พบผลลัพธ์ทั้งหมด 971 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1289/2510
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องคดีบุกรุก: ศาลฎีกายกประเด็นนอกเหนือการต่อสู้ในชั้นต้น-ให้สืบเพิ่มเติม
โจทก์ไม่สามารถยกปัญหาเรื่องอำนาจฟ้องขึ้นอ้างในศาลชั้นต้นเนื่องจากพฤติการณ์นอกเหนือไม่อาจบังคับได้ เพราะจำเลยมิได้ให้การต่อสู้และศาลชั้นต้นมิได้กะประเด็นนำสืบในข้อนี้ โจทก์จึงมีสิทธิที่จะอ้างอิงปัญหานี้ขึ้นในชั้นฎีกาได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 225 วรรคสอง
เมื่อประเด็นเรื่องอำนาจฟ้องเป็นปัญหาข้อกฎหมายซึ่งศาลชั้นต้นยังมิได้พิจารณาหรือวินิจฉัยปัญหาข้อเท็จจริงอันเป็นสารสำคัญในประเด็นเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม ศาลฎีกามีอำนาจให้โจทก์นำพยานหลักฐานอันเกี่ยวกับประเด็นเรื่องอำนาจฟ้องของโจทก์มาสืบเพิ่มเติม ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 86 วรรคสาม, 240(3)ประกอบด้วยมาตรา 247 แล้วให้จำเลยสืบแก้ รวมทั้งให้คู่ความทั้งสองฝ่ายมีสิทธิระบุทั้งพยานบุคคลและพยานเอกสารเพิ่มเติมได้ด้วย
เมื่อประเด็นเรื่องอำนาจฟ้องเป็นปัญหาข้อกฎหมายซึ่งศาลชั้นต้นยังมิได้พิจารณาหรือวินิจฉัยปัญหาข้อเท็จจริงอันเป็นสารสำคัญในประเด็นเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม ศาลฎีกามีอำนาจให้โจทก์นำพยานหลักฐานอันเกี่ยวกับประเด็นเรื่องอำนาจฟ้องของโจทก์มาสืบเพิ่มเติม ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 86 วรรคสาม, 240(3)ประกอบด้วยมาตรา 247 แล้วให้จำเลยสืบแก้ รวมทั้งให้คู่ความทั้งสองฝ่ายมีสิทธิระบุทั้งพยานบุคคลและพยานเอกสารเพิ่มเติมได้ด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1228/2510
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เช็คชำระหนี้จากการกู้เงิน แม้ไม่มีสัญญากู้ก็อาจเป็นความผิดตาม พ.ร.บ. เช็คได้ ศาลต้องสืบพยานจำเลย
จำเลยกู้ยืมเงินจากผู้เสียหาย โดยจำเลยออกเช็คให้ แม้จำเลยจะไม่ได้ทำหนังสือสัญญากู้ แต่ได้ออกเช็คให้แทนโดยมีมูลหนี้จากการกู้เงิน จึงย่อมมีความผูกพันกันในเบื้องต้นอันอาจเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497 ได้
คดีที่ผู้เสียหายเข้าเป็นโจทก์ร่วมกับพนักงานอัยการโจทก์ ศาลชั้นต้นงดสืบพยานโจทก์และจำเลยแล้วพิพากษายกฟ้อง พนักงานอัยการโจทก์ไม่อุทธรณ์ฎีกา แต่โจทก์ร่วมได้อุทธรณ์ฎีกา ศาลฎีกาพิพากษาให้ยกคำพิพากษาศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ ให้ศาลชั้นต้นสืบพยานแล้วพิพากษาใหม่ เมื่อพยานโจทก์ที่ศาลชั้นต้นสั่งงดสืบเป็นพยานของพนักงานอัยการโจทก์ แต่พนักงานอัยการโจทก์ไม่อุทธรณ์ฎีกา และโจทก์ร่วมแถลงไม่สืบพยาน ดังนี้ ศาลฎีกาย่อมสั่งให้ศาลชั้นต้นสืบพยานเฉพาะพยานจำเลยเท่านั้น
คดีที่ผู้เสียหายเข้าเป็นโจทก์ร่วมกับพนักงานอัยการโจทก์ ศาลชั้นต้นงดสืบพยานโจทก์และจำเลยแล้วพิพากษายกฟ้อง พนักงานอัยการโจทก์ไม่อุทธรณ์ฎีกา แต่โจทก์ร่วมได้อุทธรณ์ฎีกา ศาลฎีกาพิพากษาให้ยกคำพิพากษาศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ ให้ศาลชั้นต้นสืบพยานแล้วพิพากษาใหม่ เมื่อพยานโจทก์ที่ศาลชั้นต้นสั่งงดสืบเป็นพยานของพนักงานอัยการโจทก์ แต่พนักงานอัยการโจทก์ไม่อุทธรณ์ฎีกา และโจทก์ร่วมแถลงไม่สืบพยาน ดังนี้ ศาลฎีกาย่อมสั่งให้ศาลชั้นต้นสืบพยานเฉพาะพยานจำเลยเท่านั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1215/2510
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อตกลงสืบพยานร่วมแล้วขอถอนคำท้า: ศาลไม่อนุญาตได้
ปัญหาว่า คู่ความตกลงท้ากันสืบพยานคนกลางไว้แล้ว ฝ่ายหนึ่งขอถอนคำท้าขอดำเนินกระบวนพิจารณาไปได้หรือไม่ เป็นปัญหาข้อกฎหมาย ไม่ต้องห้ามฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248
คู่ความตกลงสืบพยานร่วมคนเดียว หากพยานร่วมให้การเจือสมฝ่ายใด ก็ให้ศาลวินิจฉัยไปตามรูปคดี โดยคู่ความสละสิทธิไม่สืบพยานอื่นต่อไป ต่อมาโจทก์ขอถอนคำท้าอ้างว่า โจทก์ไม่มั่นใจว่าพยานร่วมจะให้การตรงไปตรงมา ศาลไม่อนุญาต และสืบพยานร่วมไปแล้ว พิพากษาให้จำเลยชนะคดี โจทก์ขอให้ศาลพิจารณาใหม่ศาลไม่เห็นสมควรให้พิจารณาใหม่ได้
คู่ความตกลงสืบพยานร่วมคนเดียว หากพยานร่วมให้การเจือสมฝ่ายใด ก็ให้ศาลวินิจฉัยไปตามรูปคดี โดยคู่ความสละสิทธิไม่สืบพยานอื่นต่อไป ต่อมาโจทก์ขอถอนคำท้าอ้างว่า โจทก์ไม่มั่นใจว่าพยานร่วมจะให้การตรงไปตรงมา ศาลไม่อนุญาต และสืบพยานร่วมไปแล้ว พิพากษาให้จำเลยชนะคดี โจทก์ขอให้ศาลพิจารณาใหม่ศาลไม่เห็นสมควรให้พิจารณาใหม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 905/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับคำให้การ, การนำสืบพยานหลักฐาน, และการสืบพยานบุคคลแทนเอกสารสัญญาซื้อขาย
จำเลยยื่นคำร้องมีข้อความว่า จำเลยขอให้การปฏิเสธ และติดใจที่จะต่อสู้คดี ไม่ขอให้การใดๆ ก่อนสืบพยานโจทก์ และต่อมาในระยะเวลาที่จำเลยจะยื่นคำให้การได้ จำเลยยื่นคำให้การต่อสู้คดีไว้ ดังนี้ ศาลชอบที่จะรับคำให้การของจำเลยไว้ได้ หาใช่จำเลยได้แสดงความจำนงไม่ใช้สิทธิต่อสู้คดีไม่
เมื่อโจทก์กล่าวอ้างว่า ส.ค. 1 ของจำเลยเป็นเอกสารปลอม โจทก์จะต้องนำสืบข้อเท็จจริงที่กล่าวอ้างนั้น การที่โจทก์แถลงคัดค้านไว้ ไม่ทำให้หน้าที่นำสืบของโจทก์เปลี่ยนแปลงไป
จำเลยขอสืบพยานบุคคลแทนหนังสือสัญญาซื้อขาย ระบุชัดแจ้งว่าหนังสือสัญญาหายสาปสูญค้นหาไม่พบ โจทก์คัดค้านแต่เพียงว่า เป็นคำร้องกำกวมเคลือบคลุม ศาลย่อมอนุญาตให้จำเลยนำพยานบุคคลมาสืบแทนได้
เมื่อโจทก์กล่าวอ้างว่า ส.ค. 1 ของจำเลยเป็นเอกสารปลอม โจทก์จะต้องนำสืบข้อเท็จจริงที่กล่าวอ้างนั้น การที่โจทก์แถลงคัดค้านไว้ ไม่ทำให้หน้าที่นำสืบของโจทก์เปลี่ยนแปลงไป
จำเลยขอสืบพยานบุคคลแทนหนังสือสัญญาซื้อขาย ระบุชัดแจ้งว่าหนังสือสัญญาหายสาปสูญค้นหาไม่พบ โจทก์คัดค้านแต่เพียงว่า เป็นคำร้องกำกวมเคลือบคลุม ศาลย่อมอนุญาตให้จำเลยนำพยานบุคคลมาสืบแทนได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 905/2509
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับคำให้การ, การนำสืบเอกสารปลอม, และการสืบพยานแทนสัญญาซื้อขาย: ศาลฎีกาพิพากษายืนตามศาลชั้นต้นและอุทธรณ์
จำเลยยื่นคำร้องมีข้อความว่า จำเลยขอให้การปฏิเสธ และติดใจที่จะต่อสู้คดีไม่ขอให้การใดๆก่อนสืบพยานโจทก์ และต่อมาในระยะเวลาที่จำเลยจะยื่นคำให้การได้จำเลยยื่นคำให้การต่อสู้คดีไว้ ดังนี้ ศาลชอบที่จะรับคำให้การของจำเลยไว้ได้ หาใช่จำเลยได้แสดงความจำนงไม่ใช้สิทธิต่อสู้คดีไม่
เมื่อโจทก์กล่าวอ้างว่า ส.ค.1 ของจำเลยเป็นเอกสารปลอมโจทก์จะต้องนำสืบข้อเท็จจริงที่กล่าวอ้างนั้น การที่โจทก์แถลงคัดค้านไว้ ไม่ทำให้หน้าที่นำสืบของโจทก์เปลี่ยนแปลงไป
จำเลยขอสืบพยานบุคคลแทนหนังสือสัญญาซื้อขาย ระบุชัดแจ้งว่าหนังสือสัญญาหายสาปสูญค้นหาไม่พบ โจทก์คัดค้านแต่เพียงว่า เป็นคำร้องกำกวมเคลือบคลุม ศาลย่อมอนุญาตให้จำเลยนำพยานบุคคลมาสืบแทนได้
เมื่อโจทก์กล่าวอ้างว่า ส.ค.1 ของจำเลยเป็นเอกสารปลอมโจทก์จะต้องนำสืบข้อเท็จจริงที่กล่าวอ้างนั้น การที่โจทก์แถลงคัดค้านไว้ ไม่ทำให้หน้าที่นำสืบของโจทก์เปลี่ยนแปลงไป
จำเลยขอสืบพยานบุคคลแทนหนังสือสัญญาซื้อขาย ระบุชัดแจ้งว่าหนังสือสัญญาหายสาปสูญค้นหาไม่พบ โจทก์คัดค้านแต่เพียงว่า เป็นคำร้องกำกวมเคลือบคลุม ศาลย่อมอนุญาตให้จำเลยนำพยานบุคคลมาสืบแทนได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 879/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การผ่อนชำระหนี้และการนำสืบพยานข้อตกลงนอกเอกสาร ศาลต้องเปิดโอกาสให้จำเลยสืบพยานได้
จำเลยทำหนังสือรับสภาพหนี้แล้ว ต่อมาโจทก์จำเลยตกลงกันใหม่ว่า โจทก์ยอมให้จำเลยผ่อนชำระหนี้ให้โจทก์เดือนละ 500 บาท นับแต่เดือนมกราคม 2507 เป็นต้นไป แต่ทั้งนี้จะไม่ค้างให้เกิน 6 เดือน ส่วนเงิน 5,000 บาทที่จำเลยจะต้องชำระให้ในเดือนพฤศจิกายน 2506 โจทก์ตกลงให้จำเลยผ่อนระยะเวลาไปไม่เกิน 6 เดือน ดังนี้ มิใช่แปลงหนี้ใหม่
เมื่อจำเลยต่อสู้ว่าโจทก์ยอมให้จำเลยผ่อนชำระหนี้ได้ต่อไป ถ้าเป็นจริงย่อมมีผลผูกมัดโจทก์ ไม่จำต้องทำเป็นหนังสือ จำเลยย่อมนำพยานบุคคลเข้าสืบได้ (อ้างฎีกาที่ 782/2503)
จำเลยได้กล่าวอ้างข้อเท็จจริงในการต่อสู้คดีไว้ชัดแจ้งแล้ว การจะปรับเข้าบทกฎหมายใด ย่อมตกเป็นหน้าที่ของศาลที่จะยกมาใช้เอง (อ้างฎีกาที่ 183/2486).
เมื่อจำเลยต่อสู้ว่าโจทก์ยอมให้จำเลยผ่อนชำระหนี้ได้ต่อไป ถ้าเป็นจริงย่อมมีผลผูกมัดโจทก์ ไม่จำต้องทำเป็นหนังสือ จำเลยย่อมนำพยานบุคคลเข้าสืบได้ (อ้างฎีกาที่ 782/2503)
จำเลยได้กล่าวอ้างข้อเท็จจริงในการต่อสู้คดีไว้ชัดแจ้งแล้ว การจะปรับเข้าบทกฎหมายใด ย่อมตกเป็นหน้าที่ของศาลที่จะยกมาใช้เอง (อ้างฎีกาที่ 183/2486).
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 879/2509
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การผ่อนชำระหนี้และการเปลี่ยนแปลงข้อตกลง ศาลอนุญาตให้สืบพยานบุคคลได้หากข้อตกลงผ่อนผันมีผลผูกมัด
จำเลยทำหนังสือรับสภาพหนี้แล้ว ต่อมาโจทก์จำเลยตกลงกันใหม่ว่า โจทก์ยอมให้จำเลยผ่อนชำระหนี้ให้โจทก์เดือนละ 500 บาท นับแต่เดือนมกราคม 2507 เป็นต้นไปแต่ทั้งนี้จะไม่ค้างให้เกิน 6 เดือน ส่วนเงิน 5,000 บาทที่จำเลยจะต้องชำระให้ในเดือนพฤศจิกายน 2506 โจทก์ตกลงให้จำเลยผ่อนระยะเวลาไปไม่เกิน 6 เดือน ดังนี้ มิใช่แปลงหนี้ใหม่
เมื่อจำเลยต่อสู้ว่าโจทก์ยอมให้จำเลยผ่อนชำระหนี้ได้ต่อไป ถ้าเป็นจริงย่อมมีผลผูกมัดโจทก์ ไม่จำต้องทำเป็นหนังสือ จำเลยย่อมนำพยานบุคคลเข้าสืบได้ (อ้างฎีกาที่ 782/2503)
จำเลยได้กล่าวอ้างข้อเท็จจริงในการต่อสู้คดีไว้ชัดแจ้งแล้ว การจะปรับเข้าบทกฎหมายใด ย่อมตกเป็นหน้าที่ของศาลที่จะยกมาใช้เอง (อ้างฎีกาที่ 183/2486)
เมื่อจำเลยต่อสู้ว่าโจทก์ยอมให้จำเลยผ่อนชำระหนี้ได้ต่อไป ถ้าเป็นจริงย่อมมีผลผูกมัดโจทก์ ไม่จำต้องทำเป็นหนังสือ จำเลยย่อมนำพยานบุคคลเข้าสืบได้ (อ้างฎีกาที่ 782/2503)
จำเลยได้กล่าวอ้างข้อเท็จจริงในการต่อสู้คดีไว้ชัดแจ้งแล้ว การจะปรับเข้าบทกฎหมายใด ย่อมตกเป็นหน้าที่ของศาลที่จะยกมาใช้เอง (อ้างฎีกาที่ 183/2486)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 820/2509
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องคดีผิดประเด็น การสืบพยานไม่สอดคล้องกับข้ออ้าง ทำให้ขาดฟ้อง
โจทก์ฟ้องว่าเป็นเจ้าของที่ดิน ขอให้ศาลแสดงว่ามีสิทธิครอบครอง และขอให้ขับไล่ ทางพิจารณาข้อเท็จจริงฟังได้ว่าโจทก์ไม่ใช่เจ้าของเป็นแต่เพียงได้รับมอบที่พิพาทจากเจ้าของเพื่อให้ทำกินต่างดอกเบี้ยดังนี้ ศาลต้องยกฟ้องเพราะโจทก์สืบไม่สมฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 817/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อตกลงท้าทายสืบพยานจำกัดขอบเขต ศาลต้องวินิจฉัยเฉพาะจากพยานที่ตกลงกันไว้
คดีที่คู่ความตกลงท้ากันให้สืบพยาน 2 ปากถือเป็นข้อแพ้ชนะ โดยให้ศาลวินิจฉัยจากพยาน 2 ปากนี้ว่าเป็นจริงดังที่โจทก์ฟ้องหรือไม่ ถ้าได้ความทางวินิจฉัยของศาลว่าจริง จำเลยยอมแพ้ ถ้าไม่ได้ความดังกล่าว โจทก์ยอมแพ้ ดังนี้ เมื่อพยาน 2 ปากให้การสมฝ่ายโจทก์ จำเลยจะขอให้นำเอกสารอื่นมาวินิจฉัยหักล้างมิได้ เพราะเป็นพยานนอกเหนือจากที่ตกลงกัน.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 769-770/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิพาทเกี่ยวกับที่ดินงอกริมตลิ่งและทางสาธารณะ ศาลต้องสืบพยานประเด็นสำคัญก่อนตัดสิน
ระหว่างที่พิพาทซึ่งเป็นที่งอกริมตลิ่งกับที่ของโจทก์มีทางเดินคั่นกลางซึ่งโจทก์อ้างว่าเป็นทางเอกชน ที่พิพาทเป็นที่งอกหน้าที่ดินของโจทก์ จึงเป็นของโจทก์ จำเลยสู้ว่าทางเดินระหว่างที่พิพาทเป็นทางสาธารณะ ที่พิพาทเป็นที่งอกจากทางสาธารณะ จำเลยได้ครอบครองโดยเจตนาเป็นเจ้าของมานานหลายปีแล้ว โจทก์ไม่มีสิทธิให้จำเลยรื้อถอนโรงเรือนจากที่พิพาท ประเด็นที่ว่าทางเดินระหว่างที่พิพาทกับที่โจทก์เป็นทางเอกชนหรือทางสาธารณะ เป็นประเด็นที่จะต้องวินิจฉัยจากคำพยานโจทก์จำเลย ศาลจึงชอบที่จะให้สืบพยานโจทก์จำเลยในประเด็นดังกล่าวให้สิ้นกระแสความก่อน.