1375 แล้วหรือไม่เท่านั้น ถ้าโจทก์เพิ่งกล่าวอ้างในชั้นฎีกาว่า ต้องใช้อายุความทางอาญาแทนอายุความทางแพ่ง ดังนี้ ย่อมต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249
of 76