คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
หลักฐาน

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,327 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2866/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาซื้อขายต้องทำเป็นหนังสือ การส่งมอบหรือชำระเงินไม่ถือเป็นสัญญาผูกพัน
โจทก์จำเลยเจรจาซื้อขายกระดาษโดยตกลงกันว่าจะต้องมีการทำสัญญาซื้อขาย โจทก์พิมพ์สัญญาหมาย จ.56 มาให้จำเลยลงนาม แต่จำเลยขอแก้รายละเอียดเป็นสัญญาหมาย จ.57สัญญาตัวจริงจึงเป็นสัญญาหมาย จ.57 สัญญาหมาย จ.56ซึ่งโจทก์นำมาฟ้องเป็นเพียงร่างที่จำเลยไม่ได้ลงนามเป็นคู่สัญญา จึงถือว่าไม่มีการทำสัญญาหมาย จ.56 ที่โจทก์อ้างมาเป็นหลักแห่งข้อหา โจทก์จะกล่าวหาว่าจำเลยผิดสัญญาที่นำมาฟ้องนั้นไม่ได้
แม้กฎหมายจะกำหนดวิธีการซื้อขายไว้หลายอย่างก็ตามเมื่อคู่สัญญาตกลงจะทำกันโดยวิธีทำเป็นหนังสือสัญญา จะนำเอาวิธีอื่นเช่นการส่งมอบหรือชำระราคาบางส่วนมาวินิจฉัยว่าเป็นข้อตกลงจะซื้อขายกันแล้วโดยสมบูรณ์หาได้ไม่
(อ้างฎีกาที่ 1541/2509 และ 520/2520)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2550/2524 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หลักฐานการชำระหนี้ต้องมีลายมือชื่อพยานรับรองตามกฎหมาย การใช้ลายพิมพ์นิ้วมือไม่เพียงพอ
เอกสารที่เป็นหลักฐานการชำระหนี้กู้ยืมเงินกว่า 50 บาทขึ้นไป แม้มีลายพิมพ์นิ้วมือของผู้ให้ยืม แต่ไม่มีพยานลงลายมือชื่อรับรองสองคนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 9 วรรคสาม เท่ากับผู้ให้ยืมมิได้ลงลายมือชื่อในหลักฐานการใช้เงินนั้น ผู้ยืมจึงใช้เป็นพยานหลักฐานไม่ได้ว่าผู้ให้ยืมได้รับชำระหนี้แล้ว
ฎีกาข้อกฎหมายที่ไร้สาระศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2550/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หลักฐานการชำระหนี้ต้องมีลายมือชื่อพยานรับรองตามกฎหมาย มิฉะนั้นใช้เป็นหลักฐานไม่ได้
เอกสารที่เป็นหลักฐานการชำระหนี้กู้ยืมเงินกว่า 50 บาทขึ้นไป แม้มีลายพิมพ์นิ้วมือของผู้ให้ยืม แต่ไม่มีพยานลงลายมือชื่อรับรองสองคนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 9 วรรคสาม เท่ากับผู้ให้ยืมมิได้ลงลายมือชื่อในหลักฐานการใช้เงินนั้น ผู้ยืมจึงใช้เป็นพยานหลักฐานไม่ได้ว่าผู้ให้ยืมได้รับชำระหนี้แล้ว
ฎีกาข้อกฎหมายที่ไร้สาระศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2156/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดทางละเมิด: การประเมินส่วนประมาทของคู่กรณีและการวินิจฉัยตามหลักฐานทั้งหมด
จ. ลูกจ้างของจำเลยถูกศาลพิพากษาลงโทษฐานกระทำโดยประมาทให้บุตรโจทก์ตาย แต่การวินิจฉัยความรับผิดในทางแพ่งของนายจ้างซึ่งเป็นบุคคลภายนอก ศาลวินิจฉัยโดยอาศัยตามหลักฐานทั้งหมดทั้งปวงเท่าที่ทั้งสองฝ่ายนำเข้าสืบ บุตรโจทก์ขี่รถจักรยานออกจากท้ายรถโดยสารที่จอดอยู่ล้ำเข้าไปในทางของรถจำเลยที่สวนมา เป็นการประมาทมากกว่า ศาลวินิจฉัยตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 223 ให้ค่าเสียหายเป็นพับแก่โจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1955/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เอกสารติดบัญชีหนี้สินไม่ใช่หลักฐานการกู้ยืม ตามประมวลกฎหมายแพ่งฯ มาตรา 653
ข้อความในเอกสารเป็นแต่เพียงการคิดบัญชีแสดงหนี้สิน ที่มีอยู่ต่อกันระหว่างโจทก์กับ ส. ผู้ตาย และเป็นหนังสือนำส่งเช็คซึ่ง ส. ออกสั่งจ่ายเงินเพื่อชำระหนี้ให้โจทก์ตามที่ เป็นหนี้กันอยู่ และที่ขอแลกเงินสดจากโจทก์ไปอีกเท่านั้น หามีข้อความตอนใดแสดงว่า ส. ได้กู้ยืมเงินโจทก์ไม่ เอกสารดังกล่าวจึงไม่ใช่หนังสืออันเป็นหลักฐานแห่งการกู้ยืม คดีโจทก์จึงต้องห้ามมิให้ฟ้องร้องบังคับคดีตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 653

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1947-1950/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การหักโอนเงินจากบัญชีต้องมีหลักฐานชัดเจน การโอนทางโทรศัพท์ไม่ชอบด้วยกฎหมาย
การโอนสิทธิเรียกร้องของผู้ฝากเงินไว้แก่ธนาคารให้แก่บุคคลอื่นในลักษณะการโอนหนี้อันจะพึงต้องชำระแก่เจ้าหนี้โดยเฉพาะเจาะจง จะต้องปฏิบัติตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 306 กล่าวคือ ต้องทำเป็นหนังสือลงลายมือชื่อผู้โอนมิฉะนั้นย่อมไม่สมบูรณ์ หากเป็นในลักษณะการโอนหนี้อันพึงต้องชำระตามเขาสั่งผู้ฝากเงินก็ต้องปฏิบัติด้วยการออกเช็คสั่งให้ธนาคารใช้เงินและส่งมอบเช็คนั้นให้แก่ผู้รับโอนไปเบิกเงินจากธนาคาร การที่ธนาคารหักโอนเงินจากบัญชีเงินฝากกระแสรายวันของผู้ฝากเงินไป โดยผู้ฝากเงินมิได้ออกเช็คสั่งจ่ายให้ธนาคารใช้เงิน หรือทำหนังสือโอนหนี้ให้ถูกต้องตามกฎหมาย ย่อมไม่เป็นเหตุให้สิทธิเรียกร้องของผู้ฝากเงินในหนี้เงินฝากต้องระงับสิ้นไป เพราะตามคำขอเปิดบัญชีเงินฝากกระแสรายวันมีข้อความระบุเงื่อนไขในการสั่งจ่ายและถอนเงินไว้ว่า เมื่อผู้ฝากเงินจะสั่งจ่ายหรือถอนเงิน ให้ใช้เช็คซึ่งธนาคารมอบให้ใช้สำหรับแต่ละบัญชีโดยเฉพาะ จะเขียนสั่งในกระดาษหรือแบบพิมพ์อย่างอื่นไม่ได้เว้นแต่ธนาคารจะตกลงยินยอมด้วย การหักโอนเงินจากบัญชีเงินฝากก็ไม่แตกต่างอะไรกับการถอนเงิน
การสั่งโอนเงินฝากทางโทรศัพท์จะใช้ได้แต่เฉพาะกรณีที่ผู้ฝากคนเดียวมีบัญชีเงินฝากอยู่หลายบัญชีและสั่งโอนเงินฝากจากบัญชีหนึ่งไปเข้าอีกบัญชีหนึ่งซึ่งมิใช่เป็นการโอนสิทธิเรียกร้อง แต่การโอนเงินฝากจากบัญชีของคนหนึ่งไปเข้าบัญชีของอีกคนหนึ่งนั้น เป็นการโอนสิทธิเรียกร้อง จำเป็นจะต้องปฏิบัติตามกฎหมาย ธนาคารจะอ้างประเพณีมาลบล้างกฎหมายไม่ได้ แม้เจ้าของบัญชีเงินฝากกับผู้รับโอนจะมีความสัมพันธ์ในฐานะที่เป็นหุ้นส่วนผู้ถือหุ้นหรือร่วมอยู่ในเครือเดียวกัน แต่จำเลยก็เป็นห้างหุ้นส่วนบริษัทนิติบุคคล ย่อมมีฐานะต่างหากจากผู้เป็นหุ้นส่วนหรือผู้ถือหุ้นทั้งหลายซึ่งรวมเข้ากันเป็นห้างหุ้นส่วนหรือบริษัทนั้น บัญชีเงินฝากของจำเลยกับของผู้รับโอนจึงมิใช่บัญชีของบุคคลคนเดียวกัน ธนาคารโจทก์จึงหักโอนเงินจากบัญชีเงินฝากกระแสรายวันของจำเลยที่ 1 ที่ 4 และ ที่ 5โดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1842/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หนังสือสัญญาซื้อขายที่ดินเป็นหลักฐานเด็ดขาด การสืบเพื่อเปลี่ยนแปลงข้อความในสัญญาทำไม่ได้
หนังสือสัญญาซื้อขายที่ดินระบุว่า ผู้ขายได้ขายที่ดินให้ผู้ซื้อ และผู้ขายได้รับราคาที่ดินไปจากผู้ซื้อเสร็จแล้วในวันทำสัญญา การที่ผู้ขายนำพยานบุคคลมาสืบว่าในวันทำหนังสือสัญญาดังกล่าว ผู้ขายไม่ได้รับราคาที่ดินนั้น เป็นการสืบเพื่อเปลี่ยนแปลงแก้ไขข้อความในหนังสือสัญญาการซื้อขายที่พิพาท ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 94

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1125/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หนี้กู้ยืมโดยมีเช็คเป็นหลักฐาน: เช็คไม่ใช่หลักฐานกู้ยืม ไม่สามารถขอรับชำระหนี้ในคดีล้มละลายได้
เจ้าหนี้มิได้ขอรับชำระหนี้ในฐานะที่เป็นผู้ทรงเช็คแต่ขอรับชำระหนี้ในฐานะที่เป็นเจ้าหนี้เงินกู้โดยมีเช็คเป็นหลักฐาน เช็คมิใช่หลักฐานแห่งการกู้ยืม จะนำสืบว่าเป็นหลักฐานแห่งการกู้ยืมหาได้ไม่ จึงเป็นหนี้ที่จะฟ้องร้องให้บังคับคดีไม่ได้ ต้องห้ามมิให้ขอรับชำระหนี้ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 94(1) และเมื่อเจ้าหนี้มิได้ขอรับชำระหนี้ในฐานะผู้ทรงเช็คก็ไม่ชอบที่จะให้เจ้าหนี้ได้รับชำระหนี้ในฐานะเป็นผู้ทรงเช็ค

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1050/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิสูจน์รายจ่ายเพื่อหักลดหย่อนภาษี: หลักฐานการรับเงินสำคัญกว่าลายมือชื่อ
การพิสูจน์รายจ่ายตามประมวลรัษฎากร มาตรา 65 ตรี (18) นั้น เป็นเรื่องที่ศาลจะต้องวินิจฉัยตามพยานหลักฐานในสำนวนว่า ผู้จ่ายพิสูจน์ได้หรือไม่ว่าใครเป็นผู้รับเงิน
โจทก์เป็นบริษัทประกอบกิจการรับซื้อข้าวในประเทศส่งไปขายต่างประเทศ รายจ่ายค่าซื้อข้าวจากพ่อค้าเร่ตามใบเสร็จรับเงิน จำนวน 1,506 ฉบับ เป็นเงิน 73 ล้านบาทเศษนั้น เมื่อโจทก์นำสืบฟังได้ว่าพ่อค้าเร่ขายข้าวมีอยู่จริง และโจทก์นำพยานจำนวนถึง 45 ปาก มาเบิกความรับรองว่าเป็นผู้ลงลายมือชื่อในใบเสร็จรับเงิน ทั้งปรากฏว่า ปริมาณข้าวที่มีอยู่ที่บริษัทโจทก์ถูกต้อง ดังนี้ โจทก์พิสูจน์ได้ว่าใครเป็น ผู้รับเงินตามใบเสร็จรับเงินจำนวน 1,506 ฉบับ โจทก์จึงมีสิทธินำ จำนวนเงินตามใบเสร็จรับเงินดังกล่าวมาหักเป็นรายจ่ายในการคำนวณ กำไรสุทธิได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 923/2523 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หนังสือค้ำประกันที่แท้จริงเป็นหลักฐานสำคัญในการฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายจากผู้ค้ำประกัน แม้จะมีสำเนาปลอม
จำเลยที่ 1 ไปติดต่อขอซื้อเชื้อน้ำมันจากโจทก์ โจทก์ตกลงให้จำเลยที่ 1 ซื้อเชื่อแต่ต้องมีธนาคารค้ำประกัน จำเลยที่ 2 ออกหนังสือค้ำประกันชำระราคาค่าน้ำมันของจำเลยที่ 1 ต่อโจทก์และมอบให้ บ.รับไป ปรากฏว่าจำเลยที่ 1 นำหนังสือค้ำประกันมีลายมือชื่อผู้ค้ำประกันปลอมไปมอบให้โจทก์ โจทก์เข้าใจว่าเป็นหนังสือค้ำประกันฉบับที่แท้จริงของจำเลยที่ 2 จึงให้จำเลยที่ 1 ซื้อเชื่อน้ำมันไป ต่อมา บ.นำหนังสือค้ำประกันฉบับที่แท้จริงไปคืนจำเลยที่ 2 จำเลยที่ 2 สอบถามไปยังโจทก์ โจทก์แจ้งว่าหนังสือค้ำประกันของจำเลยอยู่ที่โจทก์ จำเลยที่ 1 ไม่ชำระราคาน้ำมัน โจทก์จึงฟ้องขอให้จำเลยที่ 2 รับผิดตามสัญญาค้ำประกันดังกล่าว ดังนี้ เมื่อโจทก์กล่าวมาในฟ้องแจ้งชัดขอให้จำเลยที่ 2 รับผิดตามสัญญาค้ำประกันฉบับที่แท้จริง จำเลยที่ 2 ก็รับว่าได้ออกหนังสือค้ำประกันฉบับที่แท้จริงแก่โจทก์ทั้งโจทก์ยังได้อ้างส่งหนังสือค้ำประกันฉบับนั้นเป็นพยานต่อศาลในชั้นพิจารณาด้วย แม้โจทก์จะคัดสำเนาหนังสือค้ำประกันฉบับที่จำเลยที่ 1 นำมามอบแก่โจทก์อันเป็นสัญญาค้ำประกันปลอม ซึ่งมีข้อความตรงกันกับหนังสือค้ำประกันฉบับที่แท้จริงแนบมาท้ายฟ้อง ก็หามีผลให้เข้าใจว่าโจทก์ฟ้องให้จำเลยที่ 2 รับผิดตามสัญญาค้ำประกันปลอมไม่ ถือได้ว่าการฟ้องคดีของโจทก์มีหลักฐานการค้ำประกันเป็นหนังสือลงลายมือชื่อผู้ค้ำประกันถูกต้องตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ 680 วรรคท้ายแล้ว
โดยที่หนังสือค้ำประกันข้อ 1 มีข้อความว่า"ตามที่นายป๊วยเคี้ยว แซ่ก้วย สำนักงานเลขที่ ฯลฯ จะซื้อน้ำมันจากบริษัท ฯ ไปจำหน่าย ธนาคารขอเข้ารับภาระค้ำประกันชำระเงินดังกล่าว ภายในวงเงินไม่เกิน 1,500,000 บาท (หนึ่งล้านห้าแสนบาทถ้วน)" และข้อ 3 มีข้อความว่า "หนังสือค้ำประกันฉบับนี้ให้มีผลบังคับได้ สำหรับการส่งมอบสินค้าของบริษัทฯ ทุกอย่างซึ่งได้กระทำกันระหว่างวันที่ 1 เดือนมีนาคม พ.ศ.2515 ถึงวันที่ 1 เดือนกันยายน 2515" อันเป็นเรื่องจำเลยที่ 2 แสดงเจตนาผูกพันตนต่อโจทก์เพื่อชำระหนี้ค่าน้ำมันของจำเลยที่ 1 เมื่อโจทก์ตกลงขายและส่งมอบน้ำมันแก่จำเลยที่ 1 ภายในกำหนดเวลาดังกล่าว สัญญาค้ำประกันย่อมเกิดขึ้นมีผลผูกพันจำเลยที่ 2 และจำเลยที่ 2 ต้องรับผิดต่อโจทก์ในฐานะผู้ค้ำประกันกับจำเลยที่ 1 (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 1/2523)
of 133