พบผลลัพธ์ทั้งหมด 971 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1724/2512 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจตาม พ.ร.บ.การค้ากำไรเกินควร ต้องระบุห้ามค้ากำไรเกินควรในสิ่งของนั้นโดยตรง การห้ามเคลื่อนย้ายไม่ใช่การห้ามค้ากำไรเกินควร
ประกาศอาศัยอำนาจตามความในมาตรา 8 แห่งพระราชบัญญัติป้องกันการค้ากำไรเกินควร พ.ศ. 2490 ต้องเป็นประกาศเกี่ยวกับการค้ากำไรเกินควรและเพื่อ้องกันการค้ากำไรเกินควรในสิ่งของที่ระบุไว้ในประกาศนั้น จะประกาศโดยมีวัตถุประสงค์เป็นอย่างอื่นมิได้ เพราะเป็นการนอกขอบอำนาจของพระราชบัญญัติดังกล่าวนี้ และในประกาศนั้น ต้องสั่งห้ามมิให้ค้ากำไรเกินควรในสิ่งของที่ระบุชื่อไว้ในประกาศนั้นด้วย จะถือว่าประกาศห้ามเคลื่อนย้ายสิ่งของเหล่านั้นแล้วก็เป็นการห้ามมิให้ค้ากำไรเกินควรในสิ่งนั้นอยู่ในตัวมิได้(อ้างฎีกาที่ 721/2502)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1611/2512 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดของตัวแทนจากการขายเชื่อเกินอำนาจและการขาดหลักฐานการซื้อขาย
จำเลยซึ่งเป็นลูกจ้างโดยเป็นผู้จัดการสาขาของโจทก์ ได้ขายมะพร้าวเชื่อให้ ป. และ ส. ไปโดยมิได้ให้ผู้ซื้อทำหลักฐานการซื้อไว้ และขายมะพร้าวเชื่อให้ ต. และ ง. เกินอำนาจผู้จัดการสาขาที่จะให้ผู้ซื้อซื้อเชื่อได้ จำเลยในฐานะตัวแทนของโจทก์ในเรื่องการค้ามะพร้าว ก็ต้องรับผิดในความเสียหายที่เกิดแก่โจทก์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 812 ข้อที่โจทก์เคยฟ้องเรียกหนี้ค่าซื้อเชื่อมะพร้าว แล้วถอนฟ้อง เหตุที่โจทก์จำต้องถอนฟ้องก็เพราะจำเลยมิได้ทำหลักฐานการซื้อเชื่อไว้ และยังปล่อยให้หนี้ขาดอายุความ จำเลยจึงต้องรับผิดในความเสียหายที่จำเลยที่ 1 ก่อให้เกิดขึ้น เพราะโจทก์ไม่มีทางรับชำระหนี้อีกต่อไป
จำเลยเป็นตัวแทนโจทก์ขายมะพร้าวเชื่อให้ พ. เกินอำนาจของจำเลย โจทก์ฟ้อง พ. เรียกให้ชำระหนี้ค่าซื้อมะพร้าวจนโจทก์ชนะคดีไปแล้ว แต่บังคับคดีไม่ได้เพราะ พ.หลบหนีไป โจทก์จะเรียกร้องเอาค่าเสียหายจากจำเลยอีกไม่ได้ ต้องถือว่าความเสียหายของโจทก์หมดไป โดยการที่โจทก์บังอาจบังคับคดีเอาจาก พ.ลูกหนี้ได้ จำเลยจึงไม่ต้องรับผิดในกรณีนี้
(วินิจฉัยโดยที่ประชุมครั้งที่ 20-22/2512)
จำเลยเป็นตัวแทนโจทก์ขายมะพร้าวเชื่อให้ พ. เกินอำนาจของจำเลย โจทก์ฟ้อง พ. เรียกให้ชำระหนี้ค่าซื้อมะพร้าวจนโจทก์ชนะคดีไปแล้ว แต่บังคับคดีไม่ได้เพราะ พ.หลบหนีไป โจทก์จะเรียกร้องเอาค่าเสียหายจากจำเลยอีกไม่ได้ ต้องถือว่าความเสียหายของโจทก์หมดไป โดยการที่โจทก์บังอาจบังคับคดีเอาจาก พ.ลูกหนี้ได้ จำเลยจึงไม่ต้องรับผิดในกรณีนี้
(วินิจฉัยโดยที่ประชุมครั้งที่ 20-22/2512)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1611/2512 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดของตัวแทนจากการขายเชื่อเกินอำนาจและการละเลยหลักฐานการซื้อขาย
จำเลยซึ่งเป็นลูกจ้างโดยเป็นผู้จัดการสาขาของโจทก์ ได้ขายมะพร้าวเชื่อให้ ป. และ ส. ไปโดยมิได้ให้ผู้ซื้อทำหลักฐานการซื้อไว้ และขายมะพร้าวเชื่อให้ ต.และง.เกินอำนาจผู้จัดการสาขาที่จะให้ผู้ซื้อซื้อเชื่อได้ จำเลยในฐานะตัวแทนของโจทก์ในเรื่องการค้ามะพร้าว ก็ต้องรับผิดในความเสียหายที่เกิดขึ้นแก่โจทก์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 812 ข้อที่โจทก์เคยฟ้องเรียกหนี้ค่าซื้อเชื่อมะพร้าว แล้วถอนฟ้อง เหตุที่โจทก์จำต้องถอนฟ้องก็เพราะจำเลยมิได้ทำหลักฐานการซื้อเชื่อไว้และยังปล่อยให้หนี้ขาดอายุความ จำเลยจึงยังต้องรับผิดในความเสียหายที่จำเลยที่ 1 ก่อให้เกิดขึ้น เพราะโจทก์ไม่มีทางรับชำระหนี้อีกต่อไป
จำเลยเป็นตัวแทนโจทก์ขายมะพร้าวเชื่อให้ พ.เกินอำนาจของจำเลย โจทก์ฟ้อง พ. เรียกให้ชำระหนี้ค่าซื้อมะพร้าวจนโจทก์ชนะคดีไปแล้ว แต่บังคับคดีไม่ได้ เพราะ พ. หลบหนีไป โจทก์จะเรียกร้องเอาค่าเสียหายจากจำเลยอีกไม่ได้ ต้องถือว่าความเสียหายของโจทก์หมดไป โดยการที่โจทก์บังอาจบังคับคดีเอาจาก พ. ลูกหนี้ได้ จำเลยจึงไม่ต้องรับผิดในกรณีนี้ (วินิจฉัยโดยที่ประชุมใหญ่ครั้งที่ 20-22/2512)
จำเลยเป็นตัวแทนโจทก์ขายมะพร้าวเชื่อให้ พ.เกินอำนาจของจำเลย โจทก์ฟ้อง พ. เรียกให้ชำระหนี้ค่าซื้อมะพร้าวจนโจทก์ชนะคดีไปแล้ว แต่บังคับคดีไม่ได้ เพราะ พ. หลบหนีไป โจทก์จะเรียกร้องเอาค่าเสียหายจากจำเลยอีกไม่ได้ ต้องถือว่าความเสียหายของโจทก์หมดไป โดยการที่โจทก์บังอาจบังคับคดีเอาจาก พ. ลูกหนี้ได้ จำเลยจึงไม่ต้องรับผิดในกรณีนี้ (วินิจฉัยโดยที่ประชุมใหญ่ครั้งที่ 20-22/2512)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1611/2512
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดของตัวแทนจากการขายเชื่อเกินอำนาจ และผลกระทบของการบังคับคดีสำเร็จต่อความรับผิด
จำเลยซึ่งเป็นลูกจ้างโดยเป็นผู้จัดการสาขาของโจทก์ ได้ขายมะพร้าวเชื่อให้ ป. และ ส. ไปโดยมิได้ให้ผู้ซื้อทำหลักฐานการซื้อไว้. และขายมะพร้าวเชื่อให้ ต.และง.เกินอำนาจผู้จัดการสาขาที่จะให้ผู้ซื้อซื้อเชื่อได้.จำเลยในฐานะตัวแทนของโจทก์ในเรื่องการค้ามะพร้าว ก็ต้องรับผิดในความเสียหายที่เกิดขึ้นแก่โจทก์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 812. ข้อที่โจทก์เคยฟ้องเรียกหนี้ค่าซื้อเชื่อมะพร้าว แล้วถอนฟ้อง. เหตุที่โจทก์จำต้องถอนฟ้องก็เพราะจำเลยมิได้ทำหลักฐานการซื้อเชื่อไว้.และยังปล่อยให้หนี้ขาดอายุความ. จำเลยจึงยังต้องรับผิดในความเสียหายที่จำเลยที่ 1 ก่อให้เกิดขึ้น. เพราะโจทก์ไม่มีทางรับชำระหนี้อีกต่อไป.
จำเลยเป็นตัวแทนโจทก์ขายมะพร้าวเชื่อให้ พ.เกินอำนาจของจำเลย. โจทก์ฟ้อง พ. เรียกให้ชำระหนี้ค่าซื้อมะพร้าวจนโจทก์ชนะคดีไปแล้ว แต่บังคับคดีไม่ได้.เพราะ พ. หลบหนีไป. โจทก์จะเรียกร้องเอาค่าเสียหายจากจำเลยอีกไม่ได้.ต้องถือว่าความเสียหายของโจทก์หมดไป. โดยการที่โจทก์บังอาจบังคับคดีเอาจาก พ. ลูกหนี้ได้. จำเลยจึงไม่ต้องรับผิดในกรณีนี้. (วินิจฉัยโดยที่ประชุมใหญ่ครั้งที่ 20-22/2512).
จำเลยเป็นตัวแทนโจทก์ขายมะพร้าวเชื่อให้ พ.เกินอำนาจของจำเลย. โจทก์ฟ้อง พ. เรียกให้ชำระหนี้ค่าซื้อมะพร้าวจนโจทก์ชนะคดีไปแล้ว แต่บังคับคดีไม่ได้.เพราะ พ. หลบหนีไป. โจทก์จะเรียกร้องเอาค่าเสียหายจากจำเลยอีกไม่ได้.ต้องถือว่าความเสียหายของโจทก์หมดไป. โดยการที่โจทก์บังอาจบังคับคดีเอาจาก พ. ลูกหนี้ได้. จำเลยจึงไม่ต้องรับผิดในกรณีนี้. (วินิจฉัยโดยที่ประชุมใหญ่ครั้งที่ 20-22/2512).
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1451/2512 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การมอบอำนาจรับเงิน: ตัวแทนช่วงต้องได้รับอนุญาตจากตัวการ
ผู้ได้รับมอบอำนาจให้เป็นโจทก์ฟ้องความและให้รับเงินแทนด้วยนั้น จะมอบอำนาจให้บุคคลอื่นรับเงินจากศาลแทนไม่ได้ เพราะเป็นการตั้งตัวแทนช่วงโดยมิได้รับอนุญาตจากตัวการ
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 24,25/2512)
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 24,25/2512)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1451/2512
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การมอบอำนาจรับเงิน: ตัวแทนช่วงต้องได้รับอนุญาตจากตัวการ
ผู้ได้รับมอบอำนาจให้เป็นโจทก์ฟ้องความและให้รับเงินแทนด้วยนั้น จะมอบอำนาจให้บุคคลอื่นรับเงินจากศาลแทนไม่ได้ เพราะเป็นการตั้งตัวแทนช่วงโดยมิได้รับอนุญาตจากตัวการ. (ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 24,25/2512).
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1403/2512 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่เกินอำนาจ ไม่ถือเป็นความผิดตามมาตรา 157 หากไม่ใช่หน้าที่โดยตรง
การปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติโดยมิชอบ หรือโดยทุจริตอันจะเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 นั้น จะต้องเป็นการปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติเฉพาะแต่ตามหน้าที่ของเจ้าพนักงานผู้นั้นโดยตรงตามที่ได้รับมอบหมายในหน้าที่นั้น ๆ เท่านั้น ถ้าการปฏิบัติหรือละเว้นปฏิบัติที่ไม่เกี่ยวกับหน้าที่ของพนักงานผู้นั้นโดยตรงแล้ว ก็ย่อมไม่เป็นความผิดตามมาตรานี้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1403/2512 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ต้องเป็นหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายโดยตรง การออกใบเบิกทางเกินอำนาจไม่ถือเป็นความผิด
การปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติโดยมิชอบ หรือโดยทุจริตอันจะเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 นั้นจะต้องเป็นการปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติเฉพาะแต่ตามหน้าที่ของเจ้าพนักงานผู้นั้นโดยตรงตามที่ได้รับมอบหมายให้มีหน้าที่นั้นๆ เท่านั้น ถ้าการปฏิบัติหรือละเว้นปฏิบัติที่ไม่เกี่ยวกับหน้าที่ของพนักงานผู้นั้นโดยตรงแล้ว ก็ย่อมไม่เป็นความผิดตามมาตรานี้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 99-101/2511 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขอบเขตอำนาจประกาศคณะปฏิวัติฉบับที่ 19 และการนิยามค่าจ้าง รวมถึงค่าล่วงเวลา
ประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 19 ข้อ 2 ที่ให้กระทรวงมหาดไทยมีอำนาจกำหนดการจ่ายค่าจ้างของลูกจ้างนั้น คำว่า'ค่าจ้าง' มิได้มีบทนิยามไว้ จึงต้องเข้าใจตามความหมายสามัญคือหมายถึงสินจ้างที่นายจ้างจ่ายให้แก่ลูกจ้างตลอดเวลาที่ลูกจ้างทำงานให้ หรือนัยหนึ่งหมายถึงสินจ้างที่ให้ตอบแทนการทำงานของลูกจ้าง
ประกาศของกระทรวงมหาดไทยที่ออกโดยอาศัยอำนาจตามความในข้อ2 แห่งประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 19 ได้กำหนดบทนิยามคำว่า 'ค่าจ้าง''ค่าล่วงเวลา'และ'ค่าล่วงเวลาในวันหยุด' ขึ้นเพื่อสะดวกแก่การดำเนินการให้เป็นไปตามประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ 19 ในส่วนที่เกี่ยวกับการจ่ายค่าจ้างโดยจำแนกชื่อค่าจ้างหรือสินจ้างที่นายจ้างจ่ายให้แก่ลูกจ้างและหลักเกณฑ์การจ่ายต่างกันไปตามเวลาหรือวันที่ลูกจ้างทำงานให้ คำว่า 'ค่าล่วงเวลา'และ'ค่าล่วงเวลาในวันหยุด'เป็นค่าจ้างหรือสินจ้างที่นายจ้างจ่ายให้แก่ลูกจ้างที่ทำงานเกินเวลาปกติ หรือทำงานในวันหยุดในอัตราพิเศษ อันมีลักษณะและหลักเกณฑ์ในการจ่ายต่างกับคำว่า 'ค่าจ้าง' ตามที่กำหนดไว้ในประกาศของกระทรวงมหาดไทยส่วนที่บทนิยามคำว่า 'ค่าจ้าง'ตามประกาศของกระทรวงมหาดไทยไม่รวม'ค่าล่วงเวลา'และ 'ค่าล่วงเวลาในวันหยุด' เพราะได้มีบทนิยามไว้อีกส่วนหนึ่งต่างหาก ฉะนั้น คำว่า 'ค่าล่วงเวลา' และ'ค่าล่วงเวลาในวันหยุด' จึงเป็นค่าจ้างตามความมุ่งหมายในประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ 19 ประกาศของกระทรวงมหาดไทยที่กำหนดการปฏิบัติในเรื่องการจ่ายค่าจ้างโดยจำแนกชื่อสินจ้างต่างกันไปจึงไม่ได้ออกนอกเหนืออำนาจที่ประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ 19 กำหนดให้
ประกาศของกระทรวงมหาดไทยที่ออกโดยอาศัยอำนาจตามความในข้อ2 แห่งประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 19 ได้กำหนดบทนิยามคำว่า 'ค่าจ้าง''ค่าล่วงเวลา'และ'ค่าล่วงเวลาในวันหยุด' ขึ้นเพื่อสะดวกแก่การดำเนินการให้เป็นไปตามประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ 19 ในส่วนที่เกี่ยวกับการจ่ายค่าจ้างโดยจำแนกชื่อค่าจ้างหรือสินจ้างที่นายจ้างจ่ายให้แก่ลูกจ้างและหลักเกณฑ์การจ่ายต่างกันไปตามเวลาหรือวันที่ลูกจ้างทำงานให้ คำว่า 'ค่าล่วงเวลา'และ'ค่าล่วงเวลาในวันหยุด'เป็นค่าจ้างหรือสินจ้างที่นายจ้างจ่ายให้แก่ลูกจ้างที่ทำงานเกินเวลาปกติ หรือทำงานในวันหยุดในอัตราพิเศษ อันมีลักษณะและหลักเกณฑ์ในการจ่ายต่างกับคำว่า 'ค่าจ้าง' ตามที่กำหนดไว้ในประกาศของกระทรวงมหาดไทยส่วนที่บทนิยามคำว่า 'ค่าจ้าง'ตามประกาศของกระทรวงมหาดไทยไม่รวม'ค่าล่วงเวลา'และ 'ค่าล่วงเวลาในวันหยุด' เพราะได้มีบทนิยามไว้อีกส่วนหนึ่งต่างหาก ฉะนั้น คำว่า 'ค่าล่วงเวลา' และ'ค่าล่วงเวลาในวันหยุด' จึงเป็นค่าจ้างตามความมุ่งหมายในประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ 19 ประกาศของกระทรวงมหาดไทยที่กำหนดการปฏิบัติในเรื่องการจ่ายค่าจ้างโดยจำแนกชื่อสินจ้างต่างกันไปจึงไม่ได้ออกนอกเหนืออำนาจที่ประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ 19 กำหนดให้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 94/2511 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจผู้ว่าราชการจังหวัดในการประกาศเขตควบคุมการค้าข้าวและการสั่งให้แจ้งปริมาณข้าว ต้องอาศัยอำนาจจากคณะกรรมการฯ
คณะกรรมการปฏิบัติการตามพระราชบัญญัติการค้าข้าว มีอำนาจประกาศเขตควบคุมการค้าข้าวได้ตามมาตรา 7 แห่งพระราชบัญญัติการค้าข้าว พ.ศ.2489 ผู้ว่าราชการจังหวัดไม่มีอำนาจประกาศเขตควบคุมการค้าข้าว
ตามประกาศของคณะกรรมการปฏิบัติการตามพระราชบัญญัติการค้าข้าวได้กำหนดเขตท้องที่จังหวัดทุกจังหวัดทั่วราชอาณาจักรเป็นเขตควบคุมการค้าข้าวและแต่งตั้งผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นพนักงานเจ้าหน้าที่ในจังหวัดนั้นๆ ให้มีอำนาจสั่งให้แจ้งปริมาณและสถานที่เก็บข้าวฉะนั้นผู้ว่าราชการจังหวัดจึงมีอำนาจประกาศสั่งให้แจ้งปริมาณและสถานที่เก็บข้าวได้แม้ประกาศของผู้ว่าราชการจังหวัดดังกล่าวจะกำหนดเขตควบคุมการค้าข้าวไว้ด้วยก็มีผลใช้บังคับได้ตามกฎหมาย
ประกาศของผู้ว่าราชการจังหวัดได้อ้างถึงฐานะพนักงานเจ้าหน้าที่ส่วนจังหวัดและกล่าวถึงที่มาของอำนาจซึ่งได้รับจากคณะกรรมการปฏิบัติการตามพระราชบัญญัติการค้าข้าว ดังนี้แสดงว่าประกาศนั้นมิได้ออกไปตามอำนาจและหน้าที่ของผู้ว่าราชการจังหวัดตามปกติ
ข้าวสารที่ไม่แจ้งปริมาณและสถานที่เก็บต่อพนักงานเจ้าหน้าที่เป็นข้าวซึ่งเกี่ยวเนื่องกับความผิดต้องริบข้าวสารและกระสอบบรรจุข้าวสารนั้นตามมาตรา 21ทวิ แห่งพระราชบัญญัติการค้าข้าวพ.ศ.2489
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 3/2511)
ตามประกาศของคณะกรรมการปฏิบัติการตามพระราชบัญญัติการค้าข้าวได้กำหนดเขตท้องที่จังหวัดทุกจังหวัดทั่วราชอาณาจักรเป็นเขตควบคุมการค้าข้าวและแต่งตั้งผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นพนักงานเจ้าหน้าที่ในจังหวัดนั้นๆ ให้มีอำนาจสั่งให้แจ้งปริมาณและสถานที่เก็บข้าวฉะนั้นผู้ว่าราชการจังหวัดจึงมีอำนาจประกาศสั่งให้แจ้งปริมาณและสถานที่เก็บข้าวได้แม้ประกาศของผู้ว่าราชการจังหวัดดังกล่าวจะกำหนดเขตควบคุมการค้าข้าวไว้ด้วยก็มีผลใช้บังคับได้ตามกฎหมาย
ประกาศของผู้ว่าราชการจังหวัดได้อ้างถึงฐานะพนักงานเจ้าหน้าที่ส่วนจังหวัดและกล่าวถึงที่มาของอำนาจซึ่งได้รับจากคณะกรรมการปฏิบัติการตามพระราชบัญญัติการค้าข้าว ดังนี้แสดงว่าประกาศนั้นมิได้ออกไปตามอำนาจและหน้าที่ของผู้ว่าราชการจังหวัดตามปกติ
ข้าวสารที่ไม่แจ้งปริมาณและสถานที่เก็บต่อพนักงานเจ้าหน้าที่เป็นข้าวซึ่งเกี่ยวเนื่องกับความผิดต้องริบข้าวสารและกระสอบบรรจุข้าวสารนั้นตามมาตรา 21ทวิ แห่งพระราชบัญญัติการค้าข้าวพ.ศ.2489
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 3/2511)