พบผลลัพธ์ทั้งหมด 784 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1750/2500 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิการบังคับคดีกับเจ้าของกรรมสิทธิ์ร่วม: ยึดทรัพย์ได้ แต่ไม่ตัดสิทธิการแบ่งทรัพย์สิน
ในการบังคับคดีนั้น โจทก์มีสิทธิ์นำยึดที่ดินซึ่งจำเลยมีกรรมสิทธิ์ร่วมกับผู้อื่นได้ แต่ไม่ตัดสิทธิผู้ร้องขัดทรัพย์ซึ่งเป็นเจ้าของร่วมอยู่ด้วย ในการที่จะขอให้แบ่งทรัพย์สินอันเป็นส่วนของผู้ร้องขัดทรัพย์ต่อไปอีกส่วนหนึ่งก่อนที่เจ้าพนักงานจะนำที่ดินนั้นๆ ออกขายทอดตลาดเพื่อบังคับคดีเอาแก่ทรัพย์ส่วนที่เป็นของจำเลย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1606/2500 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การอายัดและยึดทรัพย์สิน: ประเด็นการยกข้อโต้แย้งใหม่ในชั้นฎีกา
ที่ผู้ร้องโต้เถียงว่าเงินที่โจทก์ขออายัดและยึดนี้เป็นทรัพย์สินของแผ่นดิน ตามประมวลกฎหมายแพ่งฯ มาตรา 1307 ศาลอายัดและยึดไม่ได้นั้น ศาลจะวินิจฉัยให้ต่อเมื่อปรากฎว่าผู้ร้องได้โต้แย้งมาแต่ศาลชั้นต้น ถ้าหากเพิ่งมายกขึ้นโต้เถียงในชั้นฎีกา ศาลฎีกาย่อมไม่วินิจฉัยให้ เพราะถือว่าไม่มีประเด็นโต้เถียงกันมาแต่ต้น.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1249/2500 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยึดทรัพย์ก่อนคำพิพากษา: ความเข้าใจโดยวิญญูชน, เจ้าของที่แท้จริง, ความรับผิดทางละเมิด
ถ้าตามพฤติการณ์ที่ปรากฎทำให้วิญญูชนธรรมดาเข้าใจว่าทรัพย์ที่จะนำยึดเป็นของลูกหนี้ แม้เป็นการยึดทรัพย์ก่อนคำพิพากษา หากความปรากฏภายหลังว่าแท้ที่จริงนั้นทรัพย์ที่ถูกยึดเป็นของบุคคลอื่น เมื่อศาลสั่งปล่อยทรัพย์นั้นให้พ้นจากการยึดแล้ว เจ้าของทรัพย์อันแท้จริงจะมาฟ้องผู้นำยึดว่าละเมิดไม่ได้ เพราะฟังไม่ได้ว่าผู้นำยึดกระทำโดยจงใจหรือประมาทเลินเล่ออันจำต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนเพื่อการนั้น.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1249/2500
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยึดทรัพย์ก่อนคำพิพากษา: ความเข้าใจโดยวิญญูชนธรรมดา, เจ้าของที่แท้จริง, ความรับผิดทางละเมิด
ถ้าตามพฤติการณ์ที่ปรากฏทำให้วิญญูชนธรรมดาเข้าใจว่าทรัพย์ที่จะนำยึดเป็นของลูกหนี้แม้เป็นการยึดทรัพย์ก่อนคำพิพากษา หากความปรากฏภายหลังว่าแท้ที่จริงนั้นทรัพย์ที่ถูกยึดเป็นของบุคคลอื่นเมื่อศาลสั่งปล่อยทรัพย์นั้นให้พ้นจากการยึดแล้วเจ้าของทรัพย์อันแท้จริงจะมาฟ้องผู้นำยึดว่าละเมิดไม่ได้ เพราะฟังไม่ได้ว่าผู้นำยึดกระทำโดยจงใจหรือประมาทเลินเล่ออันจำต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนเพื่อการนั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 744/2499 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจ้าของรวม & การยึดทรัพย์: สิทธิเจ้าของรวมไม่ตัดสิทธิการบังคับคดีแบ่งทรัพย์สิน
การที่ผู้ร้องขัดทรัพย์อ้างว่าได้แบ่งที่ดินกับจำเลยเป็นสัดส่วนแน่นอนและต่างได้ครอบครองส่วนที่แบ่งกันมาเกิน 10 ปีแล้วนั้นถือว่าผู้ร้องอ้างเจตนาได้มาซึ่งอสังหาริมทรัพย์หรือทรัพย์สิทธิอันเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์++ทางอื่นนอกจากนิติกรรมซึ่งโดย ม.1299 วรรค 2 สิทธิของผู้ได้มาคือผู้ร้องหากยังมิได้จดทะเบียนแล้วจะยก++เป็นข้อต่อสู้บุคคลภายนอกคือโจทก์ผู้ได้สิทธิมาโดยเสียค่าตอบแทนและโดยสุจริตและได้จดทะเบียนสิทธิโดยสุจริตแล้วคือรับจำนองที่ดินตามโฉนดนี้ในส่วนของจำเลยไว้โดยมิได้เจาะจงว่าเป็นส่วนไหน ตอนใด หาได้ไม่
ดังนั้นเมื่อได้ความว่าโจทก์เจ้าหนี้จำนองนำยึดที่ดินมีชื่อจำเลยและผู้ร้องเพื่อชำระหนี้ การที่ผู้ร้องร้องคัดค้านว่าที่ดินเป็นของผู้ร้องครึ่งหนึ่งและผู้ร้องกับจำเลยได้แบ่งที่ดินกันครอบครองเป็นสัดส่วนแน่นอนเกินกว่า 10 ปีแล้ว ผู้ร้องจึงขอให้ขายที่ดินที่ยึดมาเฉพาะส่วนของจำเลยนั้น เมื่อข้ออ้างการแบ่งทรัพย์ของผู้ร้องจะยกขึ้นใช้ยันโจทก์ไม่ได้แล้ว ต้องถือว่ากรรมสิทธิของจำเลยผู้ถูกยึดทรัพย์ย่อมครอบไปเหนือที่ดินทั้งหมดและการที่ผู้ร้องร้องขอให้ขายที่ดินเฉพาะส่วนของจำเลยก็ตาม ก็มีผลเท่ากับขอให้ปล่อยทรัพย์ตาม ป.วิ.แพ่ง ม.288 ผู้ร้องจะต้องอ้างว่าลูกหนี้ตามคำพิพากษามิใช่เจ้าของทรัพย์ที่ยึด ผู้ร้องจึงดำเนินคดี+างร้องขัดทรัพย์ไม่ได้ โจทก์นำยึดที่ดินแปลงนี้ทั้งหมดได้ แต่ผู้ร้องย่อมมีทางที่จะเรียกขอให้แบ่งส่วนของตนตามสิทธิของเจ้าของรวมได้ในทางบังคับคดีตาม ป.วิ.แพ่ง ม.287 ดังนัยแห่งคำพิพากษาฎีการที่ 481/2492.
ดังนั้นเมื่อได้ความว่าโจทก์เจ้าหนี้จำนองนำยึดที่ดินมีชื่อจำเลยและผู้ร้องเพื่อชำระหนี้ การที่ผู้ร้องร้องคัดค้านว่าที่ดินเป็นของผู้ร้องครึ่งหนึ่งและผู้ร้องกับจำเลยได้แบ่งที่ดินกันครอบครองเป็นสัดส่วนแน่นอนเกินกว่า 10 ปีแล้ว ผู้ร้องจึงขอให้ขายที่ดินที่ยึดมาเฉพาะส่วนของจำเลยนั้น เมื่อข้ออ้างการแบ่งทรัพย์ของผู้ร้องจะยกขึ้นใช้ยันโจทก์ไม่ได้แล้ว ต้องถือว่ากรรมสิทธิของจำเลยผู้ถูกยึดทรัพย์ย่อมครอบไปเหนือที่ดินทั้งหมดและการที่ผู้ร้องร้องขอให้ขายที่ดินเฉพาะส่วนของจำเลยก็ตาม ก็มีผลเท่ากับขอให้ปล่อยทรัพย์ตาม ป.วิ.แพ่ง ม.288 ผู้ร้องจะต้องอ้างว่าลูกหนี้ตามคำพิพากษามิใช่เจ้าของทรัพย์ที่ยึด ผู้ร้องจึงดำเนินคดี+างร้องขัดทรัพย์ไม่ได้ โจทก์นำยึดที่ดินแปลงนี้ทั้งหมดได้ แต่ผู้ร้องย่อมมีทางที่จะเรียกขอให้แบ่งส่วนของตนตามสิทธิของเจ้าของรวมได้ในทางบังคับคดีตาม ป.วิ.แพ่ง ม.287 ดังนัยแห่งคำพิพากษาฎีการที่ 481/2492.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 728/2499 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การโอนทรัพย์สินเพื่อหลีกเลี่ยงเจ้าหนี้: นิติกรรมโมฆะและสิทธิในการยึดทรัพย์
ลูกหนี้ตามคำพิพากษาทำนิติกรรมต่อกรมการอำเภอขายนาพิพาทของตน 2 แปลงให้แก่บุคคลภายนอกโดยสมรู้เจตนาลวงเพื่อป้องกันมิให้เจ้าหนี้ยึดทรัพย์ ดังนี้ถือว่านิติกรรมนั้นเกิดจากเจตนาลวงจึงตกเป็นโมฆะเสียเปล่าตาม ป.พ.พ. ม.118 และ 133 โจทก์ผู้เป็นเจ้าหนี้ย่อมมีสิทธิจะยึดนาพิพาท 2 แปลงมาขายทอดตลาดได้โดยไม่ต้องฟ้องขอให้เพิกถอนการโอนตามนัยแห่งคำพิพากษาฎีกาที่ 329/2480.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 728/2499
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การโอนทรัพย์สินหลีกเลี่ยงเจ้าหนี้: นิติกรรมโมฆะและสิทธิยึดทรัพย์
ลูกหนี้ตามคำพิพากษาทำนิติกรรมต่อกรมการอำเภอขายนาพิพาทของตน 2 แปลง ให้แก่บุคคลภายนอกโดยสมรู้เจตนาลวงเพื่อป้องกันมิให้เจ้าหนี้ยึดทรัพย์ ดังนี้ถือว่านิติกรรมนั้นเกิดจากเจตนาลวงจึงตกเป็นโมฆะเสียเปล่าตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา118และ 133 โจทก์ผู้เป็นเจ้าหนี้ย่อมมีสิทธิจะยึดนาพิพาท 2 แปลงมาขายทอดตลาดได้โดยไม่ต้องฟ้องขอให้เพิกถอนการโอนตามนัยแห่งคำพิพากษาฎีกาที่ 329/2480
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 719/2499 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาแบ่งทรัพย์ระหว่างเจ้าของร่วมกับลูกหนี้เจ้าพนักงานบังคับคดี ไม่สุจริต ใช้ไม่ได้
ผู้ร้องกับจำเลยทำสัญญาแบ่งทรัพย์กันภายหลังจากที่โจทก์นำยึดที่พิพาทเพียง 3 วัน ทั้งเมื่อวันที่เจ้าพนักงานไปยึดทรัพย์รายนี้ ผู้ร้องก็เห็นและรู้ว่าจำเลยเป็นลูกหนี้โจทก์ สัญญาแบ่งทรัพย์ระหว่างผู้ร้องและจำเลยจึงถือได้ว่ากระทำไปโดยไม่สุจริตและใช้ไม่ได้
การที่ผู้ร้องเป็นเจ้าทรัพย์พิพาทร่วมกันกับจำเลย ผู้ร้องจะขอให้ปล่อยทรัพย์ที่ยึดไว้ทั้งหมดไม่ได้จนกว่าจะได้มีการแบ่งปันกันโดยถูกต้อง การที่ผู้ร้องจะขอให้ปล่อยทรัพย์สินที่ยึดจะต้องปรากฏว่าลูกหนี้ตามคำพิพากษานั้นไม่มีส่วนเป็นเจ้าของทรัพย์ที่ถูกยึด แต่ผู้ร้องมีทางเรียกขอให้แบ่งส่วนของตนตามสิทธิของเจ้าของร่วมได้ทางบังคับคดีตาม ป.วิ.แพ่ง ม.287.
การที่ผู้ร้องเป็นเจ้าทรัพย์พิพาทร่วมกันกับจำเลย ผู้ร้องจะขอให้ปล่อยทรัพย์ที่ยึดไว้ทั้งหมดไม่ได้จนกว่าจะได้มีการแบ่งปันกันโดยถูกต้อง การที่ผู้ร้องจะขอให้ปล่อยทรัพย์สินที่ยึดจะต้องปรากฏว่าลูกหนี้ตามคำพิพากษานั้นไม่มีส่วนเป็นเจ้าของทรัพย์ที่ถูกยึด แต่ผู้ร้องมีทางเรียกขอให้แบ่งส่วนของตนตามสิทธิของเจ้าของร่วมได้ทางบังคับคดีตาม ป.วิ.แพ่ง ม.287.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 719/2499
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาแบ่งทรัพย์หลังยึดทรัพย์: ความไม่สุจริตและการแบ่งปันสิทธิเจ้าของร่วม
ผู้ร้องกับจำเลยทำสัญญาแบ่งทรัพย์กันภายหลังจากที่โจทก์นำยึดที่พิพาทเพียง 3 วันทั้งเมื่อวันที่เจ้าพนักงานไปยึดทรัพย์รายนี้ ผู้ร้องก็เห็นและรู้ว่าจำเลยเป็นลูกหนี้โจทก์ สัญญาแบ่งทรัพย์ระหว่างผู้ร้องและจำเลยจึงถือว่าได้กระทำไปโดยไม่สุจริตและใช้ไม่ได้
การที่ผู้ร้องเป็นเจ้าทรัพย์พิพาทร่วมกันกับจำเลยผู้ร้องจะขอให้ปล่อยทรัพย์ที่ยึดไว้ทั้งหมดไม่ได้จนกว่าจะได้มีการแบ่งปันกันโดยถูกต้องการที่ผู้ร้องจะขอให้ปล่อยทรัพย์สินที่ยึดจะต้องปรากฏว่าลูกหนี้ตามคำพิพากษานั้นไม่มีส่วนเป็นเจ้าของทรัพย์ที่ถูกยึด แต่ผู้ร้องมีทางเรียกขอให้แบ่งส่วนของตนตามสิทธิของเจ้าของร่วมได้ทางบังคับคดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา287
การที่ผู้ร้องเป็นเจ้าทรัพย์พิพาทร่วมกันกับจำเลยผู้ร้องจะขอให้ปล่อยทรัพย์ที่ยึดไว้ทั้งหมดไม่ได้จนกว่าจะได้มีการแบ่งปันกันโดยถูกต้องการที่ผู้ร้องจะขอให้ปล่อยทรัพย์สินที่ยึดจะต้องปรากฏว่าลูกหนี้ตามคำพิพากษานั้นไม่มีส่วนเป็นเจ้าของทรัพย์ที่ถูกยึด แต่ผู้ร้องมีทางเรียกขอให้แบ่งส่วนของตนตามสิทธิของเจ้าของร่วมได้ทางบังคับคดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา287
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 516/2499 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจ้าหนี้ตามคำพิพากษามีสิทธิขอเฉลี่ยทรัพย์ที่ถูกยึด แม้จะยังไม่ได้บังคับคดี
เจ้าหน้าตามคำพิพากษาย่อมมีสิทธิร้องขอเฉลี่ยทรัพย์ได้.